บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 : เหยื่อล่ออ๋องพยัคฆ์ 1/1

ตอนที่

[3]

เหยื่อล่ออ๋องพยัคฆ์

“ไจ้หลิน!” นางเรียกบ่าวรับใช้เสียงดัง เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคล้ายยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“เร็วเข้า! เราต้องไปขอความช่วยเหลือ!”

หลี่ซ่างเอินไม่รอช้า รีบโยนกระบี่ในมือทิ้งเข้าไปในพงหญ้าหนาทึบจนมองไม่เห็น จากนั้นก็จงใจใช้มือที่เปื้อนเลือดลูบใบหน้าของตนเองและไจ้หลินให้ดูมอมแมมและน่าเวทนายิ่งขึ้นไปอีก แล้วค่อยดึงทึ้งเสื้อผ้าของตนให้ขาดรุ่งริ่งกว่าเดิม ก่อนจะหันไปจับไหล่ของไจ้หลินที่ยังคงยืนนิ่งอึ้งอยู่เขย่าเบา ๆ

“ฟังข้านะไจ้หลิน” นางกระซิบเสียงรอดไรฟัน แต่แววตากลับจริงจังจนน่ากลัว “จากนี้ไป ไม่ว่าข้าจะพูดอะไรหรือทำอะไร เจ้ามีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือร้องไห้ ร้องไห้ให้ดูน่าสงสารที่สุด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่ร้องไห้แล้วพยักหน้าตามข้า เข้าใจหรือไม่!”

คำสั่งที่แฝงมาในรูปแบบของคำพูดที่ตื่นตระหนกทำให้ไจ้หลินได้แต่พยักหน้ารับอย่างงุนงง

“ดีมาก!” หลี่ซ่างเอินกล่าวจบก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นหวาดกลัวสุดขีดในทันที นางฉุดมือไจ้หลินให้วิ่งทะลุป่าออกมายังถนนสายหลัก

ภาพแรกที่เห็นคือขบวนเดินทางอันโอ่อ่าและน่าเกรงขาม ทหารองครักษ์ในชุดเกราะสีเงินวาววับนับร้อยนายตั้งขบวนอย่างเป็นระเบียบ ตรงกลางคือรถม้าคันใหญ่ที่แกะสลักอย่างวิจิตร หรูหราเกินกว่าจะเป็นของขุนนางทั่วไป ธงสัญลักษณ์พยัคฆ์ขาวที่โบกสะบัดอยู่ทำให้หัวใจของหลี่ซ่างเอินเต้นระรัว...

เซวียอ๋อง...

ดี! ยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก!

“หยุด! พวกเจ้าเป็นใคร!”

ทหารองครักษ์แถวหน้าชักดาบออกมาทันทีที่เห็นสตรีสองนางในสภาพมอมแมมวิ่งพรวดพราดออกมาจากป่า ปลายดาบแหลมคมชี้มาที่พวกนาง ทำให้ไจ้หลินกรีดร้องด้วยความตกใจและทรุดตัวลงกับพื้นทันที ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงที่สมจริงโดยไม่ต้องเสแสร้ง

หลี่ซ่างเอินรีบทรุดกายนั่งลงไปกับพื้นเช่นกัน นางโอบกอดบ่าวรับใช้ไว้แน่น แสดงบทบาทของคุณหนูผู้บอบบางที่กำลังปกป้องคนของตนอย่างเต็มที่ นางเงยหน้าขึ้นมองเหล่าทหารด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“พวก... พวกเราหนีโจรมาเจ้าค่ะ! ได้โปรด... ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”

ในตอนนั้นเองที่หยางซานฉี รองแม่ทัพคนสนิทของเซวียอ๋องควบม้าออกมาดูสถานการณ์ด้วยตนเอง เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพของสตรีทั้งสอง

“เจ้าเป็นใคร มาจากที่ใด”

“ข้า... ข้าชื่อหลี่ซ่างเอิน... เป็นบุตรสาวของรองเจ้ากรมพิธีการหลี่ซู่เจ้าค่ะ” นางตอบเสียงสั่น

“บุตรสาวของรองเจ้ากรมพิธีการหลี่ซู่เหตุใดจึงได้มาอยู่กลางป่ากลางเขาในสภาพเช่นนี้” หยางซานฉีเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางลอบประเมินสองสตรีตรงหน้า

“เรากำลังจะไปไหว้พระ แต่... แต่ถูกโจรดักปล้น พวกมันฆ่าคนขับรถม้า... ช่วย... ช่วยพวกเราด้วยเถิดเจ้าค่ะ ท่านผู้มีพระคุณ!”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหลี่ซ่างเอินเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดผวาอย่างแท้จริง นางจงใจเรียกพวกเขาว่า ‘ท่านผู้มีพระคุณ’ เพื่อแสดงให้เห็นว่านางไม่รู้จักยศถาบรรดาศักดิ์ของพวกเขา และเพียงแค่มองหาผู้มีเมตตาที่จะช่วยชีวิตเท่านั้น

ภายในรถม้าพระที่นั่ง…

ซ่งเว่ยหลิงนั้นได้ยินทุกอย่างชัดเจน

คิ้วกระบี่ของเขาขมวดมุ่นด้วยความรำคาญใจ

อีกแล้ว... คุณหนูตระกูลขุนนางที่สร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจ

เขาคิดอย่างเย็นชา

“จัดการไล่ไปให้พ้นทาง” ก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

หยางซานฉีรับคำสั่ง กำลังจะเอ่ยปากไล่ แต่แล้วคนในรถม้าก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของสตรีผู้นั้น...

นางไม่ได้พยายามชะเง้อมองมาทางรถม้า ไม่ได้แสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นหรือมีจริตใด ๆ สายตาของนางมีเพียงความหวาดกลัวต่อคมดาบของทหารเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารยังคงนิ่งเฉย สีหน้าของหลี่ซ่างเอินก็แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์แบบ นางก้มหน้าลงซบกับไหล่ของไจ้หลิน เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังขึ้น

“พวกเรา... คงจะรบกวนท่านแล้ว ไปเถิดไจ้หลินเราไปกันเถอะ...”

นางทำท่าเหมือนจะพยุงตัวเองและบ่าวรับใช้ลุกขึ้น เพื่อเดินจากไปอย่างไร้จุดหมาย เป็นภาพของสตรีผู้น่าสงสารที่ถูกปฏิเสธความช่วยเหลือจนต้องยอมรับชะตากรรมอย่างไม่มีทางเลือกทว่า…

“เดี๋ยวก่อน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel