บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ภวังค์ฝัน (2)

เด็กหญิงอายุราวสิบหนาวใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรายืนถือร่มฉีกยิ้มกว้างดั่งโลกใบนี้สดใสเสียเต็มประดา เขาไม่ได้ตอบกลับนาง แต่เลือกเบือนหน้าหนี พริบตาชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าหยาดฝนไม่ต้องกายของตนแล้ว

ใบหน้าหล่อเหลาเปียกพราวด้วยหยาดน้ำแหงนมองอีกฝ่าย เขาจึงเห็นว่าเด็กหญิงคนนั้นกำลังยืนกางร่มให้ตนอยู่ ในขณะที่ไหล่อีกฝั่งของนางต้องเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนเพราะได้ปันร่มที่มากกว่าครึ่งเพื่อช่วยบดบังหยาดพิรุณให้เขา

“ถอยไป”

เสียงทุ้มแข็งกระด้าง แต่ดูเหมือนเด็กหญิงไม่สะทกสะท้านใด ร่างเล็กยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับ รอยยิ้มก็ประดับบนใบหน้าอยู่ตลอด

“ท่านพ่อบอกว่าหากตากฝนจะไม่สบายเอาได้ พี่ชายท่านอยากป่วยหรือ”

“ไม่ต้องยุ่ง”

เด็กหญิงยังไม่ยอมแพ้ นางล้วงบางอย่างในสาบเสื้อออกมา จากนั้นยื่นให้เขา นัยน์ตาคมมองตามของที่อยู่ในมืออีกฝ่ายก็พบว่าเป็นลูกกวาด

“ท่านดูอารมณ์ไม่ดีนะเจ้าคะ กินนี่ท่านจะรู้สึกดีขึ้น”

ชายหนุ่มยังทำหน้าขรึมและไม่ตอบกลับ หูของเขาได้ยินการเคลื่อนไหวบางอย่าง เพราะร่มบนศีรษะมันเอียงกระเท่เร่จากการที่นางเอาด้ามเหน็บบริเวณใต้รักแร้

“ตายจริง คุณหนู ไปทำอะไรตรงนั้นเจ้าคะ”

ครั้นเห็นว่าสาวรับใช้ของตนใกล้เข้ามามือเล็ก ๆ ก็ยัดเจ้าก้อนขนมหวานเข้าปากเขาอย่างไม่ลังเล

“นี่เจ้า!”

“พี่ชาย ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านต่อไม่ได้เสียแล้ว เช่นนั้นร่มนี่ข้ายกให้ท่าน ขนมนั่นก็เช่นกัน”

ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อตะลึงค้าง ความหวานละมุนกำลังอบอวลอยู่ในโพรงปาก ร่มคันเล็กถูกยัดเข้ามาในมืออันเย็นเยียบ ไม่ทันเอ่ยถาม เจ้าของร่างเล็กก็วิ่งฝ่าลมฝนห่างออกไปเสียก่อน

“ยัยตัวยุ่ง เดี๋ยว!”

หลงโหย่วอี้สะดุ้งเฮือก เขาผุดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าหล่อเหลาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อพราวระยับ

“ท่านอ๋อง ฝันอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หลงโหย่วอี้หอบหายใจถี่ระรัว เขาผินหน้ามองเฉินกงแต่ยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใด มือกว้างยกขึ้นคลึงขมับชั่วครู่ จากนั้นก็เหลือบมองร่มคันเก่าที่วางทิ้งไว้ข้างหัวเตียงมานับสิบปี

“ยามใดแล้ว”

“ปลายยามจื่อพ่ะย่ะค่ะ”

หลงโหย่วอี้พยักหน้า วันนี้เขานอนไม่หลับเสียแล้ว และดูเหมือนว่าเขาอยากไปเยือนตำหนักพระชายาของตนดูเสียหน่อย ไม่รู้เช่นกันว่าผีสางตนใดดลใจให้เขาอยากไปพบนาง

หลงโหย่วอี้ลุกยืนเต็มความสูง เฉินกงเอ่ยถามด้วยความงุนงง “ท่านอ๋อง จะไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”

“ตำหนักรอง”

เฉินกงนิ่งเงียบ ร้อยวันพันปีหลงโหย่วอี้แทบไม่โผล่ไปที่นั่น เหตุใดวันนี้จึงคิดอยากไปเยือนตำหนักรองกันเล่า หรืออารมณ์บุรุษกำลังพลุ่งพล่าน เพียงเผลอคิดเช่นนั้นเฉินกงก็หน้าร้อนผ่าว

“แต่…พระชายาน่าจะบรรทมไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เพราะเขาได้รับรายงานจากองครักษ์เงาเป็นที่เรียบร้อย ว่าจูฟางหรงนั้นเข้านอนตามเวลาปกติ

“แล้วอย่างไร หลายวันมานี้นางทำตัวเชื่อฟังผู้อื่นไปหมดทุกอย่าง นางเป็นชายาของข้า จำเป็นต้องเกรงใจนางด้วยงั้นหรือ ข้าอยากไปข้าก็จะไป หรือเจ้ามีปัญหาใด”

เฉินกงกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไม่นานหลงโหย่วอี้ก็ระเห็จออกจากห้องของตนด้วยความเร่งร้อน

เหตุใดข้าต้องมาหานางกันนะ

หลงโหย่วอี้หงุดหงิด แต่ไม่อาจทานแรงร่ำร้องในใจได้ เขารู้สึกว่ากำลังมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

เฉินกงเดี๋ยวเดินเดี๋ยววิ่งไล่หลังผู้เป็นนายด้วยความสับสน ไม่นานบุรุษทั้งสองก็ถ่อมาถึงหน้าประตูของตำหนักรอง หลงโหย่วอี้ลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงตัดสินใจทาบฝ่ามือลงบนบานประตู เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ตัวเขาจึงเลือกเสียมารยาทผลักมันเข้าไป

ผลัวะ!

หลงโหย่วอี้ผงะ เฉินกงที่ยืนไม่ห่างก็เช่นเดียวกัน นัยน์ตาคมปลาบตวัดมององครักษ์ข้างกายก็เห็นอีกฝ่ายอ้าปากค้าง เสียงทุ้มกระแอมเบา เฉินกงได้สติจึงเร่งหันหลังขวับ

สตรีร่างระหงนอนเหยียดขาเปลือยเปล่า แขนเรียวชันศีรษะอยู่บนเตียงนอนในสภาพอาภรณ์หลุดลุ่ย ผิวขาวราวหิมะแรกสาดสะท้อนเข้าม่านดวงตาคมกริบเสียจนต้องเบือนหนี เพราะมันกำลังส่งผลต่อจิตใจจนเลือดลมสูบฉีดพิกล หลงโหย่วอี้ไม่คิดยอมรับว่าเป็นเพราะนาง เขาคิดเพียงว่าตนอาจเดินอย่างเร่งร้อนเกินไป จึงเป็นเหตุให้ใจเต้นระส่ำ

ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มยิ้มอวดฟันเรียงสวย เสียงใสเอ่ยหยอกล้อ “เสด็จพี่ วันนี้อยากนอนกับหม่อมฉันหรือเพคะ”

เชิงอรรถ

^

ยามจื่อ (子:zǐ) คือ 23.00 – 24.59 น.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel