ตอนที่ 7
“ชั้นไหนครับ”
เขาถามเสียงนุ่ม สุภาพ แต่จอมสุรางค์ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาขันหล่อนอยู่ตลอดเวลา
หล่อนบอกไป ดูเขาไม่มีท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใด กลายเป็นว่าหล่อนเสียอีกเป็นฝ่ายแปลกใจ เพราะหลังจากขึ้นลิฟต์มาด้วยกันเงียบๆ กระทั่งถึงชั้นที่พัก ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด และหล่อนก็เดินออก ร่างสูงก็เดินตามออกมาด้วย และยังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
“ผมพักชั้นนี้เหมือนกัน”
เสียงทุ้มนุ่มบอก เมื่อเห็นหล่อนหันไปมองแวบหนึ่ง และยังพูดต่ออีกหน่อย
“ห้องหมายเลข414 ครับ”
โอย! จะตาย... เขาพักห้องตรงข้ามหล่อนนั้นเอง!
จอมสุรางค์เอ็ดอึงอยู่ในใจ แต่ไม่พูดว่ากระไร เดินไปตามทางเดินปูพรมนุ่มเงียบๆ แม้จะรู้สึกก้าวได้ไม่มั่นคงนัก เหมือนขาจะขวิดอยู่ตลอดเวลา เพราะรู้ว่าห่างไปไม่ถึงสามก้าว มีชายหนุ่มเดินตามมา
แทบจะถอนหายใจโล่งอก เมื่อถึงห้องพัก แต่แล้วก็เหมือนถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง ขณะล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจออกมาไขประตูห้อง ไม่ทันระวังยืนให้มั่นคงนัก จู่ๆ เรือเกิดเอียงวูบ ทำเอาเสียหลัก ถลาข้ามทางเดินไปฝั่งห้องตรงข้าม
หล่อนไม่ได้กระแทกเข้ากับผนังห้องที่อยู่คนละฟากทางเดิน และก็ไม่ล้มทั้งที่น่าจะล้ม ทั้งนี้ก็เพราะต้นแขนถูกยึดแน่นหนาจากมือแข็งแรงมั่นคง แกร่งราวกับคีมเหล็กของชายหนุ่มที่เดินตามมา
เรือที่โคลงรุนแรงกลับสู่สภาพปกติ จอมสุรางค์ทรงตัวได้แล้วโดยความช่วยเหลือจากเจ้าของมือที่ยังยึดต้นแขนหล่อนไว้มั่น
“ขอโทษค่ะ”
นัยน์ตาคมดำสนิทเหมือนราตรีเที่ยงคืน ทอดลงมองมาจากกรอบหน้าเพรียวคมสัน ทำเอาจังหวะการเต้นของชีพจรซึ่งเต้นรัวอยู่แล้วจากเหตุการณ์เรือเอียงเมื่อสักครู่ เต้นแรงขึ้นอีก แต่คราวนี้มาจากสาเหตุอื่น
“ยินดีและเต็มใจให้ความช่วยเหลือทุกเมื่อครับ”
เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มทำให้จอมสุรางค์ได้สติคิดขึ้นได้ว่า เผลอจ้องตาสีราตรีเที่ยงคืนฉายแววนุ่มราวกำมะหยีเพลิน กระทั่งลืมพาตัวเองออกมาห่างๆ ร่างสูงเพรียว
“เอ่อ...คิดว่าไม่เป็นไรแล้วค่ะ” พร้อมคำพูดที่ปล่อยออกไป หล่อนขยับไหล่เพื่อให้มือแข็งแรงหลุดจากต้นแขน
พอชายหนุ่มปล่อยแต่โดยดี จอมสุรางค์ก็รีบก้าวกลับมายืนที่หน้าประตูห้องพักของตัวเอง ไขกุญแจห้องลุกลน เพื่อจะได้พาตัวเองไปพ้นๆ สายตาเข้มคมที่ดูเหมือนจะมองตามทุกการเคลื่อนไหว
ไม่เชิงว่าหล่อนกลัวเขา หรือถ้ากลัวก็เป็นความกลัวที่แปลกอยู่ เพราะมีความตื่นเต้นเร้าใจผสมปนเป
หล่อนไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เหตุใด หรือทำไม ถึงได้รู้สึกรู้สาไปว่าบรรยากาศโดยรอบมีออกซิเจนอยู่น้อยกว่าปกติ แทบจะทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง กระทั่งเกิดความรู้สึกหวิวๆ ขึ้นในช่องท้อง ซึ่งความรู้สึก และอาการเหล่านี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิตของหล่อน
ประตูห้องพักเปิดออกในที่สุด แต่ไม่ทันที่หล่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง เสียงทุ้มนุ่มก็พูดขึ้นอีก
“คืนนี้ขอผมได้รับเกียรติควงคุณไปดินเนอร์นะครับ”
จอมสุรางค์หันไปมองอย่างไม่แน่ใจ กระทั่งชายหนุ่มพูดต่อ
“ถ้าคุณจะเกี่ยงว่า ไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้า ผมก็ขอแนะนำตัวเองเลยละกัน ริชาร์ด วิลเลียม ครับ คนรู้จักสนิทหน่อยก็จะเรียกริช ไม่ก็ริชชี่”
หล่อนควรรับฟังเฉยๆ แล้วเดินเข้าห้อง จากนั้นก็ปิดประตูซะ หลังตอบปฏิเสธไป แทนที่จะบอกชื่อของตนกลับไป
“จอมสุรางค์ ธันยธรค่ะ” เท่านั้นไม่พอ ยังบอกเขาต่อไปอีกยาวเหยียด “ญาติๆ เรียกจุ๋ม แต่เพื่อนๆ ที่อเมริกาเรียกแองเจิ้ล ไม่ก็แอนเจลาเพราะออกเสียงชื่อไทยลำบาก เผอิญด้วยว่า สุรางค์ ย่อมาจาก สุรางคนาในภาษาไทย หมายถึงนางฟ้า”
“ผมออกเสียงได้ครับ จุ๋ม”
ชายหนุ่มบอกกลับมายิ้มๆ และเขาพูดจริงว่าออกเสียงชื่อหล่อนได้ เพราะเขาพูดได้ชัดมาก ไม่เพี้ยนเลย และแปลกอีกแล้วว่า เขาดูไม่แปลกใจ เมื่อรู้ว่าหล่อนเป็นคนไทย ทั้งที่ฝรั่งแทบทุกคนที่ยังไม่เคยเดินทางไปเมืองไทย พบหล่อนครั้งแรก พอรู้ว่าเป็นคนไทย มักจะแสดงอาการตื่นเต้น ร้องอุ๊ยอ๊าย ซักถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ในเมืองไทยที่เคยไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง แต่ผู้ชายคนนี้ เฉยๆ เหมือนกับว่าเขารู้ หรืออย่างน้อย ก็พอจะดูออกอยู่ก่อนแล้วว่าจอมสุรางค์เป็นคนชาติไหน
“ตกลงเรื่องดินเนอร์คืนนี้ ให้เกียรติไปกับผมนะครับ”
จอมสุรางค์ใช้เวลาตัดสินใจอยู่กึ่งอึดใจก็ตอบตกลง เพราะคิดว่ามีเพื่อนไปรับประทานอาหารก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงสาวๆ เดินทางตามลำพังแบบนี้ มีคนไว้คบค้าสมาคมสักคนก็ดูจะปลอดภัยกว่าฉายเดี่ยว เพราะถ้ามีมิจฉาชีพแฝงตัวมาบนเรือก็คงจะหยุดคิดไม่มากก็น้อย เมื่อเห็นหล่อนมีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เคียงข้าง
นัดเวลากันเรียบร้อย ซึ่งก็ลงตัวที่หนึ่งทุ่มตรง ก็แยกกันเข้าห้องใครห้องมัน
จอมสุรางค์ไม่คิดว่าริชาร์ด วิลเลียมจะมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับหล่อน ที่พอเข้าห้องและปิดประตูกดล็อกเรียบร้อย ก็ยืนระทวยอิงหลังพิงประตูที่เพิ่งปิดลง ราวกับว่าแข้งขาสิ้นเรี่ยวแรงกะทันหัน อกใจก็เหมือนจะเต้นอยู่โครมๆ
หล่อนเป็นอะไรไปนี่ ทำไมถึงได้เกิดอาการแปลกๆ?
ตื่นเต้นงั้นหรือ? แล้วทำไมจะต้องตื่นเต้นด้วย ในเมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีนัดรับประทานอาหารกับชายหนุ่มสักคน
หรือจะเป็นเพราะชายหนุ่มที่หล่อนมีนัดด้วยคืนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นคนแปลกหน้า แต่เขายังดูแตกต่างไปจากผู้ชายหนุ่มๆ ที่หล่อนเคยรู้จัก เพราะแค่สายตาของเขาที่ทอดมองมา ก็ทำให้หล่อนเกิดอาการพิลึกพิลั่นขึ้นในอกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ว่าแต่ผู้หญิงที่หล่อนเห็นอยู่กับเขาคนนั้นล่ะ เป็นแฟนเขา หรือว่าแค่คนรู้จักผิวเผินที่เผอิญมาเจอกันบนเรือเช่นเดียวกับหล่อน? ถ้าเป็นแฟน เจ้าหล่อนจะไม่หึงหวงแย่ไปเลยหรือ ที่คนรักมานัดผู้หญิงอื่นไปดินเนอร์ด้วยแบบนี้?
จอมสุรางค์ถอนใจเฮือก เพราะทุกคำถามในใจดูจะไร้คำตอบ
