ตอนที่ 7 : สองแม่ลูกอสรพิษ
ตอนที่
[5]
สองแม่ลูกอสรพิษ
หลี่ซ่างเอินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับเปลี่ยนสีหน้าจากเยือกเย็นกลับมาเป็นคุณหนูผู้อ่อนแอและตื่นกลัวในชั่วพริบตา นางหันไปพยักหน้าให้ไจ้หลิน ก่อนจะเดินออกจากเรือนเพื่อไปยังเรือนใหญ่ของฮูหยินใหญ่
ระหว่างทาง นางจงใจเดินก้มหน้าก้มตา ตัวสั่นเล็กน้อยราวกับยังขวัญเสียไม่หาย ทำให้บ่าวรับใช้ที่เดินผ่านไปมาต่างลอบมองด้วยความสงสัยระคนสมเพช
เมื่อมาถึงโถงรับรองของเรือนใหญ่ ก็พบหลี่ฮูหยินหรือหวังฮุ่ยจี้และหลี่ซวงอี๋นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เห็นสภาพมอมแมมเปรอะเปื้อนเลือดของหลี่ซ่างเอิน สองแม่ลูกก็รีบปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความ ‘ตกใจ’ และ ‘เป็นห่วง’ อย่างถึงที่สุด
“เอินเออร์! นี่มันเกิดอะไรขึ้น! เหตุใดเจ้าถึงอยู่ในสภาพนี้!” หลี่ซวงอี๋เป็นคนแรกที่เปิดฉากละคร นางคว้าแขนของน้องสาวไว้แน่น ดวงตางามเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา พลางสำรวจร่างกายน้องสาวอย่างรวดเร็ว
หลี่ฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น “แล้วพวกโจรเล่า เหตุใดเจ้าถึงกลับมาได้ แล้วรถม้าของเจ้าเล่าอยู่ที่ใด”
คำถามที่ยิงมารัว ๆ นั้นแฝงไปด้วยความคาดคั้นอยู่ในที สองแม่ลูกต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะเห็นผลงานชิ้นเอกของพวกนาง
โดยที่ไม่ได้เอะใจในคำถามของตนเองเลยแม้แต่น้อย ว่าหากเป็นผู้อื่นได้ฟังมันจะน่าสงสัยเพียงใด
หลี่ซ่างเอินค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตากลมโตแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นางส่ายหน้าไปมา พูดจาติด ๆ ขัด ๆ
ทว่าวินาทีที่ใบหน้างดงามหมดจด ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนแม้เพียงรอยเดียวของหลี่ซ่างเอินปรากฏแก่สายตาของสองแม่ลูกอย่างเต็มตา ทั้งหลี่ฮูหยินและหลี่ซวงอี๋ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ!
เป็นไปได้อย่างไร!
ความคิดนี้ดังก้องอยู่ในหัวของทั้งสองคนพร้อมกัน แผนการคือกรีดใบหน้าของมันให้เสียโฉมอัปลักษณ์! เหตุใดใบหน้านั่นถึงยังคงเรียบเนียนงดงามอยู่ได้!
“ใบหน้าเจ้า...” หลี่ซวงอี๋หลุดปากออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“ซีดเซียวเหลือเกิน… พวกมันทำอะไรเจ้าบ้าง!”
หลี่ซ่างเอินแสร้งทำเป็นไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกฝ่าย นางปล่อยโฮออกมาอย่างน่าเวทนาแล้วเล่าเรื่องราวที่แต่งขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้า... ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านแม่ใหญ่ พี่ใหญ่... ตอนนั้นน่ากลัวมาก โจร... พวกมันฆ่าคนขับรถม้าของเรา แล้วก็... ตอนที่พวกมันจะทำร้ายข้า ไจ้หลินก็เข้ามาขวางไว้ แล้ว... แล้วจู่ ๆ พวกมันก็ทะเลาะกันเองแล้วก็สู้กัน ข้าอาศัยจังหวะตอนชุลมุนหนีออกมา... ข้ากลัว... ข้ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ ฮือ”
นางปิดท้ายด้วยการโผเข้ากอดหลี่ซวงอี๋อย่างต้องการที่พึ่ง
หลี่ซวงอี๋และหลี่ฮูหยินได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ่งตกตะลึง สองแม่ลูกลอบสบตากันอย่างรวดเร็ว แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเดือดดาลอย่างรุนแรง
แผนผิดพลาด! ไม่เพียงแต่ไม่สำเร็จ นังเด็กนี่ยังรอดกลับมาได้โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนอีก!
แต่เบื้องหน้าหลี่ซวงอี๋ยังคงสวมบทบาทพี่สาวผู้แสนดีต่อไป นางลูบหลังน้องสาวเบา ๆ “ไม่เป็นไรแล้วนะเอินเออร์ เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
หลี่ฮูหยินปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว “ช่างเป็นโชคดีของเจ้าโดยแท้ที่รอดมาได้ สวรรค์ยังคงคุ้มครองเจ้าอยู่ แต่ว่า... แล้วเจ้ากลับมาที่จวนได้อย่างไร”
หลี่ซ่างเอินผละออกจากอ้อมกอดของพี่สาว เช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นอยู่
“พอ... พอหนีออกมาได้ ก็มาเจอเข้ากับขบวนเดินทางของท่านผู้มีพระคุณท่านหนึ่งโดยบังเอิญเจ้าค่ะ พวกเขาใจดีมาก พอทราบเรื่องก็ให้ความช่วยเหลือ ให้พวกเราติดรถม้ากลับมาส่งที่จวน”
“ขบวนเดินทางหรือ?” หลี่ซวงอี๋ทวนคำด้วยความสงสัย
“ของใครกัน”
“ข้า... ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ” หลี่ซ่างเอินส่ายหน้าอย่างใสซื่อ
“ข้าเห็นเพียงเป็นขบวนทหารที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ไม่ได้ถามชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขามาเพราะมัวแต่ตกใจอยู่”
คำตอบนั้นทำให้สองแม่ลูกยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก แผนการที่วางไว้อย่างดีกลับพังไม่เป็นท่า ไม่เพียงแต่หลี่ซ่างเอินจะไม่เสียโฉม แต่ยังไปพบเจอกับผู้มีอำนาจโดยบังเอิญอีก ช่างน่าเจ็บใจนัก!
“เอาเถิด ๆ รอดกลับมาได้ก็ดีแล้ว” หลี่ฮูหยินกล่าวปัด ๆ พลางโบกมือไล่อย่างไม่ใส่ใจนัก
“รีบกลับเรือนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเถิด เห็นแล้วช่าง…ดูไม่ได้เสียเลย”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนั้นทำให้หลี่ซ่างเอินต้องแอบยกยิ้มในใจ
เริ่มเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้วสินะ
“เจ้าค่ะท่านแม่ใหญ่” นางรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“เอ่อ... พี่ใหญ่เจ้าคะ แล้วของไหว้ที่เราจะนำไปถวายที่อารามเล่าเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้าง”
คำถามที่ดูใสซื่อนั้นแท้จริงแล้วคือการสาดน้ำมันเข้ากองไฟดี ๆ นี่เอง!
สีหน้าของหลี่ซวงอี๋แข็งค้างไปชั่วขณะ นางจะไปรู้ได้อย่างไร! นางไม่ได้ไปที่อารามเสียหน่อย นางเพียงแค่นั่งรถม้าวนไปรอฟังข่าวอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเท่านั้น!
“เอ่อ... คือ...” หลี่ซวงอี๋อึกอัก
หลี่ฮูหยินรีบแก้ต่างให้บุตรสาวทันควัน “พอพี่สาวเจ้าทราบว่าเจ้าประสบเหตุ นางก็รีบกลับมาที่จวนทันทีด้วยความเป็นห่วง จะมีแก่ใจไปไหว้พระได้อย่างไรกัน!”
“เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” หลี่ซ่างเอินเบิกตากว้างอย่างซาบซึ้งใจ
“พี่ใหญ่ช่างดีกับข้ายิ่งนัก เป็นข้าเองที่ไม่ดี ทำให้พี่ใหญ่ต้องลำบากใจและเป็นห่วงไปด้วย”
นางกล่าวพลางค้อมศีรษะให้พี่สาวอย่างรู้สึกผิดสุดซึ้ง การแสดงที่แนบเนียนนั้นทำให้หลี่ซวงอี๋ที่กำลังหงุดหงิดอยู่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ฝืนยิ้มรับอย่างเจื่อน ๆ “ไม่เป็นไรหรอกเอินเออร์ เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
จากนั้นหลี่ซ่างเอินจึงขอตัวลากลับไปยังเรือนของตน ทันทีที่หญิงสาวคล้อยหลังไป รอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าของหลี่ซวงอี๋ก็หายวับไปในทันที!
เพล้ง!
นางปัดถ้วยชาบนโต๊ะจนตกแตกกระจายด้วยความเดือดดาล!
“นังเด็กนั่น! มันรอดมาได้อย่างไร!”
“ใจเย็นก่อนอี๋เออร์” หลี่ฮูหยินกล่าวเสียงเรียบ แม้ในใจจะเดือดดาลไม่แพ้กัน
“โวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ กำแพงมีหูประตูมีช่อง เจ้าต้องใจเย็น ๆ”
“แต่ท่านแม่! แผนของเราพังหมดแล้ว! ไม่เพียงแต่มันจะไม่เสียโฉม มันยังดูไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน! แล้วไหนจะเรื่องผู้มีพระคุณอะไรนั่นอีก หากเป็นขุนนางใหญ่โตแล้วสืบสาวราวเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร!” หลี่ซวงอี๋ร้อนใจจนนั่งไม่ติด
“เจ้าคิดว่าพวกโจรป่ากระจอกนั่นจะซัดทอดมาถึงเราได้หรือ” หลี่ฮูหยินแค่นเสียงเย็น “อีกอย่างพวกมันคงไม่มีโอกาสได้ซัดทอดมาถึงพวกเราแน่เพราะพวกมันตายหมดแล้ว”
แม้ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร แต่คิดว่าคงไม่ใช่ผู้ที่ให้หลี่ซ่างเอินติดรถม้ากลับมาแน่นอน
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ!” หลี่ซวงอี๋ยังคงไม่หายโมโห
“ข้าเกลียดที่มันทำหน้าซื่อตาใส ทั้งที่ในใจอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็ได้!”
“เจ้าคิดมากไปแล้วอี๋เออร์” หลี่ฮูหยินมองบุตรสาวอย่างอ่อนใจ
“ดูจากท่าทางของมันแล้ว มันยังคงโง่งมเหมือนเดิมไม่มีผิด ซ้ำยังคิดว่าบ่าวของมันเป็นคนช่วยไว้ ไจ้หลินน่ะหรือ”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะท่านแม่ ปล่อยมันไว้เช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ตอนนี้ก็ผ่านวันปักปิ่นของมันแล้ว หากท่านพ่อหาคู่ครองดี ๆ ให้มันเล่า”
หลี่ฮูหยินยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อวิธีรุนแรงไม่ได้ผล... เราก็ต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีรุนแรงกว่าแต่แนบเนียนยิ่งกว่าเดิม”
ในตอนนั้นที่ดวงตาของหวังฮุ่ยจี้ทอประกายอำมหิตขึ้นมา
“ในเมื่อมันยังไม่เสียโฉม เช่นนั้น... ก็ทำให้มันกลายเป็นสตรีที่ไม่มีผู้ใดต้องการด้วยวิธีอื่นแทน... ข้ายังมียาพิษชั้นดีที่ได้มาเมื่อหลายปีก่อนอยู่”
รอยยิ้มของหลี่ซวงอี๋ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง นางโน้มตัวเข้าไปหาผู้เป็นมารดาด้วยความสนใจ “ยาพิษหรือเจ้าคะท่านแม่”
“ใช่” หลี่ฮูหยินพยักหน้าช้า ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด
“ยาพิษที่ไร้สี ไร้กลิ่น ออกฤทธิ์รุนแรง ทำให้ผู้ที่ได้กินมันเข้าไปต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ครานี้ต่อให้มันมีสิบชีวิตก็หนีไม่พ้น”
หลี่ซวงอี๋ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ
“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากเจ้าค่ะท่านแม่”
