ตอนที่ 5 ผลมะเดื่อ
นัยน์ตางดงามเบิกกว้าง เผยรอยยิ้มดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด จวี้หยางก้าวเข้าไปใกล้สังเกตให้ชัดเจนจนมั่นใจว่าใช่อย่างที่คิดจึงมองหาของที่พอจะสอยผลไม้สีเขียวลงมาได้
“ใช่จริง ๆ ด้วยสินะ” จวี้หยางหยิบผลไม้ป่ารูปร่างคล้ายไข่ไก่แต่มีขนาดใหญ่กว่าขึ้นมาพิจารณา ใช้มือบิดดูเมล็ดข้างใน หลังเห็นเมล็ดข้างในอัดแน่นจนเต็มยิ่งมั่นใจว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง
นี่คือผลมะเดื่อจริง ๆ !
“ท่านแม่สิ่งนี้อร่อยหรือขอรับ?” โจวฉีเอ่ยถามด้วยความสงสัย สายตาจดจ้องผลไม้ในมือ
“อร่อยลูกแต่ต้องนำไปผสมกับน้ำก่อน กินตอนนี้ยังไม่ถือว่าอร่อย” จวี้อย่างอธิบาย
เด็กน้อยมองของในมือสลับกับมองสีหน้ามีความสุขของมารดา
ท่านแม่พูดว่าอร่อยเช่นนั้นก็คงจะอร่อย
โจวฉีเชื่ออย่างนั้น
“ฉีเอ๋อร์ช่วยแม่เก็บผลไม้ป่าพวกนี้หน่อยนะลูก แม่จะเป็นคนสอยลงมาส่วนลูกก็เก็บใส่ตะกร้า จำไว้ว่าหากผลไม้ตกอยู่ในที่ที่เก็บยากห้ามเก็บเองเด็ดขาดต้องเรียกแม่เข้าใจนะลูก”
“ขอรับ ฉีเอ่อร์จะทำตามที่ท่านแม่บอก”
จวี้หยางเริ่มเก็บผลมะเดื่อแล้ว การได้มาพบของมีดีเช่นนี้ถือว่าเป็นโชคจริง ๆ
สองแม่ลูกช่วยกันเก็บมะเดื่อ คนเป็นแม่สอยมะเดื่อด้วยสีหน้าเบิกบาน ส่วนลูกชายตัวน้อยก็ก้าวเข้าไปเก็บมะเดื่อใส่ตะกร้า สีหน้าเบิกบานมีความสุขไม่ต่างกัน
และไม่นานลูกมะเดื่อสีเขียวก็ถูกเติมลงไปในตะกร้าไปถึงครึ่งหนึ่ง
“ฉีเอ๋อร์ พอแล้วละไปหาอย่างอื่นกันลูก”
โจวฉีวางผลมะเดื่อลูกสุดท้ายลงในตะกร้าหันหน้ามาตอบรับ
“ขอรับท่านแม่”
สองแม่ลูกผละห่างจากต้นมะเดื่อมองหาของที่พอจะกินได้เพิ่มอีก ระหว่างที่ทั้งสองกำลังค้นหาด้วยความสนุกสนาน คนที่เดินผละห่างออกไปก็กลับมาแล้ว
“ท่านพ่อ!!” โจวฉีสังเกตเห็นชายหนุ่มอย่างรวดเร็วรีบวิ่งเข้าไปหา
“ฉีเอ๋อร์ระวังลูก อย่าวิ่งในป่า”
เสียงมารดาตะโกนตามหลังส่งผลให้ฝีเท้าโจวฉีหยุดชะงัก เด็กชายหันไปยิ้มให้มารดา
“ฉีเอ๋อร์เชื่อฟังท่านแม่” แล้วหันไปหาบิดาก้าวย่างช้าลง
จวี้หยางส่ายหัวน้อย ๆ ยืดตัวขึ้นก้าวเดินไปใกล้ชายหนุ่ม
“ท่านพ่อได้ไก่มาด้วย ไก่ตัวใหญ่มากท่านพ่อล่าได้หรือขอรับ” โจวหลิงหลุบตามองลูกน้อยยกมือขึ้นลูบหัวเบา ๆ
“อยู่กับท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีมากขอรับ! ท่านแม่รู้จักของป่ามากมาย ท่านแม่เก่งมากขอรับ วันนี้ฉีเอ๋อร์เก็บเห็ดและหน่อไม้ได้ด้วยนะขอรับ ท่านแม่เป็นคนบอกว่าเห็ดสีไหนกินได้สีไหนกินไม่ได้”
ได้ยินประโยคนี้โจวหลิงถึงกับเลิกคิ้วจ้องมองภรรยา
อย่างที่ทราบกันว่าเห็ดนั้นมีราคาสูงมาก เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะแยกแยะออกว่าเห็ดชนิดไหนกินได้ ชนิดไหนกินไม่ได้ การที่อยู่ ๆ ภรรยาผู้ไม่เคยหยิบจับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อนสามารถแยกแยะเห็ดได้ถือว่าแปลกมากเกินไป
โจวหลิงอยากจะเอ่ยปากถาม แต่จนใจที่ตอนนี้ลูกอยู่ด้วย เขาไม่สะดวกใจจะทำนางลำบากใจต่อหน้าลูก
จวี้หยางยิ้มแห้งหลังได้รับสายตาจากคนตรงหน้า
โจวหลิงสงสัยนางมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังอยากรู้ว่านางแยกเห็ดได้จริง ๆ ใช่ไหม
หญิงสาวยกมือลูบท้ายทอยแก้เก้อ อ้อมแอ้มตอบ
“ไม่ต้องกังวลไม่ใช่เห็ดพิษอะไร”
โจวหลิงมองนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เอ่ยปากขึ้น
“กลับกันเลยดีหรือไม่?”
จวี้หยางพยักหน้า “กลับกันเลยก็ได้ ตอนนี้สายมากแล้วข้าไม่ได้เตรียมข้าวกลางวันมานะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงให้นางเดินเข้ามาใกล้กัน
“อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน ขอไปเอาตะกร้ากลับมาก่อนนะ” เพราะตอนเดินมาหาเขาจวี้หยางไม่ได้นำตะกร้ามาด้วยจึงหันหลังเดินกลับไปนำตะกร้าของตนมา
ตะกร้าแบกหลังของนางเต็มไปด้วยผลมะเดื่อและหน่อไม้ป่า ส่วนตะกร้าแบกหลังของลูกน้อยจะเป็นเห็ดภูเขาเสียเป็นส่วนใหญ่
หญิงสาวยื่นมือไปคิดจะหยิบตะกร้าแบกหลังขึ้นมาสะพาย ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอย่างใจนึกตะกร้าแบกหลังของตนก็ขึ้นไปอยู่บนหลังโจวหลิง
“เจ้าถือนี่” เขายื่นไก่ป่าสองสามตัวมาให้
จวี้หยางยิ้มบางให้อีกฝ่ายรับไก่มาถือ ใช้สายตามองตามแผ่นหลังกว้างของเขา
มุมปากพลันยกโค้งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
โจวหลิงเองก็มีมุมนี้ด้วยสินะ ไม่คิดว่าเขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก่อน จวี้หยางคิดเช่นนี้เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ดีนัก อีกทั้งนางก็พึ่งจะเข้ามาสวมร่าง การกระทำแตกต่างไปจากเดิมเพียงไม่กี่วัน จึงคิดไปเองว่าเขาคงจะยังระแวงและไม่ไว้ใจ
แต่พอได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อย ในใจจึงเกิดเป็นความอบอุ่นสายหนึ่ง
“ท่านแม่ไม่ไปหรือขอรับ ท่านพ่อเดินไปไกลมากแล้ว” คำพูดและแรงกระตุกของชุดบริเวณขาส่งผลให้จวี้หยางหลุบตามอง
“ไปสิ กลับบ้านกัน”
ต้นมะเดื่อ หรืออีกชื่อคืออ้ายหวี้ : เป็นผลไม้ชนิดเถาเลื้อยขึ้นไปตามต้นไม้ใหญ่ออกผลในยอดไม้สูงลิ่ว
