Ep.4 สบตา(ตุ่ม)
ตัดภาพมาที่คุณหมอแห่งโลกอนาคตตอนนี้ บนหน้าผากมีรอยประทับสีแดงอยู่ ราวกับส้มโอที่ได้รับการเลือกจากห้างสรรพสินค้า เธอมองดูหญิงสาวคนแล้วคนเล่าที่ตรงเข้าไปรับของกำนัลจากพระองค์ ส่วนตัวเองเป็นคนสุดท้าย...
องค์ราชินีนั่งอยู่ในชุดเดิมไม่มีเปลี่ยน...พระองค์ทอยู่บนราชบัลลังก์ เก๊กจนฉันยังรู้สึกเมื้อยยยเมื่อยเเทน พร้อมกับกระเช้าใหญ่ๆ ข้างกายของพระองค์ ที่ส่งต่อให้หญิงสาวคนแล้วคนเล่า จนกระทั่งมาถึงคิวของคุณหมอต้องเดินไปรับ
ประหม่าจังเเฮะ--ไม่คิดว่าความฝันจะยาวนานเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้...
เมื่อไหร่จะตื่นวะเนี่ย...
"มีร่า ไคซีร่า ก้าวมา--"นางกำนัลหลวงซีเนีย หนึ่งในนางกำนัลคนเก่าคนแก่ที่รับใช้องค์ราชินีมานานกว่าหลายสิบปี เอ่ยนามของว่าที่นางกำนัลคนใหม่ ผู้แสนกระโดกกระเดกจนขัดหูขัดตาตนแต่แรกเจอออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่คุณหมอคนสวยและรวยมากแบบเธอไม่สนใจหรอก ขอแค่รอดไปวันๆจนตื่นจากความฝันเฮ็งซวยนี้เป็นอันพอแล้ว
"รับด้วยเกล้าเพคะ"ฉันเดินตรงเข้าไป ทำท่านกยูงรำแพนรอบที่ 2 สยายกระโปรงให้บานที่สุดในขีวิต น้อมกายลงถวายความเคารพ รับกระเช้าเสบียงมาแบบงงๆ มันเหมือนกับว่า ด้านในจะมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับบางอย่างที่สื่อถึงยศและฐานะของการทำงานในพระราชวังด้วย อู้วน่าสนใจ...
"มีร่า!"
"อุ้ย จ..เจ้าคะ?"
คุณหมอรีบวางมือซนๆที่คุ้ยตระกร้าต่อหน้าคนมอบให้ ท่าทีโก๊ะๆไม่เหมือนสาวคนอื่นๆทำให้นางกำนัลรับใช้ข้างพระองค์รู้สึกขัดหูขัดตา
"ยังไม่ไปอีก!"
"ไป..ป..ไป!เเล้วเจ้าคะ"
พอเดินพ้นสายตาของพวกเขามา คุณหมอก็ยังไม่เลิกเขี่ยตะกร้าอยู่ดี เหมือนตื่นเต้นกับของที่ตัวเองได้รับ ฉันได้ใส่ชุดสีน้ำเงิน พร้อมกับเสื้อคลุม โดยมีเสื้อชั้นในสีขาวตัวยาว แบบฉบับตามแพทย์โบราณเป๊ะๆ ไม่ยาวฟูรุ่มร่ามเหมือนตัวแรกที่ใส่ก่อนเข้าวังมา...
ไม่วายขอเเวะไปดึงกระโปรงรำแพนอีกรอบ ความฝันนี่เริ่มสนุกแฮะ หลังจากที่ฉันเครียดกับการทำงานมาหลายวัน ได้ลองมาเป็นสนมเเบบกร้าวๆใจหน่อยจะเป็นไร วู้---
ฉันถอนสายบัวพอเป็นพิธีอีกรอบก่อนที่จะเดินตามคนอื่นๆไป กะว่าจะรีบไปคุ้ยตะกร้าดูของเพิ่มเติม จะได้จดจำรายละเอียดให้ได้มากที่สุดก่อนตื่นขึ้นมา....แต่กลับถูกเรียกไว้ด้วยสุรเสียงทรงอำนาจ..
"เจ้าน่ะ..."
ห้ะ--ใคร ใครเรียก เค้าหรอ?
"เพคะ พระองค์ทรงเรียกกระหม่อมหรอ? "
ฉันเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง ซึ่งผู้หญิงสวยๆด้านข้าง ที่น่าจะเป็นนางกำนัลรับใช้ของฉัน รีบเอามือมาตีนิ้วของฉันอย่างรวดเร็ว
"สำรวมหน่อยท่านหญิง ห้ามชี้นิ้วต่อหน้าองค์ราชินี"
"โอ้-- ขออภัยเพคะ อะแหะ..."คุณหมอปัดกระโปรงแก้เขินที่โดนตำหนิต่อหน้าคนอื่น ท่าทางยังกับม้าดีดกะโหลกนั้นทำให้คนที่นั่งบนบัลลังก์แปลกใจอย่างมาก
"เจ้า---"นางกำนัลหลวงซีเนียทำท่าจะออกรับแทนนาย เตรียมติหนิแม่สาวสวยทำตัวโลโซนางนั้น
"ช่างเถอะนางยังไม่รู้ธรรมเนียมภายในวัง"คุณหมอไม่รู้เลยว่าภายใต้หน้ากาก องค์ราชินีกระตุกยิ้มเล็กๆ เเทบจะหลุดขำออกมาอยู่ร่อมร่อกับท่าทางตะโมะตะโก๊ะของคุณหมอ5G
"เเต่นาง---"ป้าแก่ข้างควีนเเลจะไม่ยอมง่ายๆแหะ คุณหมอนิ้วหน้ามอง พลางถกกระโปรง คิดในใจว่ามาสวนกันสักยกไหมป้า!
"เถอะน่า..."ควีนทรงปราม ก่อนที่จะหันมามองคนที่อธิบายเสียงใสเเจ๋ว
"หม่อมฉันโตมาในไร่ นอกจากวัวกับควายแล้วก็แกะ หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยเพคะ"คุณหมอกระดิกขา เเต่ควีนก็ไม่ได้ใส่ใจ
"เจ้าบอกว่าเจ้ารักษาได้ งั้นข้ามีของกำนัลจะมอบให้เจ้า รับไปสิ...."
พระองค์ทรงยื่นใบสมุนไพรหน้าตาแปลกประหลาดให้ดูแล้วเหมือนจะเป็นชาให้ชงกินกับน้ำผึ้งที่พระองค์เตรียมเอาไว้ ฉันมองชานั้นอย่างชั่งใจก่อนที่จะรับมาไว้ในมือ
"หอมดีจัง..."ว่าพลางยกถุงชมมาดมทันที แบบไม่สนใจมารยาททางสังคมในสมัยนั้นแต่อย่างใด ก็ไม่รู้นี่หว่า เท่ากับไม่ผิดไม่ใช่หรอ? ตนอยู่ที่ไหนตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลย...
"คาโมมายล์น่ะ"พระองค์ประทานให้ต่อหน้าต่อตาพระสนมเอก จนพระสนมเอกได้เเต่เบือนหน้าหนี ริษยาความเอ็นดูที่องค์ราชินีมีต่อว่าที่นางกำนัลหลวงคนใหม่...
นางเข้ามาใหม่เเท้ๆเเต่ทำไม----ทำไมถึง--
"ขอบพระทัยเพคะ"รำแพนถวายความเคารพรอบที่ล้าน เออเริ่มเมื่อยละ คุณหมอทรุดลงนั่งอีกรอบเมื่อควีนก็คุยอยุ่นั่นไม่ยอมให้ไปไหนสักที
"ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นคนที่ข้าคัดเลือกไม่ผิด"
"พระองค์จะไม่ผิดหวังเพคะ"ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะไม่รู้ว่า องค์ราชินีในตำนานหน้าตาเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ได้รู้อย่างหนึ่งก็คือว่า พระองค์อาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ หรืออาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ทั้งนั้น เสียงของพระองค์ทุ้มเเละกังวาล มีสำเนียงแบบโบราณซึ่งบอกให้รู้ว่าพระองค์เติบโตมาในราชสกุลของผู้ดี...
แต่ดูจากกระดูกนิ้วมือ ช่วงลำตัวและกระดูกแขน ต่อให้เป็นผู้ชายก็เป็นไปได้ยากมาก จะว่าใส่ส้นสูงก็ไม่ใช่ เพราะส้นสูงยังไม่เป็นที่นิยมในสมัยนี้ดีไม่ดีรองเท้าในสมัยนี้เป็นเพียงแค่รองเท้าที่ทำจากหนังวัวหนังแกะแล้วใช้ผ้าไหมผูกเข้าไว้ด้วยกันเท่านั้นเหมือนรองเท้าของนักบัลเล่ต์...
เพราะถ้านี่คือส่วนสูงที่แท้จริงของพระองค์แล้วก็...คงไม่ผิดเพี้ยนจากตำนานนัก...เฟเลนเซียแมคควีนเป็นราชินีนักรบในตำนาน เคลื่อนและนำทัพด้วยตนเองมาตลอดอยู่แล้ว หากพระองค์ตัวเล็กเกินไปเหมือนสาวชาวบ้านธรรมดา ความสมเหตุสมผลในการง้างธนูยิงทีละสองดอก กับการใส่เสื้อเกราะหนักๆในสนามรบก็อาจจะลดน้อยลงไป แค่คุณหมอไม่ได้คิดเผื่อใจเอาไว้ ว่าอีกฝ่ายจะสูงถึงเพียงนี้เท่านั้นเอง...
"องค์ราชินี หม่อมฉันมีคำถามจะถามพระองค์"ความสงสัยก่อตัวในหัวใจของคุณหมอจนต้องเอ่ยถาม มือน้อยๆยกขึ้นกลางอากาศเหมือนขออนุญาติ
ขวับ....
จังหวะที่พระองค์จะหันหลังกลับไป ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ใบหน้าใต้ผ้าคลุมลูกไม้นั้นก็หันกลับมาประจันหน้ากับคนเอ่ยถาม ผ้าที่คลุมหน้านั้นหนาจนแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่า พระองค์จะหายใจได้ยังไง เพราะนอกจาดูเหมือนมันมองอะไรไม่เห็นเล้ว ลูกไม้ลายกุหลาบนั้นทอเอาไว้แบบหนาและละเอียดจะดูน่ารำคาญหากจะต้องมองลอดผ่านผ้าลูกไม้นั้นตลอดเวลาอีกด้วย
หายใจไม่ออก....
จังหวะที่พระองค์หันมาประจันหน้า ฉันรู้สึกขนลุกแบบประหลาด ราวกับว่าตัวเองไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ ----
เหมือนรู้สึกได้...ถึงอำนาจอะไรสักอย่าง
หรือว่าพระองค์จะเป็นตัวแปรในความฝันของฉัน...
"สงครามครั้งล่าสุด พระองค์ใส่ชุดสีอะไรหรอเพคะ"ฉันจำได้ว่าในหนังสือที่ซาเวียร์เพื่อนสาวนักโบราณคดีชื่อดัง และเจ้าของเพจยอดผู้ติดตามหลักล้านให้มา พระองค์ใส่ชุดสีเขียวขลิบทอง แต่ที่ถามออกไปเพราะอยากจะแน่ใจมากกว่า ว่าเนื้อเรื่องในความฝัน ตรงกับหนังสือประวัติศาสตร์ของเพื่อนนักโบราณคดีทุกประการ...
"เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ถามคำถามเเบบนี้กับพระองค์นะ! "นางกำนัลหลวงข้างพระองค์กล่าว
แต่องค์ราชินีโบกมืออย่างใจเย็นเหมือนจะห้ามปราม ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีทองนั้นทรงแอบยิ้มในขณะที่ใครก็มองไม่เห็น
"เจ้าควรเอ็นดูในความสอดรู้สอดเห็นของนางนะ"
อ้าวเห้ยนี่... ชมหรือว่าด่าวะ!
คุณหมอยุคปัจจุบันเลิกลั่ก รู้สึกเหมือนตนเองโดนหลอกด่าอย่างไรอย่างนั้น แต่เนื่องจากฐานะที่ต่างกันมาก ทำให้เธอไม่อยากพูดอะไรออกไป กลัวหัวขาด
“ไม่ถามแล้วก็ได้เพคะ หม่อมฉันถามมาก”คิดได้ดังนั้นก็สงบปากสงบคำเงียบ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงไปมากกว่านี้
"ข้าใส่ชุดสีเขียว เจ้าสงสัยอะไรอย่างนั้นรึนางกำนัลใหม่"พระองค์ถามกลับแบบไม่ถือสาอะไร
"อ๋ออออ.. "คุณหมอลากเสียงซะยาว เหมือนในนิยายปรัมปราเป๊ะๆเลยเว้ย ใส่ชุดสีเขียว ปักดิ้นสีทอง..ความฝันนี้สนุกกว่าที่คิด...รายละเอียดที่ตรงกันขนาดนี้ เริ่มอธิบายเรื่องราวต่างๆได้ดีแล้วว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ประการใด การจะปัดตกความคิดที่ว่าตนได้ย้อนยุคมาในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สามารถพูดภาษา และเข้าใจเรื่องราวได้ ราวกับมีเครื่องแปลภาษาอัตโนมัติแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่...
