บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 : สตรี(ซื่อ)บื้อในสายตาพยัคฆ์

ตอนที่

[4]

สตรี(ซื่อ)บื้อในสายตาพยัคฆ์

ทันทีที่ประตูรถม้าปิดลง หลี่ซ่างเอินก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ร่างที่เคยสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวพลันกลับมานิ่งสงบในทันที นางปล่อยมือจากไจ้หลินแล้วเอนกายพิงพนักอย่างผ่อนคลาย

ไจ้หลินมองผู้เป็นนายด้วยความสับสนระคนทึ่ง

“คุณหนู... เมื่อครู่นี้... ท่าน...”

“ชู่ว...” หลี่ซ่างเอินยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้เงียบเสียงลง นางเหลือบมองไปนอกหน้าต่างเล็กน้อย แม้จะอยู่ท้ายขบวนแต่ก็ไม่อาจประมาทได้

“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอธิบาย รอให้เรากลับถึงจวนก่อน”

ไจ้หลินได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่เมื่อเห็นแววตาที่นิ่งสงบและเฉียบคมของคุณหนูของตน นางก็รู้สึกได้ถึงความน่าเชื่อถือและปลอดภัยอย่างประหลาด ความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ค่อย ๆ จางหายไป เหลือเพียงความอยากรู้อยากเห็นว่าคุณหนูของนางจะทำสิ่งใดต่อไป

ขบวนเดินทางเคลื่อนตัวเข้าสู่ประตูเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนตามสองข้างทางต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องต้อนรับเซวียอ๋อง แต่ไม่มีผู้ใดสนใจรถม้าคันเล็กซอมซ่อที่อยู่ท้ายขบวน ซึ่งนั่นเป็นไปตามที่หลี่ซ่างเอินต้องการ

เมื่อขบวนเดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลหลี่ รถม้าของนางก็แยกตัวออกมาจอดนิ่งอยู่หน้าประตู

หยางซานฉีควบม้าเข้ามาเทียบ “คุณหนูหลี่ ถึงจวนของท่านแล้ว”

หลี่ซ่างเอินและไจ้หลินก้าวลงจากรถม้า นางหันไปโค้งคำนับให้หยางซานฉีอย่างนอบน้อม

“ข้าขอบคุณท่านแม่ทัพ และขอบคุณท่านผู้มีพระคุณอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้ บุญคุณครั้งนี้ตระกูลหลี่จะไม่มีวันลืมเลือน”

นางยังคงรักษาบทบาทสตรีผู้ใสซื่อและไม่รู้จักยศถาบรรดาศักดิ์ของใครได้อย่างไร้ที่ติ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าประตูจวนไปพร้อมกับบ่าวรับใช้ โดยไม่หันกลับมามองอีกแม้แต่ครั้งเดียว

หยางซานฉีมองตามหลังร่างระหงนั้นไปจนลับสายตา ก่อนจะควบม้ากลับไปรายงานผู้เป็นนายที่รถม้าพระที่นั่งซึ่งจอดรออยู่ไม่ไกล

“นางกลับเข้าจวนไปแล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”

ซ่งเว่ยหลิงไม่ได้กล่าวอะไร เขาเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะสั่งให้เคลื่อนขบวนต่อไปยังตำหนักของเขาที่อยู่เมืองหลวง

ภายในห้องหนังสือของตำหนักหย่งเจิ้น กลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ลอยอบอวล ซ่งเว่ยหลิงนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ แววตาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา

“หยางซานฉี” เซวียอ๋องเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” รองแม่ทัพคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านข้างขานรับทันที

“เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องในวันนี้”

หยางซานฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบตามตรง

“เรื่องของคุณหนูหลี่นั้น... มีความน่าสงสัยหลายอย่างพ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการตายของเหล่าโจรป่า”

“น่าสงสัยอย่างไร” ซ่งเว่ยหลิงถามต่อ สายตายังคงจับจ้องไปที่ถ้วยชาในมือ

“จากรายงานของทหาร โจรทั้งหกถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่จุดตาย ซึ่งนี่เป็นฝีมือของยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย แต่คุณหนูหลี่กลับบอกว่าเป็นฝีมือของบ่าวรับใช้นามไจ้หลิน ซึ่ง... ซึ่งกระหม่อมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าคิดว่าผู้ใดเป็นคนทำ”

หยางซานฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หรือว่า... จะมียอดฝีมือคนอื่นผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์พอดี จึงได้เข้าช่วยเหลือพวกนางไว้พ่ะย่ะค่ะ เพราะลำพังบ่าวรับใช้นามไจ้หลินนั่น ไม่น่าจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นเป็นแน่ ส่วนคุณหนูหลี่... ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ นางดูบอบบางและตื่นกลัวขนาดนั้น”

ซ่งเว่ยหลิงยกถ้วยชาขึ้นจิบช้า ๆ เขาก็นึกถึงภาพของคุณหนูหลี่ผู้นั้นเช่นกัน... นางดูตื่นกลัว หวาดผวาและใสซื่อจนดูโง่งม เรื่องเล่าของนางก็ฟังดูเหลวไหลไร้สาระ แต่แววตาของนางกลับไม่มีแววของการโกหกอยู่เลย มันเหมือนกับว่า... นางเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ

หรือนางจะตกใจจนเลอะเลือนไปชั่วขณะ?

“ไปสืบประวัติของนางมาให้ข้า” ซ่งเว่ยหลิงวางถ้วยชาลง

“หลี่ซ่างเอิน... บุตรสาวของรองเจ้ากรมพิธีการ ข้าต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หยางซานฉีรับคำสั่งก่อนจะขอตัวออกไปทันที

ซ่งเว่ยหลิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นิ้วเรียวยาวเคาะกับโต๊ะเป็นจังหวะช้า ๆ ในใจของเขารู้สึกสนใจใคร่รู้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สตรีผู้นี้... หากนางเสแสร้งแกล้งทำ ก็ต้องนับว่านางเป็นนักแสดงชั้นยอดที่แม้แต่เขาก็จับไม่ได้ แต่ถ้าหากนางไม่ได้เสแสร้ง...

ถ้าทุกสิ่งที่นางแสดงออกมาคือตัวตนที่แท้จริงของนาง...

สตรีที่ใสซื่อจนถึงขั้นซื่อบื้อ แต่กลับมีปริศนายอดฝีมือคอยคุ้มครอง...

มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก...

ขณะเดียวกัน ณ จวนตระกูลหลี่

ทันทีที่กลับมาถึงเรือนเล็กของตนเองและแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ ๆ ไจ้หลินก็หมดความอดทนในทันที

“คุณหนู! เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ! แล้ว... แล้ววรยุทธ์ของท่าน... ท่านไปเรียนรู้มาจากที่ใดตั้งแต่เมื่อไร แล้วเหตุใดต้องโกหกบุรุษผู้นั้นด้วยว่าบ่าวเป็นคน...”

หลี่ซ่างเอินยกมือขึ้นห้ามปรามให้บ่าวรับใช้ใจเย็นลง

“ไจ้หลิน เรื่องมันยาว เอาไว้ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้เจ้าฟัง แต่ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำคือทำตัวให้เป็นปกติที่สุด จำไว้ว่าเจ้าคือผู้ที่ปกป้องข้าจนทำให้โจรฆ่ากันเอง ไม่ว่าใครจะถามอะไร เจ้าก็แค่ทำท่าหวาดกลัวแล้วบอกว่าจำอะไรไม่ได้เพราะตกใจมากก็พอ”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่” หลี่ซ่างเอินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไจ้หลิน... เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่”

แววตาที่จริงจังและเด็ดเดี่ยวของผู้เป็นนายทำให้ไจ้หลินต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ นางมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น แม้จะเป็นคุณหนูคนเดิม แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ

“บ่าว... เชื่อใจคุณหนูเจ้าค่ะ”

“ดีมาก” หลี่ซ่างเอินคลี่ยิ้มออกมา

“เช่นนั้นก็ไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบเถิด ข้าอยากจะล้างคราบเลือดพวกนี้ออกไปเต็มทีแล้ว”

ขณะที่ไจ้หลินกำลังจะหมุนตัวออกไป เสียงของสาวใช้จากเรือนใหญ่ก็ดังขึ้นหน้าประตูเสียก่อน

“คุณหนูรองเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่กับคุณหนูใหญ่ให้มาเชิญท่านไปพบที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ซ่างเอินพลันเยือกเย็นลงในทันที ดวงตาของนางทอประกายคมปลาบขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

ละครฉากต่อไป... กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel