EP.3 โม้เเล้วต้องไปให้สุด
"เจ้าไปได้"สนมเอกทรงเอ่ย คุณหมอถูกดุนหลังโดยนางกำนัลหลวงคนสนิทขององค์ราชินี ให้รีบๆเดินลงจากพระราชบัลลังก์ไปเสียที คุณหมอจึงค่อยๆย้ายเรือนกายในกระโปรงสุ่มไก่ที่ครอบโหลยาดองไว้ได้หลายโหลแน่หากนำมาใส่ไว้ เดินลงไปยังบริเวณด้านล่าง มีสาวๆ โดนแยกไว้จำนวนหนึ่ง
จากเซ้นส์ของตัวเองฉันมั่นใจว่าได้รับการคัดเลือกแล้วอย่างแน่นอน เพราะตาประทับนี่แหละ...
ฉันถูกเเยกตัวไปนั่งที่อีกด้านนึงซึ่งมีคนจำนวนน้อยมากได้นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าผ่านการคัดเลือก...นับไปนับมาแล้ว ฉันเป็นเพียงคนที่ 5 จากคนที่เดินผ่านหน้าเกือบ 200 คน--
กะจะโม้เเบบขายขำ--โดนเลือกจริงสะงั้น เห้ย!!
"เจ้าทำเช่นนั้นได้จริงฤา? "
ฉันหยุดคิดกระทันหันเมื่อเสียงใสๆกระทบโสตประสาท เเม่ไลลิสสาวน้อยก็ผ่านการคัดเลือกกับเขาด้วยหรอนี่!
"ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน!! "สาวน้อยอีกคนเสริมท่าทางตื่นเต้น
"มันเป็นเยี่ยงไรรึ ยาวิเศษที่เจ้าว่าน่ะ??!! "
สาวน้อยสาวใหญ่รอบกายฉันรุมถาม จนฉันได้เเต่โบกมือเเล้วยิ้มแห้งๆ ตกกระไดพลอยโจนมายุคนี้ไม่พอ มายุคนี้ก็ยังต้องเป็นหมออยู่อีก...
ป๊อบปูลาร์ขึ้นมากระทันหันเลยแห้ะ--
"ข้าทำได้จริงๆ"ฉันยิ้มรับ แอบหลงตัวเองอยู่หน่อยๆ สาวๆมาชมเเบบนี้
"เช่นนี้ เจ้าจะได้ไปอยู่ห้องยา กับหมอหลวงฝึกหัดคนอื่นๆ เจ้าน่ะสบายเเล้ว ส่วยก็เยอะ"ไลลิสทำหน้าตื่นเต้นเเทนเธอ เพราะไม่มีหมอในแผ่นดินนี้มาก่อน หากมีสักคนละก็..พระราชินีคงตอบเเทนเธออย่างสมน้ำสมเนื้อ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีเเน่นอน
"เช่นนั้นหรือ"ส่วยหรอ...ฟังดูเท่ห์แหะ...ดูรวยดีด้วย
"เจ้าจะร่ำรวย องค์ราชินีเลี้ยงเจ้าเหมือนลูกเเน่ ข้ารับรอง"แม่สาวกระโปรงม่วงคนสวยท่าทีเป็นมิตรกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นดีใจ ในขณะที่คุณหมอคนสวยวนเวียนกับความคิดในหัวของตนเองอย่างประสาทเสีย ไม่คิดว่าจะได้รับการคัดเลือกแบบนี้
ฉันไม่ต้องเรียนด้วยซ้ำ เพราะทำเป็นหมดเเล้ว ยกเว้นเเต่จะมีอะไรเรียนรู้เพิ่มเติม...
เเต่ใครสนกัน ฉันจะตื่น! ฉันจะกลับบ้านต่างหากละโว้ย!
"ใช่เเต่ว่า.ที่นี่ไม่มีหมอหรอกนะ...มีเเต่หน่วยฉุกเฉินของพระราชวัง"ไลลิสแม่สาวน้อยกระโปรงม่วงเอ่ยออกมาเสียงตื่นเต้น ตรงหน้าของหล่อนคือว่าที่หมอหลวงคนแรกของวังต้องห้ามหรือนี่ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว โครนาต้องทนทุกข์มาหลายร้อยปีกับโรคระบาดต่างๆ เพราะขาดหมอหลวงที่มีทักษะเพียงพอ บางทีแม่คนห้าวตรงหน้าของหล่อน อาจจะเป็นความหวังเดียวของอนาจักรก็ได้..
"พวกเจ้าคุยเสียงดังมาก ลดเสียงลง"
เราสามคนโดนเคาะหัวดังโป๊กโดยนางกำนัลหลวงชราคนนั้นจนลดเสียงลงมาได้ นั่งรอจนกระทั่งได้เห็นคนที่เหลือที่ไม่ได้มานั่งกับพวกเราถูกคัดเเยกออกไป
ตัดภาพมาที่อีกฝั่งนึงของพระราชวัง หลังจากงานพิธีคัดเลือกสนมน้อยใหญ่ผ่านพ้นไป องค์ราชินีกำลังคุยกับพระสนมเอกซึ่งเป็นพระสหายคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"นางใช่โอ้อวด อีฟลิน นางรู้จริงอย่างนางว่า ข้ามั่นใจ" ควีนเอ่ยกับเพื่อนสนิทของตัวเองที่เเต่งตั้งให้เป็นสนมเอกคอยช่วยงานมานานเเสนนาน จนคนสวยข้างกายย่นคิ้ว
"พระองค์จะรู้ได้เยี่ยงไร"
เเม้จะในฐานะเพื่อนสนิท ก็ยังมีความรู้สึกที่ล้นและเกินเลยออกมาอยู่ดี เเต่พระองค์เองก็ยอมรับได้ในเรื่องนั้น ไม่อยากจะไปบังคับอะไรพระสหายของพระองค์มากไป
"เเววตามั่นใจเเละซื่อสัตย์ ที่สำคัญนางไม่ฝักใฝ่ อำนาจด้วย...เจ้าก็เห็นเวลานางเเนะนำตัว"เฟเลนเซียแมคควีนกล่าวออกมา พลางนึกถึงใบหน้าและแววตากล้าหาญของนางนั้น ช่างมีเสน่ห์อย่างประหลาด นางทำตัวเหมือนไม่ใช่คนในอนาจักรนี้ ผิดแผก...แตกต่างจนสาวงามนางอื่นอย่างมากจนน่าสนใจ
"ทุกคนล้วนดูดีในคราแรกที่พบเห็นทั้งนั้นแหละเพคะคะบาท"
พระสนมเอกเอ่ยเเย้ง แต่องค์ราชินีก็ทรงปัดมือ พร้อมกับพยักหน้าเหมือนรับฟัง แต่แบบนี้พระองค์ไม่ได้ฟังหรอกเธอรู้ดี
"อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็น่าจะรู้ว่าอาณาจักรของเรากำลังขาดแคลนหมอ หากนางเก่งจริงอย่างนางว่าจะว่าคนที่ได้รับผลประโยชน์จะไม่ใช่เรากับประชาชนหรอ? "องค์ราชินีเอ่ยถามเพื่อนสนิทคนสวย ที่ตนแต่งตั้งให้เป็นพระสนมเอกหนึ่งเดียวในพระราชวังแห่งนี้
"แต่ว่า---"เตรียมจะแย้งออกมาเสียงเล็ก แต่พอเห็นสายตาดุๆ พระสนมเอกก็ได้แต่เงียบรอฟัง
"หรือว่าเจ้าริษยาที่ข้าคัดเลือกนางมาล่ะ? "ราชินีเลิกคิ้วมอง
สนมเอกก้มลงไปเเทบจะติดเท้าของพระองค์ ก่อนที่จะส่ายหน้า "หม่อมฉันไม่เคยคิดเช่นนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันอยู่รับใช้พระองค์ในฐานะเพื่อนสนิทมาโดยตลอด"
แม้หัวใจจะรู้ดีว่าไม่ใช่.... แต่ทรงกล่าวออกมาถึงเพียงนั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรได้ ตนตกหลุมรักพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัย เพียงแรกสบตาตอนได้รับการคัดเลือก ตนก็ตกหลุมรักพระองค์ไปแล้ว..
"ก็ยังดีที่เจ้ายังระลึกตัวได้ เพราะในวันนั้นที่ข้าเลือกเจ้ามาเจ้าก็ได้รับตราประทับจากข้าโดยตรงเหมือนกับนาง เจ้าจึงอาจรู้สึกไม่พอใจ ข้าก็พอเข้าใจ..."เฟเลนเซีย แมคควีน กล่าวออกมาเสียงเรียบราวแฝงความเมตตา แต่ทว่าอีฟลินดูออก พระองค์ไม่ได้สนใจเสียด้วยซ้ำ ราชินีของอนาจักรโครนาเป็นคนเย็นชาราวน้ำแข็งในทะเลสาบอย่างไรอย่างนั้น.
"หม่อมฉันยอมรับว่ารู้สึกแบบนั้นในตอนแรกเพราะพระองค์ไม่เคยประทับตราให้ใครมาเกือบจะ 5 ปีแล้ว"
"ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนมีเหตุผล เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เจ้าจะยืนอยู่ข้างๆข้าแบบนี้ตลอดไป..."
แม้ไม่เคยได้เป็นที่หนึ่งสินะ......
พระสนมเอกหัวเราะกับตัวเองในใจ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์เเต่งตั้งเธอขึ้นมาเป็นพระสนมเอกเพื่อช่วยเหลือองค์ราชินี ยศที่ได้รับอวยมากที่สุดเต็มที่ก็แค่สนมเอก ซึ่งยังต่ำกว่ายศอีกมากมายหลายขั้น--
"พระองค์..."
"ว่า---? "
นั่นน่ะเหรอ....คำตอบกลับในแบบที่คนสนิทกว่าใครควรได้รับ...
หึ....ช่างน่าสมเพชจริงเชียว พระสนมเอกยิ้มเยาะกับตนเอง พลางเอ่ยถามสิ่งที่ตนอยากรู้ว่ามาตลอด
"พระองค์คิดจะแต่งตั้งใคร เป็นอัครมเหสีหรือไม่? "
เธอสะดุ้งไปเล็กน้อย...เมื่ออีกฝ่ายหันมามองด้วยแววตาอ่านยาก องค์ราชินียิ้มเล็กๆ พร้อมกับใช้สายตาเย็นชาคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอด้วยการมองเพียงแค่แวบเดียว....แต่เต็มไปด้วยล้านความหมาย...
"ทำไมรึ? "เสียงเย็นชานั้นเอ่ยขึ้น"เจ้าอยากให้ข้าแต่งตั้งเจ้าอย่างนั้นน่ะหรอ"
"หม่อมฉันมิบังอาจหรอกเพคะ!"พระสนมเอกตกอกตกใจอย่างมาก ที่องค์ราชินีมองด้วยสายตาเเบบนั้น.... เธอรีบกุมมือพระองค์มาทาบไว้เหนือหัว หอบหายใจจนหน้าอกสั่นกระเพื่อม
"สายตาเจ้ามันฟ้อง หากเจ้าอยากได้รับยศถึงเพียงนั้น เจ้าขึ้นมาเป็นจักรพรรดินีแทนข้าเลยก็ได้ หากเจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาและความสามารถมากพอที่จะทำให้เมืองของข้าเจริญกว่าที่คาดเป็นอยู่..."
หลังจากบริภาษรุนแรงถึงแม้จะใช้คำสุภาพนั้น องค์ราชินีก็เดินหันหลังไปแบบไม่ย้อนกลับมา หยาดน้ำตาใสๆไหลออกมาจากหางตาคู่งามที่จ้องมองแผ่นหลังสูงสง่าของพระองค์เดินผ่านห้องโถงไป กี่ปีแล้วกันนะที่เธออยู่รับใช้ราชินีมาแบบนี้ แต่ไม่เคยได้รับการอวยยศหรือได้รับการแสดงความรักที่มากกว่าคนอื่น...
ช่างน่าขัน เธอเหมือนอยู่บนหิ้งทอง มองดูคนด้านล่างได้รับความสุข..
จีน่า พระสนมลำดับที่ 3 พระองค์ยังไปหาบ่อยยิ่งกว่าเธออีก...
ไหนจะนาเดียร่า เป็นเพียงแค่นางกำนัลลำดับที่ 5 พระองค์ก็ยังแวะไปหาบ่อยมากกว่าเธอที่มาหาเพียงเดือนละ 4 ครั้ง แตกต่างจากตนที่ต้องนอนเฝ้าห้องรอ ไม่ต่างอันใดกับนกน้อยบนหิ้งบูชาอย่างโดดเดี่ยว เป็นไข่มุกเดียวในพระราชวัง ที่พระองค์ไม่เคยเหลียวแล..
อาจเพราะในฐานะสหาย ไม่ใช่คนรักสินะ...
