บท
ตั้งค่า

Chapter 5 อาการช็อกทางจิตใจ

รษาช็อกนอนนิ่งไป และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็มีอาการเหม่อลอย เงียบเฉย มึนงง สับสนขาดการตอบสนอง อารมณ์เฉยชา ไม่เกรี้ยวกราดเหมือนเดิม คนเป็นพี่เห็นอาการของน้องเป็นอย่างนั้นก็ไม่นิ่งนอนใจ

หมอมาถึงที่ไร่ทันเวลาพอดีกับที่เธอก็มีอาการนิ่งตาค้างอยู่บนเตียง น้ำตารินออกมาไม่ขาดสาย เธอไม่พูดจาตอบสนองใดๆ กับใครทั้งสิ้น หัวใจของคนเป็นพี่แทบแหลกสลาย สงสารน้องสาวจับใจ หมอต้องฉีดยานอนหลับให้เธอได้พัก

“ทำไมเป็นแบบนี้ครับคุณหมอ ตอนกลับมาไร่เธอก็ไม่ได้มีอาการแบบนี้นะครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามคุณหมอร้อนรน

“มันเป็นอาการปกติของโรค PTSD เกิดอาการช็อกทางจิตใจ มันเกิดจากการที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ หรือภัยคุกคามรุนแรงเกินที่เผชิญ อาการนี้อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ การถูกทำร้ายทางร่างกายหรือข่มขืน หรือแม้กระทั่งคำพูดรุนแรงที่คนป่วยรับไม่ได้” หมอหนุ่มรายงานอาการคนป่วยเสียงนุ่ม

“ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้นะครับ แค่ร้องไห้แล้วก็หลับไป แล้วอาการอย่างนี้มีทางรักษาไหมครับคุณหมอ”

“โรคทุกอย่างล้วนต้องมีทางรักษาครับ แต่บางอย่างเราต้องใช้เวลา บางทีอาจจะนานหรือใช้เวลาเพียงสั้นๆ ก็ขึ้นอยู่กับคนรอบตัวผู้ป่วย ที่เป็นคนดูแลเธอครับ”

“แล้วผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ”

“สิ่งที่พ่อเลี้ยงต้องทำคือทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ อีก คนป่วยได้รับการกระทบกระเทือนที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยบอบบางมาก จะตกใจง่ายเมื่อมีสิ่งเร้าหรือเรื่องสะเทือนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าโชคดี บางทีอาจจะไม่มี เพียงแค่ซึมเศร้าอย่างที่เราเห็นนะครับ หรืออาจมีอาการแค่ตื่นกลัว วิตกกังวลนิดหน่อย แต่ถ้าหนักกว่านั้น บางครั้งคนป่วยอาจจะหงุดหงิดฉุนเฉียว อารมณ์แปรปรวน ก้าวร้าว เรียกร้องเอาแต่ใจ พ่อเลี้ยงจะต้องทำความเข้าใจ อดทนและใส่ใจเธอให้มากนะครับ โรคทางจิตแบบนี้ ถ้าสุขภาพจิตของคนป่วยดี อาการป่วยก็จะหายเร็วขึ้น” หมอหนุ่มอธิบายเสียงเรียบ

“ครับคุณหมอ”

“หมอจัดยาคลายเครียดไว้ให้แล้ว อีกอย่าง หมอขอแนะนำให้พ่อเลี้ยงหาคนมาดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดสักคนนะครับ เพราะผู้ป่วยต้องการกำลังใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก”

“ครับคุณหมอ ขอบคุณอีกครั้งครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ”

“ขอตัวนะครับ อีกสองวันผมจะมาดูอีกครั้ง”

คล้อยหลังสองหนุ่ม มินตราก็ยิ้มพรายอย่างมีความหมายเมื่อรับรู้อาการของเพื่อนสาว

“ในที่สุดก็ถึงวันของเพื่อนผู้แสนดีอย่างฉัน นังหงส์ปีกหัก” คล้อยหลังสองหนุ่ม มินตรายิ้มเยาะกับร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง เป็นภาพที่น่าสมเพชเวทนาสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอ สะใจมากกว่า

พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นานนับชั่วโมงที่เขายังคงยืนพิงขอบประตูอยู่ที่เดิม ตาคมยังจับจ้องน้องสาวอย่างสงสารจับใจ หลายวันแล้วที่น้องสาวเขายังมีอาการแบบนี้ และยังไม่ดีขึ้นมาสักนิด ทั้งที่คนในบ้านทุกคนต่างทำทุกอย่างตามที่คุณหมอบอก

คนป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงยังมีอาการเหม่อลอย และหวาดผวาอยู่บ่อยครั้ง แววตาเศร้ายังมีรอยน้ำตาเอ่อนองไม่จางหายเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านมา บาดแผลกับรอยฟกช้ำภายนอกเริ่มจางลงทุกวัน แต่แผลภายในใจนี่สิ เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาเยียวยานานเท่าไรถึงจะหายดี เมื่อไหร่เขาถึงจะได้น้องสาวคนเดิมกลับคืน ถึงเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจมากแค่ไหน เขาก็ยอมทั้งนั้น และเขาจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนั้นมารับโทษให้ได้

มินตราย้ายเข้ามาดูแลรษาที่บ้าน หลังจากที่พ่อเลี้ยงธามอนุญาตให้เธอมาช่วยดูแล อีกทั้งยังรับเธอเข้าทำงานเป็นพนักงานฝ่ายการตลาด มาช่วยคณาธิป แต่ทว่าคณาธิปกลับส่งให้เธอไปช่วยที่ไร่ชาแทน เพราะไร่ชาจะต้องการคนมากกว่า สร้างความไม่พอใจให้กับมินตราอย่างมาก เพราะเธอเกลียดไร่ชา และเธอรู้ดีว่าพวกเขาต้องการแยกเธอจากพ่อเลี้ยงธามมากกว่า พวกเขาทุกคนก็ไม่ต่างจากรษาเลยสักนิด สักวันเธอจะเอาคืนให้แสบสันทีเดียว

คณาธิปผู้จัดการโรงงาน เขาควบตำแหน่งเลขานุการคนสนิทแถมยังเป็นเพื่อนที่เขารักมากอีกด้วยความสนิทสนมกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม มองทีเดียวก็รู้ว่าเพื่อนต้องการอะไร อีกทั้งรู้ดีว่า มินตรารู้สึกอย่างไรกับเพื่อนหนุ่มของเขา พ่อเลี้ยงหนุ่มมีคนที่รักอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง จะดีกว่าถ้าให้มินตราไปช่วยงานที่ไร่ชา กันไว้ดีกว่าแก้จะปลอดภัยที่สุด

พ่อเลี้ยงธามเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ผู้ชายบ้างานอย่างเขาก็ไม่ชอบสุงสิงกับใครมากมายนัก และเกลียดความวุ่นวายที่สุด เขาถึงไม่มีเลขานุการแต่ให้ตำแหน่งกับคณาธิปที่ช่วยดูแลทุกอย่างแทน

พ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ปกรักแต่งตัวสบายๆ เดินพับแขนเสื้อลงมาจากห้องในตอนเช้ามืดของวัน เตรียมที่จะไปทำงานตามปกติ แต่ก็เจอมินตราที่ห้องอาหารอยู่พอดี เขาจึงเดินเลยเข้าไปทักและฝากฝังเรื่องน้องสาวก่อน

“เมนี่! เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนหลับสบายดีใช่ไหม พี่ฝากรษาด้วยนะ พี่จะไปไร่กระจ่างดาวหน่อย แล้วจะเข้าไร่เลย”

มินตราที่กำลังยกอาหารไปให้รษาพอดี เขาเดินเข้ามาทักทายถามไถ่แบบไม่ต้องการคำตอบ ไม่ลืมที่จะฝากฝังน้องสาวก่อนออกไป

“ค่ะพี่ธาม ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” มินตรารับคำอ่อนหวานตามหลัง แต่ในใจแอบไม่พอใจลึกๆ ที่เขามองเธอเหมือนไร้ตัวตน

“ขอบใจมากนะ” พ่อเลี้ยงธามตอบกลับหลังจากที่เดินออกไปไกล โดยไม่รู้ว่าคนที่ยิ้มอ่อนหวานให้เขาเมื่อครู่แสยะยิ้มอย่างหมั่นไส้แล้วก็แทนที่ด้วยรอยยิ้มบาดลึก ดวงตาเปล่งประกาย

‘ยิ่งห่วงกันมาก และไม่เห็นหัวฉันมากเท่าไหร่ ก็เตรียมตัวที่จะพบกับความเจ็บปวดมากเท่านั้น คอยดูก็แล้วกัน ว่าฉันจะจัดการอย่างไรกับเธอให้สาสมกับความรู้สึกด้อยค่าของฉัน นังรษา’

คล้อยหลังพ่อเลี้ยงธามที่เดินออกไปได้สักพัก มินตราก็ยกถาดอาหารขึ้นไปหาเพื่อนรัก รษายังคงเหม่อเศร้าเหมือนอย่างที่เคยเป็นเหมือนเดิม แผลและอาการฟกช้ำทางร่างกายเริ่มหายสนิท แต่อาการทางจิตใจยังคงย่ำแย่เหมือนเดิม

“เป็นไงบ้างจ๊ะ ตื่นแล้วหรือ ทานอะไรหน่อยนะจ๊ะ” มินตรายกอาหารมาให้รษาถึงห้องนอน รษาเพียงส่ายหน้าเนือยๆ ให้เพื่อนสาว

“เธอไม่ยอมทานอะไรมาหลายวันแล้วนะรษา เธอควรจะเป็นห่วงตัวเองบ้างนะ ถ้าเกิดมีลูกขึ้นมาอีกล่ะ สงสารลูกบ้าง พี่ธามก็เป็นห่วงเธอมากนะ” มินตราแกล้งพูดเสียงหวาน ไม่วายกวนตะกอนให้ขุ่น แต่รษาก็มีอาการนั่งนิ่ง เหม่อซึมเหมือนเดิม จนคนเดินเข้ามาใหม่เริ่มหมั่นไส้ ที่จริงจะเรียกว่าสะใจมากกว่า

“ฉันเครียดแทนเธอจริงๆ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า น้องสาวคนเดียวของพ่อเลี้ยงธามที่เขาหวงนักหวงหนา เป็นสาวใจแตก พี่ชายสุดที่รักของเธอจะอับอายแค่ไหน ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงไม่ทนอยู่บนโลกนี้หรอก” มินตราตอกย้ำทิ้งรอยยิ้มหยันให้กับอาการของเพื่อน

“กรี๊ดดด! ออกไป! กรี๊ดดด!!” รษาสติหลุด คลุ้มคลั่งอย่างรุนแรง เธอปัดข้าวของแตกกระจาย คว้าตัวมินตรามาบีบคอจนตาเหลือกถลน มินตราสู้แรงเกือบไม่ไหว ไอแค่กๆ

“ปล่อยยย ชะช่วยด้วย!” มินตราพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย เธอเปล่งเสียงอันแหบพร่าออกมาอย่างยากเย็น เธอเรียกขอความช่วยเหลือด้วยกำลังอ่อนแรงลงทุกที

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” แม่นุ่มวิ่งหน้าตื่นขึ้นมา นางได้ยินเสียงกรี๊ดของรษาเมื่อครู่ ก็เลยวิ่งเข้ามาดูและเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี และช่วยแยกรษาออกได้ทัน “ว้าย! คุณรษาอย่าค่ะ มาช่วยกันเร็ว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel