บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 วางแผนค้าขาย

“ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” จวี้หยางเอ่ยถามบุรุษตรงหน้า

โชคดีที่วันนี้ชายหนุ่มกลับบ้านไม่ได้ทำงานดึกจนต้องพักอยู่ในที่ทำงานอย่างที่คิด จวี้หยางจึงมีโอกาสให้เขาได้ลองกินอ้ายหวี้ที่นางกับลูกช่วยกันทำ

โจวหลิงมองภรรยานิ่ง ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัยในความเปลี่ยนไปของนาง

คนที่วัน ๆ ไม่คิดทำอะไรอยู่ ๆ ลุกขึ้นมาทำอาหาร หันมาเอาใจใส่บุตรที่นางชังหน้า ทั้งยังทำของกินเล่นที่ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนออกมาให้ลองชิมจะไม่ให้เขาไม่สงสัยได้อย่างไร แต่เพราะนางเอ่ยปากพูดออกมาแล้วว่ายังไม่พร้อมบอกความจริง โจวหลิงจึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

การที่โจงหลิงยอมตกลงตามคำขอ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมแปลกไปนี้ไม่ได้ส่งผลเสีย ทุกอย่างที่แปลกไปล้วนส่งผลดีต่อบรรยากาศภายในครอบครัว รวมถึงตัวบุตรชาย

ไม่กี่วันมานี้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายโจวฉีเกลี้ยงเกลาขึ้น บุตรชายตัวน้อยคนนี้ของเขาดูร่าเริงแจ่มใส่ ทั้งยังดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก

การได้เห็นลูกน้อยเติบโตแข็งแกร่งมีชีวิตชีวา คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตโจวหลิง

ขอแค่นางไม่กลับไปทำตัวเกียจคร้าน มีนิสัยเห็นแก่ตัวและร้ายกาจ ไม่ว่านางจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน หรือปล่อยให้เขารอฟังความจริงจากปากนางนานเท่าใด โจวหลิงยินดีเฝ้ารอ

“รสชาติไม่เลว หากได้กินตอนพักทำงานมาเหนื่อย ๆ คงดีไม่น้อย”

“เช่นนั้นท่านคิดว่าจะสามารถขายได้ไหม? หากข้าคิดนำไปขายในที่ทำงานของท่านไม่ทราบว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่?”

งานที่โจวหยางทำตอนนี้คืองานแบกหามขนย้ายของลงจากเรือขนส่งสินค้า วัน ๆ ทำงานอยู่ใต้แสงอาทิตย์ตลอด หากตอนพักเที่ยงได้กินของหวานคลายร้อนเช่นนี้คงจะดีไม่น้อยจริง ๆ

“ข้าไม่อาจรับปาก คงต้องลองเอ่ยปากกับเถ้าแก่เสียก่อน”

“ได้ ๆ ข้าจะรอฟังข่าวจากท่าน ท่านเองก็รีบกินเถิดข้าไม่กวนแล้ว กินเสร็จจะได้รีบเข้านอน พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีก”

เรื่องที่อยากรู้ก็ได้รู้แล้วจวี้หยางจึงไม่กวนเวลากินข้าวของชายหนุ่มอีก ขยับตัวลุกขึ้นยืนเดินไปหาบุตรชายซึ่งนั่งเล่นคนเดียวอยู่บนพื้นข้าง ๆ

“ฉีเอ๋อร์ดึกแล้วไปเข้านอนกันลูก พรุ่งนี้แม่จะทำของเล่นให้เจ้า”

“ของเล่นหรือท่านแม่!?” เด็กน้อยตื่นเต้นจนตาโต จ้องหน้ามารดาเขม็ง

“ใช่แล้ว อาจจะไม่สวยงามเท่าใดนักแต่แม่จะพยายามทำให้สุดฝีมือ”

“ฉีเอ๋อร์อยากได้ ฉีเอ๋อร์จะรีบเข้านอน!” เด็กน้อยตอบเสียงดังฟังชัดลุกขึ้นยืนก้าวเดินไปยังเตียงนอน

จวี้หยางมองตามหลังด้วยสีหน้าอ่อนโยน ก้าวเดินไปนอนบนเตียงด้วยกัน

โจวหลิงมองภาพสองแม่ลูกก้าวขึ้นไปนอนบนเตียง คนตัวโตกว่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง ศีรษะพิงกำแพงบ้าน ในขณะที่เด็กตัวน้อยกว่านอนหนุนหมอน มือของนางยื่นไปดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวโจวฉีจนถึงปลายคาง จากนั้นวางมือลงบนหน้าอกตบเบา ๆ พลางเอ่ยกล่อม

มองสายตาอ่อนโยนรักใคร่อันหาได้ยากจากดวงตาคู่สวย

เนิ่นนานกว่าจะรู้สึกตัว

จวบจนสายตาคู่นั้นหันมองมาเขาถึงได้รู้ว่าตนเองมองอีกฝ่ายมากเกินไป

โจวหลิงรีบหันสายตาหนีทำทีเป็นตั้งใจกินของว่าง ขยับมือตักอ้ายหวี้เข้าปากเงียบ ๆ แต่หลังจากจวี้หยางดึงสายตากลับไปแล้วชายหนุ่มก็มิวายหันมองอยู่บ่อยครั้ง

บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงัด ยกเว้นเสียงร้องเพลงกล่อมลูกน้อยเบา ๆ กับเสียงช้อนกระทบชามเป็นครั้งคราวก็ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นให้ได้ยินอีกเลย

ถึงกระนั้นชายหนุ่มกับรู้สึกว่า บ้านในวันนี้อบอุ่นไม่น้อยเลยจริง ๆ

...

ไม่กี่วันต่อมาเรื่องที่จวี้หยางเอ่ยปากถามสามีก็ได้รับคำตอบ

เขากลับมาบอกข่าวดีในเย็นของวันถัดมา เถ้าแก่เจ้าของท่าเรืออนุญาตให้นางไปขายอ้ายหวี้ใกล้ ๆ ร้านของอีกฝ่าย โดยมีกฎเพียงข้อเดียว ห้ามขายอาหารซ้ำกับคนอยู่ก่อน ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านแผงลอยใกล้ท่าเรือเกิดการแย่งลูกค้ากัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ใช้ไม่ได้ผลกับร้านค้าใหญ่ ๆ ภายในเมือง ถึงอย่างนั้นจวี้หยางก็ดีใจมาก

นางเชื่อว่าอาหารมากมายที่ตนรู้จากโลกก่อนไม่มีทางที่คนในโลกนี้จะรู้วิธีทำ

อีกทั้งเหตุผลข้อนี้ยังช่วยให้นางวางใจเกี่ยวกับการขายอ้ายหวี้อีกด้วย

ในเมื่อร้านแผงลอยไม่อนุญาตให้ขายของกินซ้ำกันตัวนางก็ไม่ต้องกังวลว่าอ้ายหวี้ของตนจะถูกลอกเลียนแบบออกไปขาย

ส่วนร้านค้าใหญ่ ๆ เหล่านั้น พวกเขามีฐานลูกค้าแน่นอยู่แล้ว รายได้แต่ละเดือนก็คงไม่น้อยคงไม่มาสนใจอาหารราคาไม่กี่อีแปะของนาง

จวี้หยางมั่นใจว่าร้านแผงลอยของนางจะไม่ไปสะดุดตาร้านใหญ่เจ้าของถิ่นเหล่านั้น

หลังได้รับการอนุญาต วันต่อมาจวี้หยางจึงตัดสินใจขึ้นเขาอีกครั้ง และเหมือนโจวหลิงจะคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เช้าวันนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้เข้าเมืองไปทำงาน

“ท่านบอกว่าลาหยุดหนึ่งวันอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่ ข้าจะขึ้นเขาไปพร้อมกับเจ้า”

จวี้หยางยิ้มบางมองอีกฝ่าย

นางรู้สึกดีใจมากที่ชายหนุ่มยินดีขึ้นเขาไปด้วยกัน มีบุรุษขึ้นเขาไปด้วยย่อมปลอดภัยกว่าไปกันเองสองแม่ลูก

“ฉีเอ๋อร์ไว้กลับจากขึ้นเขาแล้วแม่จะทำของเล่นให้ลูกนะ ตอนนี้พวกเราต้องขึ้นเขาไปหาของมาทำอ้ายหวี้กันก่อน พอมีเงินแล้วจะได้ซื้อของกินและเสื้อผ้าอุ่น ๆ ให้ลูกได้”

เด็กชายไม่โกรธเลย ขอแค่ได้ใช้เวลากับมารดาเช่นนี้ ไม่ว่าต้องทำอะไร หรือต้องรอนานแค่ไหนโจวฉีก็ไม่โกรธ

“ฉีเอ๋อร์เข้าใจขอรับท่านแม่ เรื่องปากท้องย่อมสำคัญกว่า” เด็กน้อยตอบรับด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกไปจับมือมารดา

“ไปกันเลยใช่ไหมขอรับ”

จวี้หยางเห็นท่าทีว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ของบุตร หัวใจพลันรู้สึกอ่อนยวบขึ้นมา ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งนางก็อดรู้สึกเอ็นดูบุตรชายตัวคนนี้ไม่ได้จริง ๆ

หลังประตูบ้านถูกลงกลอนอะไรเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าขึ้นเขาอีกครั้ง ท่ามกลางสีหน้าประหลาดใจ รังเกียจ และอยากรู้อยากเห็นของคนในหมู่บ้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel