ตอนที่ 6 ของว่างเด็กน้อย
“ท่านแม่วันนี้จะทำของอร่อยอะไรหรือขอรับ?” เด็กน้อยเอ่ยยิ้ม ๆ คะยั้นคะยอต้องการอยากรู้ว่าวันนี้มารดาจะทำอะไรให้กิน
จวี้หยางมองท่าทางกระตือรือร้นของบุตรชายด้วยสีหน้าเอ็นดู
ผ่านมาไม่กี่วันเด็กน้อยก็ติดนางแจเสียแล้ว ให้ความสนใจนางมากกว่าบิดาของตนเองเสียอีก
“วันนี้แม่จะนำผลไม้ป่าที่เราเก็บมาเมื่อวานมาทำของว่างให้ฉีเอ๋อร์กิน แต่ว่าตอนนี้ต้องนำสิ่งนี้ไปให้ท่านพ่อก่อน” จวี้หยางเอ่ยพลางหยิบกล่องใส่กับข้าวเดินออกจากห้องครัว
ก้าวเท้าพ้นจากห้องครัวออกมาไม่นาน นางก็เห็นสามีกำลังจะเดินออกจากบ้าน
“รอข้าก่อน” เสียงเรียกจากด้านหลังเรียกให้ชายหนุ่มหันกลับไปมอง
โจวหลิงเลิกคิ้วแปลกใจหลุบตามองของในมือ
“ข้าทำกับข้าวให้ท่านเอาไปกินในที่ทำงาน ส่วนเรื่องเห็ดที่เก็บได้เมื่อวานหากท่านต้องการสามารถนำไปขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ เรื่องที่ว่าข้าสามารถแยกเห็ดพิษเห็ดไม่มีพิษได้นั้นให้เก็บเป็นความลับ ท่านแค่แกล้งพูดออกไปว่าบังเอิญกินเข้าไปจึงรู้ว่าเห็ดชนิดนี้ไม่มีพิษ”
โจวหลิงมองภรรยา สลับกับมองกล่องข้าวในมือ ในใจพลันเกิดความรู้สึกอันไม่คุ้นเคย นิ่งฟังคำพูดของนางเงียบ ๆ
หลังฟังจบยิ่งเกิดความรู้สึกไม่คุ้นเคยและสงสัย
“ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไร ไว้ถึงเวลาเหมาะสมข้าจะบอกทุกอย่างแก่ท่าน ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อมพูดออกไป”
โจวหลิงมองสบสายตาจริงใจของอีกฝ่าย ยื่นมือออกไปรับกล่องข้าวมาไปถือไว้
“ข้าจะลองเชื่อใจเจ้าดูอีกสักครั้ง ส่วนเห็ดเก็บเอาไว้ทำกับข้าวกินเถิด เกิดอยู่ ๆ เอาไปขายอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี”
จวี้หยางมองหน้าอีกฝ่าย ความเห็นของโจวหลิงนั้นถูกต้อง นางลืมนึกเรื่องนี้ไปเลยเพราะมัวแต่ต้องการอยากหาเงินเข้าบ้าน
“เอาตามที่ท่านพูดแล้วกัน”
โจวหลิงพยักหน้าให้ภรรยาแล้วเดินหันหลังออกจากบ้านไป
ส่งคนออกไปแล้ว หญิงสาวจึงหันมาสนใจลูกน้อยข้างกาย
“ไปทำของอร่อยกินกันดีกว่า”
เด็กน้อยพยักหน้ายิ้ม ๆ ก้าวเดินตามหลังมารดาเข้าห้องครัวไปเหมือนลูกไก่ตามหลังแม่ไก่
...
“ท่านแม่ฉีเอ๋อร์ช่วย” เด็กน้อยใช้สองมือเกาะขอบเตาทำอาหาร เขย่งเท้าชะโงกหน้าขึ้นมองของในมือมารดา สลับกับมองผลมะเดื่อข้างเตา
“หืม? ฉีเอ๋อร์อยากช่วยแม่ทำหรือ?”
“ขอรับฉีเอ๋อร์อยากช่วย” มองเห็นสายตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น มุมปากจวี้หยางถึงกับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม โน้มตัวไปด้านหน้าหยิบชามขนาดเล็กส่งให้บุตรชาย จากนั้นหยิบผลมะเดื่อใส่ลงไปในชามสองสามลูก
“นำไปวางบนโต๊ะนะ แล้วแม่จะตามไปสอนว่าต้องทำเช่นไร”
“ขอรับท่านแม่!” โจวฉีตอบรับเสียงหนักแน่น ถือชามหันหลังออกจากห้องครัว
จวี้หยางมองตามยิ้ม ๆ หันมาสนใจผลมะเดื่อที่เหลือ หญิงสาวจัดการวางผลมะเดื่อลงในชาม หยิบมีดวางลงไป เดินตามหลังบุตรชายไปนั่งบนโต๊ะ จากนั้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า มองหาผ้าขาวที่พอจะนำมาใช้ประโยชน์ได้
เมื่อได้มาแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวท่ามกลางสายตาจดจ้องของบุตรชาย
จวี้หยางจัดการก่อไฟ เติมน้ำลงไปในกระทะจากนั้นโยนผ้าขาวซึ่งทำการซักผ่านน้ำจนสะอาดแล้วลงไปต้ม ปล่อยผ้าขาวต้มในกระทะไว้อย่างนั้นแล้วเดินกลับมาหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามของบุตรชาย “เอาล่ะทำตามที่แม่บอกนะ”
จวี้หยางใช้มีดตัดผลมะเดื่อออกเป็นสองส่วนยื่นไปหาโจวฉี
“ลูกเห็นเมล็ดเล็ก ๆ ด้านในใช่ไหม? ใช้ช้อนคว้านเมล็ดด้านในออกมาใส่ชามให้หมด ส่วนด้านนอกวางทิ้งไว้ก่อน” จวี้หยางพูดพร้อมแสดงให้บุตรชายดู เมล็ดเล็ก ๆ ด้านในถูกคว้านออกมาใส่ชามจนหมด ส่วนที่เหลือก็วางทิ้งไว้ข้างโต๊ะ
โจวฉีจ้องเขม็งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”
เด็กน้อยยื่นมือออกไปรับผลมะเดื่อมาถือไว้จากนั้นขยับมือทำตามที่มารดาทำ
ท่าทางของเด็กน้อยทุลักทุเลไปบ้างแต่สายตากับเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จวี้หยางนั่งมองเงียบ ๆ จนกระทั่งเมล็ดด้านในถูกคว้านออกมาจนหมดจึงเอ่ยขึ้น “เก่งมาก ฉีเอ๋อร์ทำคนเดียวไปก่อนนะแม่ขอไปดูผ้าในครัวสักครู่”
“ขอรับท่านแม่” เด็กน้อยมีความสุขมากหลังได้รับคำชม รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นหลายส่วน
ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวจวี้หยางได้ผ่าผลมะเดื่อทิ้งไว้ให้บุตรชาย พร้อมกำชับว่าอย่าได้จับมีดเป็นอันขาด บุตรชายตัวน้อยพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟังแล้วก้มหน้าก้มตาคว้านเมล็ดมะเดื่อต่อ
จวี้หยางใช้เวลาไม่นานก็กลับมาพร้อมผ้าขาว หญิงสาวจัดการวางผ้าสีขาวลงบนชามของตน จากนั้นหันไปหยิบมะเดื่อมาคว้านเมล็ดใส่ลงไปในผ้า
สองแม่ลูกช่วยกันคนละไม้คนละมือไม่นานมะเดื่อกว่าสิบกว่าลูกก็ถูกคว้านเมล็ดออกมาจนหมด
“เอาของลูกมาใส่ในชามแม่สิ”
โจวฉีมองเมล็ดมะเดื่อในชามมารดา ขยับตัวยืนขึ้นบนเก้าอี้ โน้มตัวมาด้านหน้าพร้อมชามในมือ
จวี้หยางคอยระวังอยู่ตลอด มองสีหน้าจริงจังของบุตรชายยามสองมือพยายามคว่ำของในชามตนใส่ชามตน
“ได้แล้วขอรับ!” เด็กหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ
จวี้หยางยกมือขึ้นลูบหัว
“เก่งมาก”
เมื่อรวมเมล็ดมะเดื่อเสร็จแล้วหญิงสาวก็จัดการมัดผ้าขาวไม่ให้มีรูวางทิ้งไว้ในชาม จากนั้นเทน้ำลงไป นำฝาไม้มาปิดให้มิดไม่ให้ฝุ่นร่วงลงไปในชาม แช่ทิ้งไว้จนกว่าเมล็ดจะพองตัว
“รอให้เมล็ดดูดน้ำเข้าไปจนเต็มแล้วค่อยมาทำต่อ” จวี้หยางเอ่ยกับบุตรชาย
ระหว่างรอหญิงสาวก็เดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง
ปกติอ้ายหวี้จะบีบมะนาวหรือน้ำผึ้งใส่แล้วตักกิน แต่เพราะที่บ้านไม่มีจวี้หยางจึงตัดสินใจเคี่ยวน้ำตาลมาใช้เป็นน้ำราด
หญิงสาวง่วนกับการทำอ้ายหวี้ วิ่งเข้าออกห้องครัวหลายครั้ง หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามในที่สุดของกินเล่นก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมล็ดมะเดื่อซึ่งถูกแช่ในน้ำจนพองถูกบีบเอาความเหนียวข้นออกมาจนหมด หลังจากรอให้แข็งตัวประมาณสองเค่อน้ำธรรมดาก็กลายเป็นวุ้น พอใช้ช้อนเคาะเบา ๆ ตัวน้ำจะเด้งดึ๋งดั๋งน่ากิน
จวี้หยางจัดการตักอ้ายหวี้ใส่ถ้วยใบเล็ก ราดน้ำตาลเคี่ยวซึ่งเย็นตัวลงแล้วใส่ลงไปยื่นให้บุตรชาย
“ลองกินดู”
โจวฉียื่นมือออกไปหยิบถ้วยมาถือไว้ เด็กน้อยมองน้ำซึ่งกลายเป็นของเด้งดึ๋งดวงตาเป็นประกาย
เด็กชายตัวน้อยขยับมือใช้ช้อนตักอ้ายหวี้ขึ้นมางับเข้าปาก
นัยน์ตากระจ่างใสเบิกกว้างมองมารดาตาโต
“อร่อยมากขอรับท่านแม่!!”
แค่เพียงลิ้นได้สัมผัสก็ละลายหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ความสดชื่นซึ่งเข้ากันได้ดีกับรสหวานละมุนของอ้ายหวี้ช่วยให้เด็กน้อยรู้สึกสดชื่น ร่างกายคล้ายเย็นสบายขึ้น
“กินแล้วร่างกายลูกเหมือนจะลอยได้เลยขอรับ รู้สึกดีมาก ๆ ” เด็กน้อยเอ่ยยิ้ม ๆ พลางตักอ้ายหวี้เข้าปากไม่หยุด
จวี้หยางยิ้มขำด้วยความเอ็นดูให้กับคำเปรียบเทียบของบุตรชาย เห็นว่าบุตรชายชอบมากถึงขนาดนี้จึงตักให้กินอีกถ้วย ก่อนจะเก็บส่วนที่เหลือไว้ให้โจวหลิง
หากตอนเย็นเขากลับมาก็นำออกมาให้กิน แต่หากไม่กลับมา นางกับลูกคงต้องแบ่งกินกันสองคน
