บทที่ 1 ซือเมี่ยวผู้รู้ความ 2/2
โรงน้ำชา
ซือเมี่ยวเข้าไปนั่งรอคู่หมั้นหนุ่มและสหายที่ห้องรับรองด้านในสุด นางนั่งรอไม่นานทั้งสองก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกัน จากรอยยิ้มละมุนที่จวิ้นอ๋องมอบให้สหายของนางนั้นพลันเรียบตึง เมื่อเห็นว่าซือเมี่ยวที่ควรจะมาสายทุกครั้งกลับมาก่อน ทั้งสองที่เดินจนแทบไหล่ชนกันพลันรีบแยกห่างกันทันที
"วันนี้เจ้ามาเร็วยิ่งนัก"
'จูหลิ่งฟาง' บุตรีคนเล็กของรองเสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยเสียงใส นางรีบเดินไปนั่งข้างสหายพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเหลือบมองจวิ้นอ๋องที่นั่งตรงข้ามกับซือเมี่ยว
"ข้ามีเรื่องยินดีจะมาบอกเจ้าเลยรีบมาเร็วกว่าทุกที" ซือเมี่ยวหันไปยิ้มหวานที่ไปไม่ถึงดวงตากับจวิ้นอ๋อง "ท่านอ๋องลองชิมขนมดอกกุ้ยฮวาดูสิเพคะ"
ซือเมี่ยวเลื่อนจานขนมไปตรงหน้าของจวิ้นอ๋อง ทว่าตัวเขาหาได้สนใจไม่ กลับเลือกที่จะหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินให้ตัวเอง แล้วยังเผื่อแผ่ไปให้จูหลิ่งฟางด้วย
'ถังหนิงเฉิง' โอรสคนสำคัญของฮ่องเต้แห่งแคว้นถัง กำเนิดจากพระสนมเสียนเฟยจากตระกูลหวังผู้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เพราะต้องการให้บุตรชายมีอำนาจหนุนหลังจากตระกูลขุนนางชั้นสูง ฮ่องเต้และพระสนมเสียนเฟยจึงได้เลือกซือเมี่ยวมาเป็นพระชายาเอก
"ว่าแต่เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือ" จูหลิ่งฟางเอ่ยแก้สถานการณ์
"แม่รองของข้าตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วน่ะสิ อีกไม่นานข้าก็จะได้น้องชายแล้ว นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักในตระกูลซือของเรา"
ถังหนิงเฉิงที่เงียบมานานเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ "ฮูหยินรองผู้มาจากตระกูลจูสายรองใช่หรือไม่"
"เพคะ ท่านพ่อกับข้ายินดีกับเรื่องนี้มากเลยเพคะ หากแม่รองให้กำเนิดลูกชายท่านพ่อก็จะเลื่อนตำแหน่งให้นางเป็นฮูหยินเอกเพคะ"
"จูหลิ่งฟางแย้มยิ้มด้วยความยินดี "นี่ช่างเป็นเรื่องดีจริง ๆ เลย"
"เรื่องดีจริง ๆ"
ถังหนิงเฉิงแสยะยิ้มกว้าง นี่นับว่าเป็นเรื่องดีต่อเขาเลย ครั้งนี้จะได้มีเรื่องไปเป็นข้ออ้างกับเสด็จแม่ได้แล้ว บางทีเขาอาจจะยกเรื่องนี้เพื่อขอถอนหมั้นกับซือเมี่ยวเลยก็ได้ เพราะในภายภาคหน้าตัวนางยังจะมีอำนาจอะไรมาสนับสนุนเขาได้อีกเล่า ในเมื่อนางไม่มีน้องชายร่วมมารดาที่สืบทอดวงศ์ตระกูลเลย และถ้าเขาจำไม่ผิดนางมิถูกกับฮูหยินรองผู้นี้ เช่นนั้นถ้าบุตรชายของนางได้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลยังจะสนับสนุนพี่สาวต่างมารดาอีกหรือ
"ใช่แล้ว ข้าเลยจะไปซื้อขนมไปฝากแม่รองเสียหน่อย"
"นี่เจ้าดีใจจริง ๆ หรือ ไม่ใช่ว่าจะโกรธท่านอาของข้าเหมือนตอนที่ท้องฟางหรูใช่หรือไม่"
จูหลิ่งฟางเอ่ยถึงซือฟางหรูที่ตอนนี้อายุได้ 3 หนาวแล้ว นางจำได้ดีเลยว่าตอนนั้นซือเมี่ยวมาร่ำไห้กับนางอย่างหนัก ทั้งยังต่อว่าท่านพ่อของนางที่ส่งเสริมให้ท่านอาจูเลี่ยงหลินแย่งบิดาไปด้วย ตัวนางต้องเกลี้ยกล่อมอยู่เป็นนานซือเมี่ยวจึงได้สงบใจลงได้
"จะโกรธได้อย่างไรเล่า ตอนนี้ข้ากับแม่รองคืนดีกันแล้วนะ... ว่าแต่เจ้าจะไปร้านขนมฮวากับข้าหรือไม่"
จูหลิ่งฟางลอบมองหน้าของจวิ้นอ๋อง "เอ่อ... ข้ายังมีธุระที่ต้องไปจัดการ เอาไว้ครั้งหน้านะ"
"ได้สิ เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ ลานะเพคะท่านอ๋อง ไว้โอกาสหน้าหม่อมฉันจะขอไปเข้าเฝ้าพระสนมเสียนเฟยเพื่อเรียนรู้งานต่าง ๆ เอาไว้ จะได้ไม่ทำให้ท่านอ๋องกับพระสนมต้องอับอายขายหน้าที่ได้หม่อมฉันเป็นพระชายาเอก"
"อืม แล้วข้าจะทูลเสด็จแม่เอาไว้ให้"
ถังหนิงเฉิงรับคำอย่างเสียไม่ได้ ทว่าเขารีบมองจูหลิ่งฟางทันทีเพื่อขอให้นางเข้าใจในเรื่องนี้ มีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่ซือเมี่ยวยังจะเป็นคู่หมั้นของเขา แต่ในภายภาคหน้าคนที่เขาจะให้เป็นพระชายาเอกย่อมเป็นจูหลิ่งฟางคนเดียวเท่านั้น!
ซือเมี่ยวเดินจากมาด้วยรอยยิ้มหวาน นางลอบมองทั้งสองที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักด้วยความสะใจ คำพูดของนางจะยิ่งทำให้สหายผู้น่าสงสารตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือคนที่ฮ่องเต้และพระสนมเสียนเฟยต้องการมาเป็นสะใภ้ ทว่าตัวนางในตอนนี้หาได้ต้องการจวิ้นอ๋องแล้ว ขอเชิญสหายรับคนผู้นี้ไปเป็นสามีได้เลย!
