บทที่ 3 - ใครขวางทางจัดการให้หมด
ดวงตาสวยหวานแต่ดูหวาดหวั่นอย่างที่สุด มองตรงไปยังศาลาชานเรือน ที่นั่น ‘แก้วตา’ เห็น ‘กำนันเดช’ ลุงของหล่อนนั่งนิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว เหมือนท่านกำลังรอคอยใครอยู่ แน่นอนว่าแก้วตาก็รอคอยไปพร้อมๆ กับท่านด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นแล้วเมื่อคืน หล่อนคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้เลย แต่ก็หวังให้เป็นไปในทิศทางดี อย่าให้สิ่งใดร้ายๆ กระทำการได้สำเร็จ
สายตาหวาดหวั่นยังมองคุณลุง ทว่าหยาดน้ำตากลับค่อยๆ เอ่อล้น เมื่อนึกไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมา
เมื่อคืนหลังจากไปแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระนพ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆ อาจจะเกิดขึ้น เพราะนาทรับคำสั่งจากคุณลุงให้ไปเผาเรือนคุณพระนพและเรือนคุณพระอรรถ หากมีใครขวางก็ให้ฆ่าไม่เว้น
แต่คนทางนั้นกลับยืนยันว่าหาทางรับมือได้ พร้อมกำชับหล่อนหนักหนาว่า ‘ห้าม’ มาแจ้งข่าวใดๆ อีก
‘คุณแก้วตา ต้องจำคำที่ผมบอกให้ดี ห้าม! เด็ดขาด ห้ามคุณแก้วตาให้พี่นิ่มหรือใครก็ตาม มาแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระเด็ดขาด ผมห้าม!’
น้ำเสียงของ ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘หมื่นขวัญ’ ยามเอ่ยคำว่า ‘ห้าม!’ นั้นคือห้ามจริงจัง เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ให้มาแจ้งแล้วรอให้หมื่นขวัญไปติดตามข่าวเอง มันจะช้าไปน่ะสิ
‘ถ้ามัวแต่รอหมื่นขวัญ แล้วเกิดเหตุด่วน! ที่ฉันต้องบอกหมื่นขวัญให้รู้เร็วที่สุดเล่า ฉันจะทำอย่างไร บางเรื่องมันอาจรอหมื่นขวัญไม่ได้นะ อย่างเช่นเรื่องวันนี้’
เรื่องที่คุณลุงสั่งเผาเรือน ใครเล่าจะรอได้
‘อย่างไรคุณแก้วตาก็ต้องรอครับ จะทำแบบวันนี้อีกไม่ได้’
‘แต่...’
‘ไม่มีแต่ครับ คุณแก้วตาต้องเชื่อผม ถ้ามีอะไรผิดสังเกต ผมจะมาฟังข่าวเอง เพราะหากกำนันจับได้ขึ้นมาว่าคุณแก้วตาให้คนมาแจ้งข่าว ไม่ว่าใคร... ก็ตายแน่นอนครับ’
อาจจริงที่หมื่นขวัญพูด ไม่ว่าใครถ้าถูกจับได้คงต้องตายแน่นอน แต่จะให้หล่อนรอคอยอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ ถ้ามันไม่ทันเล่า
‘ถ้ามันร้ายแรงมากๆ แล้วหมื่นขวัญแก้ไม่ทันจะทำอย่างไร’
‘ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมคิดว่าคุณพระท่าน พี่ปาน พี่เปลว และก็ตัวผมเอง จะต้องหาทางแก้ปัญหาไปได้แน่ คุณแก้วตาวางใจเถิด’
‘แต่...’
‘ผมไม่อยากให้ใครก็ตาม... ถูกทำร้าย’
แม้จะเลี่ยงคำว่า ‘ตาย’ เป็นแค่ถูกทำร้าย แต่ก็สร้างความหนาวสะท้านเข้าไปถึงหัวใจ
แม้คุณลุงจะดีแสนดีกับหล่อนมากมายเพียงใด แต่ถ้าเป็นคนอื่น เชื่อว่าคุณลุงสั่งการได้โดยไม่ลังเล เพราะขนาดสั่งให้นาทไปเผาเรือนคุณพระนพกับเรือนคุณพระอรรถ ท่านยังสั่งได้อย่างเลือดเย็น หนำซ้ำยังสั่งฆ่าไม่ให้เหลือ ถ้าใครมาขวาง
น้ำเสียงกร้าวไปด้วยความเหี้ยมโหดนั้น แก้วตาได้ยินเองกับหู แล้วนับประสาอะไรกับคนที่หล่อนให้ไปแจ้งข่าว ถ้าคุณลุงจับได้ขึ้นมา คงชดใช้ชีวิตของใครไม่ได้
‘เชื่อใจผม’
เสียงทุ้มที่บอกให้เชื่อใจ หล่อนเชื่อเขาที่สุด แต่การรอคอยสถานการณ์อยู่แบบนี้ ก็อึดอัดและทรมานสิ้นดี
“พี่นิ่ม ฉันไม่ไหวแล้วนะ ฉันอยากรู้ว่าคุณลุงจะทำสิ่งใดอีก แล้วพี่นาททำ... อึ๊ย!”
แก้วตาอึดอัดใจแต่ไม่กล้าพูดสิ่งเลวร้ายที่คุณลุงสั่งนาทไปทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสำเร็จหรือไม่ แต่นั่นคือท่านเป็นคนเริ่มต้น
ใบหน้างามจิ้มลิ้มแต่มีแววกังวลใจอยู่เต็มหันมองนิ่มที่นั่งพับเพียบอยู่แทบพื้น ทว่าสายตาของนิ่มกลับมองไปยังทิศทางของศาลาชานเรือน แก้วตามองตามทันที และก็เห็นว่านาทกับลูกน้องกำลังเดินขึ้นเรือนมา ก่อนจะตรงไปหาคุณลุง
นาทก้มหน้าพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งคุณลุงที่เดินไปเดินมานั้นก็ใช้ไม้เท้าในมือกระทุ้งพื้นกระดานไปด้วย มองรู้ว่าโกรธมาก
แก้วตารีบย่อกายลงนั่งขยับเข้าไปชิดกับนิ่ม ทั้งอยากรู้ ทั้งกลัว จนเกิดอาการหนาวสะท้านไปทั้งร่าง และนิ่มที่เห็นกิริยาของนายสาวก็รีบโอบกอดร่างสั่นไว้ทันที
“พี่นิ่ม... มันไม่เกิดอะไรขึ้นใช่ไหมพี่”
เสียงเบาถามย้ำดั่งพยายามสร้างความมั่นใจว่าเหตุร้ายๆ นั้นคงไม่เกิด แต่นิ่มกับยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากให้หล่อนเงียบ พร้อมพยักพเยิดให้มองและตั้งใจฟัง
แก้วตาพยักหน้าน้อยๆ ว่าเข้าใจ ดวงตาเจิ่งคลอไปด้วยหยาดน้ำมองตรงไปยังชายสูงวัยร่างสันทัด ชายคนที่อุ้มชูเลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่พ่อแม่ตายจากไป ทว่าเวลานี้กลับเหมือนว่าหล่อนไม่รู้จักคุณลุงเลย
คุณลุงที่ใจดีกับหล่อนเสมอ ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายกับคนอื่น
ที่ศาลาชานเรือน กำนันเดชกระแทกไม้เท้าลงพื้นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเต็มที่ ขณะฟังสิ่งที่ไอ้นาทบอกเล่า ทั้งที่อยากจะระเบิดความโกรธแล้วฟาดไม้เท้าลงบนร่างของมันนัก ข้อหาที่ทำงานพลาดอีกครั้งแล้ว
“มึงพูดออกมาให้หมดไอ้นาท ใครกันที่มันบังอาจขัดขวางแผนการของกู!”
น้ำเสียงเค้นออกมาเพราะความคั่งแค้นสะสม ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ เหมือนว่าเขาจะเป็นรองไอ้คุณพระนพอยู่ร่ำไป ไม่เคยก้าวนำหน้ามันได้ มีแต่ก้าวตามหลัง ครั้งนี้หวังว่าความแค้นสุมอกจะทำให้มันตาย แต่มันกลับรอด ซ้ำยังซ้อนแผนให้คนมาซุ่มจัดการคนของไอ้นาทเสียอีก
