ตอนที่ 6
จอมสุรางค์ถึงห้องพัก ซึ่งอยู่ด้านนอกมีระเบียงให้ออกไปยืนรับลมชมวิวทะเลสบายๆ หล่อนเลือกห้องที่มีเตียงเดี่ยว ภายในห้องมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ มีทีวี โทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต พร้อมตู้เซฟนิรภัย และมีมินิบาร์
ในส่วนห้องน้ำ มีให้อาบทั้งน้ำฝักบัว และอ่างอาบน้ำให้ลงนอนแช่น้ำอุ่น ขนาดของห้องรวมทั้งห้องนอนและห้องน้ำก็ราวๆ 18 ตารางเมตร ก็จัดว่ากว้างขวางอยู่สบายทีเดียว ซึ่งดูเหมือนห้องพักด้านใน หรือ อินไซด์ เคบิน จะมีขนาดห้องเล็กกว่าเล็กน้อย ถึงว่าจะมีทุกอย่างให้เหมือนกัน เว้นแต่ไม่มีระเบียงอย่างห้องพักฝั่งด้านนอก ยกเว้นห้องสูท หรือห้องชุดพิเศษ
จอมสุรางค์เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า แขวนไว้ในตู้ที่มีอยู่ภายในห้องพัก เก็บของมีค่าซึ่งพอจะมีติดตัวมาแต่ก็ไม่มีราคาค่างวดมากนักไว้ในเซฟนิรภัย จากนั้นก็เข้าไปสำรวจห้องน้ำ เปิดประตูออกไปที่ระเบียง ยืนรับลมธรรมชาติเล่นอยู่พักใหญ่จึงกลับเข้าห้องซึ่งติดเครื่องปรับอากาศ
ลงนั่งพักบนเตียงที่ทำเอาไว้อย่างเรียบร้อย และชวนนอนอีกพักใหญ่ ชักเบื่อ ก็เลยลุกขึ้น ตั้งใจออกไปเดินสำรวจว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน หล่อนทราบว่าชั้นพักผู้โดยสารจะแบ่งออกเป็นชั้นพักสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ผู้โดยสารชั้นสอง และชั้นสาม ซึ่งความหรูหรา สะดวกสบายก็จะต่างกันไป
บนเรือเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งสระว่ายน้ำ สวนน้ำ ร้านค้าปลอดภาษี ผับ ลานสเกตน้ำแข็ง สนามบาสเกตบอล หรือแม้แต่สนามกอล์ฟ
ห้องใช้สอยต่างๆ ส่วนใหญ่ผู้โดยสารชั้นหนึ่งกับชั้นสองจะใช้ร่วมกัน มีแยกเป็นบางห้อง แต่ผู้โดยสารชั้นสามนั้นแทบจะแยกไปเลยต่างหาก
จอมสุรางค์ทราบว่ามีการเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารสองรอบ รอบเย็นและรอบค่ำ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นหล่อนเดินเที่ยวชมเรือไปตามห้องนั่งเล่นต่างๆ พบว่ามีค็อกเทล เลานจ์ถึงสามแห่ง มีทั้งผับ และบาร์ มีร้านกาแฟอยู่หลายร้านไว้บริการ มีห้องสมุด ห้องสูบบุหรี่ และ กาสิโน ห้องอาหารสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง และสอง อยู่ถัดชั้นที่พักขึ้นไปหนึ่งชั้น
นอกจากนี้ยังมีร้านเสริมสวย รับทำผม แต่งหน้า มีห้องอาบ อบ นวด และเซาน่าอยู่ที่ชั้นหก เหมือนยกเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งมาไว้บนเรือ มีครบทุกอย่างจริงๆ
จอมสุรางค์เดินชมไปเรื่อย พอรู้สึกเมื่อยก็แวะเลานจ์แห่งหนึ่ง สั่งเครื่องดื่มมาดื่มแก้กระหาย นั่งจิบไปเรื่อยๆ พอคลายเมื่อยก็เริ่มออกทัวร์ต่อ แต่ขณะก้าวไปบนพรมนุ่มตามทางเดิน ก่อนเลี้ยวไปยังห้องหนึ่งที่มีเสียงดนตรีแว่วออกมา ก็แทบสะดุดเท้าตัวเองเป็นครั้งที่สองในรอบวัน
เลยช่วงหักมุมของทางเดินไปไม่ถึงสิบก้าว ชายผู้หนึ่งยืนหันข้างมาทางหล่อน เรือนร่างสูงเพรียว ผมดกหนาดำสนิทเส้นสลวยหยักศกน้อยๆ เกาะเข้ารูปศีรษะ เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาทวีคมสัน มองเห็นสันจมูกโด่งสวยชัดเจน มุมปากเห็นเพียงด้านเดียวหยักยกหุบสนิท
เห็นเพียงเท่านี้จอมสุรางค์ก็จำได้เกือบทันที ว่าเขาคือชายหนุ่มที่ส่งยิ้มเก๋และเฉี่ยวมาให้เมื่อหล่อนขึ้นมาบนเรือใหม่ๆ เพียงแต่ขณะนี้เขาไม่อยู่ตามลำพัง มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย
เขาก้มหน้าน้อยๆ ตั้งใจฟังคู่สนทนาที่กำลังพูดด้วยเบาๆ แบบไม่เว้นช่องไฟ สังเกตจากกลีบปากสีแดงขยับไม่หยุด
หญิงสาวคู่สนทนาของเขา เป็นผู้หญิงผิวขาว รูปร่างได้ส่วน ผมสีบรอนซ์ คือออกสีทองแดงผสมดีบุก บางทีเรียกทองบรอนซ์ ไม่ใช่ ‘บลอนด์’ ที่หมายถึงสีเหลือง หรือคนผิวเนื้อขาว
จอมสุรางค์รีบถอยกลับหลบเข้ามุมก่อนทั้งคู่จะหันมาเห็นเข้า จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเดิน มุ่งไปยังทางอื่นแทน
ประมาณชั่วโมงหนึ่งให้หลังจึงคิดกลับขึ้นห้อง ตั้งใจจะนอนพักสักงีบก่อนลุกขึ้นเตรีมตัวลงมารับประทานอาหารเย็น
ขณะยืนรอลิฟต์เพื่อกลับขึ้นที่พัก ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามายืนข้างๆ คงจะรอมารอลิฟต์กลับห้องพักเช่นเดียวกับหล่อน แต่พอหันไปมองก็ทำเอาหล่อนแทบจะลืมหายใจไปเลย
เขา... นั่นเอง!
ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่หล่อนกวาดตาไปพบเข้า และเขาก็ได้ส่งยิ้มเก๋และเฉี่ยว ทำเอาหล่อนแทบจะเข่าอ่อนมาให้ และเมื่อชั่วโมงก่อนหล่อนยังไปเจอเขายืนอยู่กับสาวสวยบริเวณทางเดิน
“สวัสดีครับ”
เขาทักขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่น เป็นกันเองมาให้
“สวัสดีค่ะ” หล่อนทักตอบกลับไป เพราะเขาทักมาอย่างสุภาพ
พูดจริงๆ หล่อนคิดว่าผู้ชายคนนี้ดูเป็นสุภาพบุรุษ แม้เขาจะทำให้อดหล่อนนึกแวบไปถึงคนยุคหินที่ยังอาศัยอยู่ตามถ้ำไม่ได้ เพราะถึงว่าเขาจะดูเป็นสุภาพบุรุษ ดูศิวิไลซ์ ลักษณะเป็นคนมีการศึกษา และได้รับการอบรมมาดี แต่ก็ยังมีความเถื่อนแฝงอยู่ในอิริยาบถเคลื่อนไหว ซึ่งความป่าเถื่อนดังกล่าวได้ถูกควบคุมเอาไว้เป็นอย่างดี ภายใต้ความสุภาพเยี่ยงอารยะ
และหล่อนเชื่อ... เชื่อจริงๆ เชื่ออย่างมั่นใจ ทั้งที่ไม่รู้จักเขาดี ความรุนแรง ความเป็นอนารยะชนใดๆ ที่ยังแฝงอยู่ พร้อมจะถูกนำมาใช้เมื่อถึงคราวจำเป็น คิดด้วยซ้ำว่า ถึงเขาจะไม่ใช่คนนิยมความรุนแรงใดๆ แต่ก็พร้อมจะใช้ความรุนแรงนั้นสยบศัตรูที่หาญมาต่อกรด้วย เพราะถึงว่าเขาจะออกมาดสุภาพบุรุษทั้งเนื้อทั้งตัว เขาก็เป็นนักสู้คนหนึ่ง และจะสู้ไม่ถอยจนกว่าจะได้รับชัยชนะ
ผู้ชายคนนี้... หล่อนบอกตัวเอง ถึงว่าดูอบอุ่น เป็นที่พึ่งพิงได้ทุกโอกาสสำหรับมิตร แต่น่าครั่นคร้าม และเป็นตัวอันตรายยิ่งสำหรับศัตรู
“ดูเหมือนเราจะเจอกันสองครั้งแล้วนะครับในรอบวัน รวมครั้งนี้ เอ... ไม่ใช่สิ สามต่างหาก ถ้ารวมบนทางเดินเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา”เขาพูดติดต่อกันไปด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
จอมสุรางค์พูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่า เมื่อหล่อนเผอิญไปเห็นเขาอยู่กับสาวบริเวณทางเดิน เขาจะทันเห็นหล่อน
เขายิ้มอีก คราวนี้รอยยิ้มของเขามีแววขัน
ชั่วขณะ จอมสุรางค์รู้สึกเหมือนจะคุ้นๆ รอยยิ้มนี้ เหมือนว่าเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ได้ถาม เพราะถ้าไม่เคย ก็มีทางว่าเขาจะคิดว่าหล่อนอยากรู้จักเขา เลยใช้วิธีที่ตื้นๆ ที่หนุ่มบางคนชอบนำมาใช้เวลาอยากทำความรู้จักหญิงสาวสักคน หล่อนโล่งใจที่ลิฟต์เปิดออกพอดี เขาใช้มือกันลิฟต์ไม่ให้ปิด ให้หล่อนเดินเข้าก่อน
