บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เจ้าก้อนผอมแห้ง

จวี้หยางใช้ความทรงจำที่ได้มาก้าวเดินไปยังห้องครัว ทันทีที่ก้าวออกจากบ้านสายตาหลายคู่ของคนในหมู่บ้านพลันเหลือบมองมาด้วยความดูถูกแกมรังเกียจ พวกเขาทำเหมือนนางเป็นตัวเสนียดไม่อยากเข้าใกล้ หลีกหนีให้ไกลได้เป็นดีที่สุด

ทว่าภายใต้ความรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น กับแฝงความอยากรู้อยากเห็น ทำเหมือนครอบครัวโจวเป็นโรงละครงิ้วคอยสร้างความสนุกสนานให้กับพวกเขา ใช้เรื่องในบ้านจวี้หยางเป็นหัวข้อพูดคุยในวงสนทนา

จวี้หยางทำทีไม่สนใจสายตามากมายเหล่านั้น เทียบกับสายตาของพวกเขาแล้วสายตามองมาอย่างสงสารเห็นใจของคนในชาติก่อนยังเจ็บกว่าอีก

สองขาเพรียวเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงห้องครัวข้างบ้าน กวาดตามองหาของที่พอจะใช้ทำกับข้าวได้

พบว่าในห้องครัวมีข้าวสาร ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ ผักอีกเล็กน้อย

จวี้อยางตัดสินใจทำอะไรง่าย ๆ กิน

ดูจากร่างกายผอมแห้งของเด็กน้อยในบ้านแล้ว วัน ๆ หนึ่งคงไม่มีโอกาสได้กินอะไรดี ๆ กระเพาะบอบบางของเด็กน้อยทำอาหารเบา ๆ และอุ่นท้องเพื่อบำรุงให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นคงจะดีที่สุด

คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจก่อไฟ ล้างกระทะให้สะอาด เติมน้ำลงไปเตรียมทำโจ๊กไข่อร่อย ๆ ให้เด็กชายตัวน้อยกิน

จวี้หยางจัดการซาวข้าวในน้ำสองรอบ เทข้าวลงไปในซึ้ง ซึ่งรองด้วยผ้าข้าวไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะนำขึ้นซึ้งขึ้นไปตั้งบนกระทะ

ระหว่างนี้ก็มาเตรียมไข่ใส่โจ๊ก

ตอกไข่สองฟองใส่ชามใบเล็ก เติมเกลือลงไปเล็กน้อยใช้ตะเกียบตีไข่ให้เข้ากัน พอข้าวสุกได้ที่ก็ยกลงมาวางไว้ด้านข้าง

จวี้หยางมองหาค้อนขนาดพอดีมือ ก่อนจะนำลงไปต้มน้ำเดือดจากนั้นนำไปผ่านน้ำให้คลายความร้อน แล้วนำมาตำข้าวที่นึ่งจนสุกให้ละเอียด

เมื่อได้ที่แล้วนำข้าวที่ได้ลงไปต้มในกระทะอีกรอบ เติมน้ำ ลงไปใช้ทัพพีคนไปเรื่อย ๆ จนเหนียวข้นได้ที่แล้วผ่อนไฟลงเติมไข่ลงไปกวนให้เข้ากัน ชิมรสชาติดู

เมื่อได้รสชาติที่พึงพอใจแล้วก็ตบท้ายด้วยหอมซอยเพิ่มสีสันและกลิ่นหอม

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของโจ๊กลอยออกไปตามสายลม ชาวบ้านหลายคนได้กลิ่นต่างหันซ้ายขวามองหาด้วยความสงสัย นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นอาหาร

โจวฉีทำจมูกฟุดฟิดก้าวลงจากเตียงด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เด็กชายตัวน้อยยกมือขยี้ตาพลางเดินตามกลิ่นหอมออกจากห้อง

“ตื่นแล้วหรือ? ไปล้างหน้าล้างมือก่อนแล้วมากินข้าว” คำพูดอ่อนหวานจากคนเป็นมารดาช่วยให้เด็กน้อยตื่นเต็มตา

โจวฉีที่ยังมีท่าทีหวาดกลัวอยู่ก้าวขาผ่านหน้ามารดาไปทำตามที่อีกฝ่ายบอก

แม้จะหวาดกลัวแต่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ให้กำเนิดทั้งยังเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่กับเขายามบิดาไม่อยู่ โจวฉีจึงเชื่อฟังและทำตาม ด้วยคาดหวังว่าหากเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ต่อไป สักวันหนึ่งมารดาจะหันมาทำดีกับตน ไม่แสดงสีหน้าท่าทางรังเกียจ

“หิวมากหรือไม่? ไปกินข้าวกันแม่ทำกับข้าวไว้แล้ว”

เด็กน้อยพยักหน้า “หิวขอรับ” สองมือกำเข้าหากัน หลุบสายตาไม่ยอมมองหน้า

จวี้หยางยิ้มอ่อนใจ

คงต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อให้ลูกน้อยเปิดใจกับตน

แม่มือใหม่จัดการตักข้าวใส่ชามใบเล็กใบใหญ่ เดินถือเข้าไปในบ้าน วางลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ที่โจวหลิงทำขึ้นมา เอ่ยกับบุตรชายว่า

“กินข้าวเองได้ใช่ไหม?”

“กินได้ขอรับ” เด็กน้อยสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนไปของมารดา ถึงกระนั้นเขากับชื่นชอบที่มารดาพูดดีด้วย

“ยังร้อนอยู่ค่อย ๆ กิน” จวี้หยางยื่นมือออกไปหยุดมือเร่งรีบตักข้าวเข้าปากของเด็กน้อย ในใจก่นด่าเจ้าของร่างไปหลายตลบ

เป็นแม่ประสาอะไรกันถึงได้ใจจืดใจดำปล่อยให้ลูกอดอยากขนาดนี้ ส่วนตัวเองก็ออกไปเที่ยวสนุกกับคนนั้นคนนี้ ใช้ร่างกายได้หนักมากก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคเดียวกับเธอ

จวี้หยางพยายามสลัดความคิดเกี่ยวกับเจ้าของร่างทิ้งไป คนแบบนั้นลืม ๆ ไปเป็นดีที่สุด

โจวฉีมองมารดาเอ่ยห้าม สายตาซึ่งแตกต่างไปจากแต่ก่อน ทำหัวใจดวงน้อยเกิดความอบอุ่นประหนึ่งถูกโอบกอด

“ฉีเอ๋อร์เข้าใจแล้วขอรับ” เอ่ยตอบรับออกไป

จวี้หยางมองสีหน้าลูกน้อย ยอมถอนมือออกในที่สุด ทว่าระหว่างนั้นก็คอยมองดูการกินอาหารของโจวฉีไปด้วย เมื่อมั่นใจว่าบุตรชายไม่เร่งรีบตักข้าวเข้าปาก ถึงหันมาสนใจข้าวตรงหน้าตน

สองแม่ลูกกินข้าวกันไปเงียบ ๆ

จวี้หยางมองบุตรชายตักข้าวเข้าปากไม่หยุด ยิ่งเห็นภาพนี้ก็ยิ่งสั่นสะเทือนหัวใจ หลังกระเพาะน้อยถูกเติมจนเต็ม โจวฉีถึงได้หันมาสนใจมารดา

“ท่านแม่ข้าววันนี้อร่อยมากเลยขอรับ”

จวี้หยางมองสีหน้ามีความสุข รอยยิ้มสดใส หัวใจคล้ายถูกเคาะเบา ๆ

“ชอบหรือไม่?”

“ชอบขอรับ! อยากให้ท่านแม่ทำให้ฉีเอ๋อร์กินบ่อย ๆ ” ปลายเสียงเบาหวิวลงจนเกือบไม่ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าก็หดกลับไปเหมือนเดิม

จวี้หยางเข้าใจการกระทำของโจวฉีจึงยกมือลูบศีรษะเบา ๆ

“จากนี้แม่จะทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้เจ้ากิน”

“ขอรับท่านแม่!” เด็กน้อยพยักหน้ายิ้มกว้าง ดีใจมากที่ได้ยินว่าท่านแม่จะทำของอร่อยให้กินอีก

“เอาล่ะกินข้าวอิ่มแล้วใช่ไหมเอาชามข้าวไปเก็บกัน”

“ขอรับท่านแม่” เด็กน้อยเอ่ย ขยับตัวลงจากเก้าอี้ถือชามข้าวตนไว้ในมือ เงยหน้ามองมารดา

“ไปกันขอรับ” จวี้หยางยิ้มเล็กน้อย รู้สึกเอ็นดูเด็กตรงหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

ก็เป็นเด็กนิสัยดีน่ารักนี่นา ทำไมจวี้หยางคนก่อนถึงได้ไม่ชอบลูกคนนี้นักนะ คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว

ไม่ ๆ เลิกคิดถึงผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว

บอกกับตนเองพลางก้าวขาออกจากห้องนอน

เพียงก้าวออกจากห้องมาการกระทำของนางที่แปลกไปจากเดิมพลันตกอยู่ในสายตาบุรุษผู้หนึ่ง

เขามองพิจารณาสตรีตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจระคนสงสัย

ใช้สายตาลุ่มลึกจ้องมองแผ่นหลังบอบบางพาเด็กชายตัวน้อยเดินเข้าไปในห้องครัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม

นางคิดจะทำอะไร?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel