บทที่ 3 ให้รู้ซะบ้างว่าใครใหญ่
หลังจากที่รู้จากหนิงหยู่ว่าฮูหยินรองหลิวอ้ายอิงพักอยู่ที่ห้องฝั่งทางปีกตะวันออก หวงซานซานก็ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปยังห้องนั้นทันที การปรากฏตัวของนางสร้างความตื่นตกใจให้สาวใช้เฝ้าประตู เพราะฮูหยินใหญ่หวงซานซานไม่เคยมาปรากฏตัวที่นี่เลยสักหน ทว่าเหตุใดวันนี้นางถึงได้มาเยือนที่นี่ได้เล่า
“ไปตามหลิวอ้ายอิงมาพบข้า” หวงซานซานสั่งสาวใช้เฝ้าประตูพลางเชิดหน้าขึ้นน้อยๆให้รู้เสียบ้างว่าจวนนี้ใครคือผู้ที่กุมอำนาจสูงสุด
“เจ้าค่ะ” สาวใช้เฝ้าประตูคนแรกตอบรับคำสั่ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ไม่นานนางก็เดินกลับออกมาอีกหน
“ฮูหยินรองอนุญาตให้ฮูหยินใหญ่เข้าพบได้เจ้าค่ะ”
วาจาของสาวใช้ทำให้หวงซานซานเลิกคิ้วขึ้นทันใด
“อนุญาตข้า? ฮูหยินรองเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ข้าไม่ได้มาขออนุญาตนาง แต่ข้ามาสั่งให้นางออกมาพบข้า”
“เจ้ากลับไปบอกฮูหยินรองให้ออกมาพบฮูหยินใหญ่เดี๋ยวนี้” หนิงหยู่เสริมขึ้นมาอีกคน นางตั้งใจส่งเสริมเจ้านายสาวอย่างเต็มที่ เพราะนางเองก็หมั่นไส้หลิวอ้ายอิงกับเหนียงเหนียนมานานแล้ว คนอะไรช่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเลยแม้แต่น้อย อดีตของหลิวอ้ายอิงเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุตระกูลหลิว ทว่าไม่รู้ไปทำอย่างไรถึงทำให้ท่านแม่ทัพจางแต่งนางเข้ามาเป็นฮูหยินรองได้
ตอนแรกที่แต่งเข้ามาหลิวอ้ายอิงก็เจียมเนื้อเจียมตัวดีอยู่หรอก แต่ยิ่งเห็นหวงซานซานดีกับนาง นางก็ค่อยๆเหิมเกริมขึ้น ตอนนี้จึงทำตัวเหมือนเป็นฮูหยินใหญ่แทนหวงซานซานเองเสียแล้ว
หวงซานซานกับหนิงหยู่รอจนกระทั่งสาวใช้เฝ้าประตูเดินกลับมา ทว่าหนนี้นางไม่ได้มาคนเดียว แต่มีคนที่หวงซานซานอยากพบก้าวเดินออกมาด้วยเช่นกัน สตรีทั้งสองคนต่างจ้องหน้ากันนิ่ง หวงซานซานไล่สายตาสังเกตหลิวอ้ายอิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พบว่าสตรีผู้นี้มีหน้าตาที่งดงามไม่น้อย อีกทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อรชรอ้อนแอ้นดูน่าถนอม แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจสู้นางได้หรอก
สายตาที่หวงซานซานมองมายังนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทำให้หลิวอ้ายอิงไม่พอใจเท่าใดนัก ทว่านางยังคงปั้นหน้าส่งยิ้มเหมือนเดิม หวงซานซานไม่ได้แย้มยิ้มตอบ นางกลับหมุนกายหันหลังก้าวเดินออกไปจากหน้าประตูห้อง ครั้นเมื่อหวงซานซานหันหลังหลิวอ้ายอิงก็เบะปากน้อยๆและเยื้องกายเดินตามไป
“สาวใช้บอกว่าฮูหยินใหญ่อยากพบข้าหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงของหลิวอ้ายอิงยามที่เอื้อนเอ่ยนั้นอ่อนหวาน ทว่าแววตากลับแข็งกระด้างบ่งบอกถึงความไม่ยอมอยู่หลายส่วน หวงซานซานแค่นยิ้มหยันรู้อยู่แก่ใจว่าสตรีผู้นี้กำลังเสแสร้ง!
“ข้าเพิ่งรู้ว่าฮูหยินใหญ่เช่นข้าต้องขออนุญาตฮูหยินรองอย่างเจ้าก่อนเข้าพบด้วย”
“ตายแล้ว! เหลียงเอ๋อร์เจ้าไปพูดอะไรกับฮูหยินใหญ่กัน ดูสิ ฮูหยินใหญ่เข้าใจข้าผิดหมดแล้ว” หญิงสาวหันมาตำหนิสาวใช้เฝ้าประตู ในขณะที่เหลียงเอ๋อร์ทำหน้าประหลาดใจ นางพูดตามที่ฮูหยินรองกล่าวทุกอย่าง ไยฮูหยินรองถึงได้ตำหนินางเล่า
“เปล่านะเจ้าคะ” เหลียงเอ๋อร์ปฏิเสธเสียงสั่น พร้อมส่ายศีรษะไปมา หวาดกลัวยิ่งนักว่าตนเองจะโดนลงโทษเพราะความเข้าใจผิด
“ช่างเถิดๆ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าต้องขออภัยฮูหยินใหญ่แทนสาวใช้ของข้าด้วยนะเจ้าคะ” นางค้อมศีรษะลง จากนั้นจึงค่อยช้อนสายตาขึ้นอย่างยียวน แต่แล้วไม่นานสีหน้าของหลิวอ้ายอิงก็เปลี่ยนไปทันใดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหวงซานซาน
“มีเรื่องอะไรน่าขันหรือเจ้าคะ”
“หลิวอ้ายอิง เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆแสดงเก่งยิ่งกว่านางละครในวังหลวงเสียอีก” หวงซานซานกล่าวจบก็เงียบไปเล็กน้อย ‘นางละคร’ นางพูดถูกไหมนะ ที่วังหลวงมีนางละครหรือไม่นางไม่ทราบหรอก แต่ก็ช่างเถอะ ขอด่าเอาแค่สะใจก็พอแล้ว
“ฮูหยินใหญ่หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ” หลิวอ้ายอิงกัดฟันถาม ทั้งสับสนและแปลกใจที่หวงซานซานกล้าด่านาง
“น่าเสียดายที่เก่งแค่ปั้นหน้า ทว่าไม่ฉลาดเอาเสียเลย ข้าด่าเจ้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ” หวงซานซานแสยะยิ้มเมื่อเห็นหลิวอ้ายอิงหน้าตึงไปในทันที สุดท้ายแล้วนางก็ไม่อาจเก็บความไม่พอใจต่อไปได้
“หลิวอ้ายอิง ข้าเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลจาง มีอำนาจมากกว่าเจ้าในจวนนี้ ต่อไปเจ้าจงเจียมเนื้อเจียมตัวไว้เสียบ้าง เจ้าเป็นแค่ฮูหยินรองต้องเคารพและเชื่อฟังข้า อย่าได้บังอาจสั่งให้สาวใช้มาสอดแนมข้าอีกต่อไปหาไม่ครั้งหน้า ข้าจะหักขาของนางกับเจ้าทิ้งไปเสีย” หวงซานซานขยับเข้าไปใกล้ ดวงตามองจ้องหลิวอ้ายอิงอย่างดุดัน ครั้นเมื่อเห็นปากบางของนางยกขึ้นจึงเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างรู้ทัน
“อย่าได้คิดปฏิเสธว่าเจ้าไม่ได้ส่งเหนียงเหนียนมา ข้ามั่นใจว่าไม่มีสาวใช้คนใดกล้าทำเกินกว่าคำสั่งของเจ้านายหรอก” วาจาของหวงซานซานไม่ได้เกินจริงไปเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งเหนียงเหนียนสาวใช้ประจำตัวของหลิวอ้ายอิงยังแอบผงกศีรษะรับ แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆของเจ้านายที่ตวัดมองมาจึงทำให้นางรีบก้มหน้างุดทันใด
“พวกเจ้าทุกคนจงบอกข้ามาว่าที่จวนแห่งนี้นอกจากแม่ทัพจางอี้เหลียงแล้วใครที่มีอำนาจมากที่สุด!” หวงซานซานกวาดสายตามองสาวใช้ที่ยืนอยู่โดยรอบพร้อมเอ่ยถามขึ้นมาเสียงดัง
“ฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ” บรรดาเหล่าสาวใช้ต่างตอบคำถามอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ฮูหยินใหญ่ที่พวกเจ้าหมายถึงคือผู้ใด”
“หวงซานซานฮูหยินเจ้าค่ะ”
คำตอบของสาวใช้ทำให้หวงซานซานยิ้มกริ่ม ให้รู้ซะบ้างว่าใครใหญ่ ขณะที่หลิวอ้ายอิงเงียบเสียงลงไป มือบางกำเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ แต่แล้วไม่นานท่าทีของนางก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันพร้อมกับเปล่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมายกใหญ่
“ฮึก ไยฮูหยินใหญ่ถึงได้กล่าวหาข้าเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ”
หวงซานซานประหลาดใจไม่น้อยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือของหลิวอ้ายอิง แต่แล้วนางก็ถึงบางอ้อเมื่อได้ยินเสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” หลิวอ้ายอิงเรียกคนมาใหม่เสียงสั่นพร้อมสาวเท้าเดินมาหาชายหนุ่ม ยกมือกอดไปยังแขนกำยำของเขาพลางซบใบหน้าลงอย่างออดอ้อน
“เจ้าร้องไห้ทำไมกัน”
“ฮูหยินใหญ่กล่าวหาว่าข้าส่งเหนียงเหนียนไปสอดแนมที่ห้องของนางเจ้าค่ะ ฮึก”
คำตอบที่ได้รับทำให้จางอี้เหลียงหันไปมองหวงซานซานอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หญิงสาวเองก็จ้องหน้าของเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว มิหนำยังแววตายังปรากฏร่องรอยแห่งความโกรธอยู่หลายส่วน
“หนิงหยู่มีกฏใดในแคว้นเหยาที่ห้ามภรรยาทำร้ายร่างกายสามีหรือไม่” กัดฟันถามพลางส่งสายตาจ้องเขม็งไปยังคนตัวโต ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยิ่งทำให้นางรู้สึกคับแค้นใจมากกว่าเดิม
“ภรรยาถือว่าเป็นสมบัติของสามี สามีถือว่าเป็นเจ้าชีวิตของภรรยา หากฮูหยินทำร้ายท่านแม่ทัพ ท่านแท่ทัพมีสิทธิ์สั่งลงโทษฮูหยินตามสมควรเจ้าค่ะ” หนิงหยู่กระซิบตอบเสียงเบาเกรงว่าท่านแม่ทัพจะได้ยินเสียงของนางและทำให้เข้าใจหวงซานซานผิด
หวงซานซานนิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจเท่าใดนัก สตรีที่เกิดในยุคนี้ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจ นอกจากจะไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว ยังห้ามมีปากมีเสียงกับสามีด้วยหรือ
“ฮูหยินใหญ่เรื่องที่ฮูหยินรองพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่” จางอี้เหลียงถามเสียงเข้ม แววตาของเขาปรากฏร่องรอยแห่งความไม่พอใจอยู่หลายส่วนราวกับว่านางคือตัวสร้างปัญหาก็มิปาน
“ไม่จริง นางนั่นแหละที่ส่งสาวใช้มาสอดแนมข้า อีกทั้งยังเหิมเกริมถึงขนาดกับปีนหน้าต่างหอนอนของข้าอีกด้วย”
“เป็นเรื่องจริงหรือ” ครานี้จางอี้เหลียงตวัดสายตาหันมาถามหลิวอ้ายอิงบ้าง แต่การกระทำของชายหนุ่มนั้นทำให้หวงซานซานรู้สึกขัดใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“โอ๊ย ท่านไปถามนางแบบนั้น นางก็ต้องบอกว่าไม่จริงสิเจ้าคะ มีโจรที่ไหนยอมรับว่าตัวเองเป็นโจรกัน” หญิงสาวกรอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหยา เรื่องแค่นี้เขายังคิดไม่ได้หรืออย่างไรกัน
ดวงตาคู่คมของจางอี้เหลียงวาวโรจน์ขึ้น มองสตรีที่วางท่าหยิ่งผยองด้วยความโมโห ก่อนที่เขาจะก้าวเดินเข้ามาคว้าหมั่บไปที่แขนเรียวเสลาของนาง
“ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้านะ หนิงหยู่ช่วยด้วย!” หวงซานซานรีบหันมาขอความช่วยเหลือกับหนิงหยู่ ทว่าสาวใช้คนสนิทกลับยืนนิ่ง นอกจากส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจมาให้ นางไม่กล้าทำอะไรหรอกเพราะนางไม่มีอำนาจมากพอในการต่อกรกับแม่ทัพจางอี้เหลียงผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลจางอย่างไรเล่า
จางอี้เหลียงลากคนที่กำลังส่งเสียงร้องโวยวายกลับเข้ามายังหอนอนพลางเหวี่ยงร่างบางของคนที่ดิ้นไปมาลงบนเตียง
“โอ๊ย! ท่านแม่ทัพดีแต่รังแกทำร้ายผู้หญิง” หวงซานซานตวัดสายตามองเขาด้วยความโมโห ก่อนจะเหลือบไปมองแจกันใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง หากเขาทำอะไรนาง นางจะใช้มันฟาดไปยังศีรษะของเขาเสียเลย
“ข้ายังไม่เคยบอกเจ้าใช่หรือไม่ว่าอยู่ที่นี่อย่าสร้างปัญหา”
“ข้าไม่ได้สร้าง แต่ปัญหามันเดินเข้ามาหาข้าเองต่างหาก” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นพร้อมยกมือขึ้นกอดอก เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆของเขาก็ทำให้นางยกมุมปากยิ้มด้วยความพึงพอใจที่สามารถยั่วโทสะของเขาได้สำเร็จ
“ท่านแม่ทัพ ข้าคงสร้างปัญหาให้ท่านมากมาย ข้าคิดว่าชีวิตคู่ของเราสองคนคงไปด้วยกันไม่รอด เราสองคนหย่ากันดีหรือไม่” หวงซานซานเอ่ยจบก็ลอบมองท่าทีของเขาไปพลาง นางมั่นใจมากถึงเก้าในสิบส่วนว่าเขาต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน
