EP.2 งุนงง
ปึง!!
มัวแต่นั่งเพลินไม่ได้ดูด้านนอกรอบตัว พริบตาเดียวก็มาถึงพระราชวังยิ่งใหญ่โอ่อ่านั้นเเล้ว...ฉันได้แต่ซู้ดปาก อู้หูแล้วอู้หูอีก ยิ่งใหญ่อลังการกว่าในนิยายที่เคยอ่านตั้งหลายสิบเท่าเลยมั้ง เหมือนเป็นอาณาจักรที่อยู่ในอาณาจักรอีกทีนึงเลย ด้านในมีนางกำนัลหลวงทำงานราวกับกับมด เดินเพ่นพ่านกันไปหมด ต่างคนต่างแบ่งแยกแผนกและบทบาทการทำงานเอาไว้ด้วยสีของชุด อาทิเช่น ฝ่ายห้องยา จะใส่ชุดสีน้ำเงิน ฝ่ายซักล้าง ชุดสีเหลือง และฝ่ายองครักษ์ จะใส่ชุดทะมัดทะแมงสีออกเงินและดำ
(ประกาศ..ผู้เข้าคัดเลือก นางกำนัลหลวง โปรดรายงานตัวที่ห้อง)
"ลงไปได้แล้ว นั่งหน้าโง่อยู่ได้ นังคนชั้นต่ำ"
คำก็เเซะ สองคำก็เเซะ ปากคนสมัยก่อนนี่ก็พอตัวใช้ได้เลยนะ
"ยังกับมึงสูงตายแหละ มหาดเล็กอะไรเตี้ยยังกับลูกหมา พระราชินีมีรสนิยมคัดเลือกคนแบบนี้เข้ามาทำงานหรือไง"ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบาๆไม่ให้ใครได้ยิน แอบคิดอยู่เหมือนกันนะว่าคนที่เข้ามาดูแลเธอและว่าที่นางกำนัลหลวง ล้วน มีส่วนสูงไม่มากทั้งนั้น หรือว่าจะเป็นไปตามตำนานกันนะ...ราชินีเองก็ดูเหมือนพระองค์จะมีรูปร่างเตี้ยแคระ--
"มีร่า ไคซีร่า"
"เจ้าค่ะ"ฉันดึงกระโปรงให้บานออก พร้อมกับย่อตัวเป็นการสวัสดีทักทายในแบบที่คนที่นี่เขาทำกัน(แอบดูจากผู้หญิงคนที่เข้าไปก่อน)
หญิงสาวร่างอวบซึ่งน่าจะเป็นความนิยมในสมัยนี้ เอาป้ายลำดับเลขที่ 42 มาแปะที่หน้าอกของฉัน ก่อนจะเอามือดันหลังให้ฉันเดินเข้าไปได้
"บังเอิญดีแฮะ..ราชินีครองราชย์ 42 ปี..ส่วนเราได้ลำดับที่ 42 พอดี..สมพงษ์จริงๆ "ฉันเบ้ปาก
ด้านในมีเก้าอี้จำนวนมากที่ถูกเตรียมเอาไว้เพื่อต้อนรับว่าที่นางกำนัลผู้เข้าร่วมการคัดเลือก จากที่ฉันแอบดูในรายชื่อคราวนี้เหมือนจะ 4-5 พันคนได้เลยมั้ง...
ดูท่าการตื่นจะไม่ง่ายเสียเเล้ว....
ทุกอย่างที่แตกต่างไปจากนิยายประวัติศาสตร์ที่ฉันเคยอ่านก่อนนอนอย่างสิ้นเชิง....
ในนี้ไม่ได้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนยุคเก่าเเต่อย่างใด กลับดูศิวิไลซ์ เเละมีการศึกษามากกว่ามาก...ผู้คนเกือบ 80% ได้รับการศึกษา อ่านออกเขียนได้ แม้กระทั่งฉันในบริบทตอนนี้เป็นแค่สาวชาวนาเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะก็ยังสามารถอ่านออกเขียนได้...
ภาษาเป็นตัวสะท้อนความเจริญของประวัติศาสตร์ในยุคสมัยอยู่แล้ว ถ้าหากเมืองใดแคว้นใดประชาชนสามารถอ่านออกเขียนได้ในสมัยก่อนนั้นถือว่าเจริญมาก...
ถ้าพูดแบบนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายเหมือนในนิยายสักหน่อย---
ในตำนานที่เล่าขานกันมา เฟเลนเซีย เเม็คควีน ค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายเอาเรื่อง รีดไถประชาชน เก็บภาษีอย่างโหดร้ายเพื่อมาบำรุงบำเรอสนมตัวเอง
"เจ้ามองอะไร ไม่เคยเห็นหรือไง"ไลลิสที่เจอกับฉันตอนเข้าวังมาด้วยกันคราแรกเอ่ยถาม เเต่ฉันไม่ใช่ประเภทที่จะชอบคุยกับใครเท่าไหร่นัก
"ข้าว่า...มันสวยดี..."สวยจริงๆแหละ ทั้งการแกะสลักต้นเสา เเละปฏิมากรรมต่างๆบนฝาผนังท้องพระโรง เน้นสีฟ้าเเละสีครามเป็นหลัก ดูสบายตาเเละหรูหรามาก
ฉันมองออกไปรอบๆ...พยายามจับความรู้สึกและกลิ่นไอ ว่าฉันสามารถเก็บรายละเอียดได้มากน้อยแค่ไหน...
ปกติแล้วถ้าเราอยู่ในความฝัน หลับสนิทในห้วงนิทรา เราจะไม่มีทางจำรายละเอียดอะไรได้ เช่นถ้าเราฝันว่าเราถือดอกไม้อยู่ เราจะจำได้ว่าสีดอกไม้คือสีอะไร หรือไม่ก็จำได้ว่า มันคือดอกอะไร เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น...
"ฝ่าบาทเสด็จ---"ฉันสะดุ้งตกใจ ละสายตามามองหาคนที่อยากจะเห็นหน้าสักครั้งก่อนตื่นมาในวันพรุ่งนี้...
เฟเลนเซีย เเม็คควีน เดอลันนา--
"ถวายบังคมเพคะ"ฉันรีบลุกจากเก้าอี้มาทำความเคารพตามคนอื่น เป็นไปตามคาด องค์ราชินีคุมหน้าคลุมตาจนมืดสนิท ยืนอยู่ท่ามกลางนางกำนัลรับใช้ที่เเต่งตัวให้พระองค์ด้านหลัง พระองค์แต่งตัวมาเต็มยศ แต่ทว่าไม่ได้ใส่กระโปรงสุ่มไก่อย่างที่เขานิยมกัน พระองค์สวมเหมือนกึ่งเกาะอกเย็บติดกับกางเกง แนวเดียวกับชุดจั๊มสูท ใส่เสื้อคลุมยาวลากพื้นอลังการ เหมือนเน้นความสะดวกในการว่าราชการ ดูทะมัดทะเเมงกว่าที่คิดเอาไว้เยอะอยู่.....
เเต่ทำไมหล่อนมาคัดเลือกสนมกันละ หล่อนมีรสนิยมชอบผู้หญิงหรือยังไง???
"พวกเจ้านั่งลงได้"
นั่นไม่ใช่เสียงของราชินี เเต่เป็นเสียงของพระสนมเอกที่เอ่ยออกมากังวาลไปทั่วห้องขัดกับร่างเล็กๆของเธอนั้น…
พระสนมเอกอยู่ในชุดราตรีสีขาวบานระย้า ฟูฟ่องเหมือนขนมถ้วยฟูน้อยๆเดินได้ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก เส้นผมสีบลอนด์สว่าง ผิวกายขาวราวกับไข่มุก งามสมยศถาบรรดาศักดิ์ของพระสนมเอกเพียงคนเดียวในพระราชวังต้อมห้ามแห่งนี้ ไม่ผิดจากคำเยินยอในนิยายปรัมปราที่ตนอ่านมาแต่อย่างใด...
"ขอพระทัยเพคะพระสนม"ทุกคนย่อตัวพร้อมกันรวมถึงฉันด้วย ทุกคนค่อยๆก้มหน้าลงติดกับพื้น ตามธรรมเนียมว่าห้ามมีผู้ใดมองใบหน้าขององค์ราชินี
คุณหมอพยายามมองคนที่ก้าวขึ้นมานั่งบนราชบังลังก์อย่างตกใจ หล่อนสูงเกือบ175ไม่ซิ เกือบ180ได้เลยมั้งนั้น มีผู้หญิงที่สูงขนาดนั้นในยุคสมัยโครนาด้วยหรือยังไงกัน--
พระองค์อยู่ในชุดราตรียาวเเบบกางเกงสีขาว ชายเสื้อคลุมยาวถึงบันได้ล่างสุดขั้นที่13ก่อนก้าวขึ้นไปนั่งบนพระราชบัลลังก์เลยทีเดียว การปักเย็บเเละเครื่องประดับเต็มข้อมือข้อเท้า..ผมรวบเรียบๆเเละนิ้วที่ใส่เเหวนเพชรรูปผีเสื้อระย้านั้น ดูเรียวยาวราวไม่ใช่มือคน...
"...."
เหมือนเขาจะรู้ว่าเรามองเขา ปกติทุกคนตอนนี้จะก้มหน้า ฉันรีบก้มหน้าตาม กลัวจะถูกมองเห็นเสียก่อน ทำไมความฝันนี้ทั้งเจ็บจริงเหมือนจริง มีรายละเอียดที่ชัดเจนจริงเสียจนน่ากลัวเเบบนี้นะ...ฉันจำทุกรายละเอียดได้ทั้งหมด ทั้งที่ในฝันทั่วไปทุกอย่างจะเลือนลาง เเละจะชัดเจนเพียงเเค่บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ฝัน หมกมุ่นหรือคิดมากกับมันก่อนนอนหลับ...
มันไม่ใช่ฝันเเน่ๆ...เจ็บจริง..ตายจริง...เเละอาจตายในชีวิตจริงเลย...
(พวกเจ้ามีเวลาเพียง2นาทีต่อคนเพื่อที่จะเเนะนำตัวเองให้ฝ่าบาทจดจำพวกเจ้าได้...โดยข้าจะเรียกจากรายชื่อที่พวกเจ้า ตามลำดับเลขที่แปะอยู่เหนือทรวงอก)
"รับทราบเจ้าค่ะ"ทุกคนขานรับพร้อมกันทั้งที่ยังก้มหน้า มีแต่ฉันนี่แหละที่พยายามเหล่มองให้ได้ ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง ก็แม่คุณเล่นปิดหน้าขนาดนั้นเลยนี่ จะไปเห็นได้ยังไงละวะ...
(หากผู้ใดได้รับการคัดเลือก พวกเจ้าจะไม่มีสิทธิ์ออกไปใช้ชีวิตนอกวังได้อีก เเม้เเต่ศพของพวกเจ้า ก็ต้องทำพิธีในนี้)
คนที่เข้ามาคัดเลือกเป็นนางกำนัล เริ่มหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล....
เกิดในวัง...ก็ต้องตายในวังด้วยสินะ--
หญิงสาวมากมายที่เดินผ่านสายตาขององค์ราชินีล้วนเเบบเดียวกัน ต่างคนต่างลุกขึ้นไปย่อขาถวายความเคารพตามคิวที่ได้รับมา พยายามแนะนำตัวน่าสนใจ เเละฉันพึ่งได้รู้ว่าบางคนซักซ้อมมาเป็นเวลานาน บางคนมีพ่อแม่เขียนสคริปต์ให้เพื่อให้ได้รับการคัดเลือกเเละต้องตาต้องใจองค์ราชินีให้ได้....ราวกับว่าการได้รับคัดเลือก จะเป็นเกียรติยศสูงที่สุดของผู้หญิงในสมัยนั้นเลย---
ฉันนั่งรอจนคนก่อนหน้าฉันเดินออกไป ทุกคนทำสีหน้าผิดหวังกลับมาเพราะไม่เเน่ใจว่าถูกคัดเลือกหรือไม่...จนกระทั่งมาถึงฉันเอง
"มีร่า ไคซีร่า ก้าวมาข้างหน้า! "
"เพคะกระหม่อม---"
ฉันก้าวไปด้านหน้า ห่างจากราชินีเพียง4ก้าว ก่อนจะดึงกระโปรงถวายความเคารพพระองค์ โดยกดหน้ามองพื้นไม่มองพระองค์เเม้เเต่น้อย จนพอฉันยืนขึ้น ฉันก็พบว่าพวกเขาไม่ถามสัมภาษณ์อะไรเเม้เเต่อย่างเดียว เหมือนยืนรอให้เราพูด...เเล้วเราจะต้องพูดยังไงวะ...
"หม่อมฉันมีนามว่า มีร่า ไคซีร่า ลูกสาวคนเลี้ยงแกะเพคะ"
ฉันเเนะนำตัวสั้นไปก่อนที่จะก้มหัวโค้งทูลลาพระองค์ อย่าว่าเเต่สองนาที ถึงสิบวิรึเปล่ายังไม่รู้เลยให้ตายสิ ตื่นเต้นมัวเเต่จะจ้องราชินี ลืมคิดหมด---
"เจ้า...."
เสียงใครวะ
ฉันเอียงหู เอ้ะ พระสนมไม่ได้ขยับปากนี่หว่า ร...หรือว่า...
ราชินี!!
"ราชินีเรียกเเล้ว! ยังไม่เคารพอีก!!! "นางกำนัลหลวง อายุราว 50 กว่าปีเอ่ยเสียงเขียว เมื่อแม่สาวกระโดกกระเดกจากทุ่งนาไม่ยอมย่อขาถวายความเคารพ
"พ...เพคะ หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ"ฉันดึงกระโปรงสุ่มไก่ตัวเองออกด้านข้างราวนกยูงรำแพน เเล้วก้มหน้าต่ำติดเท้าองค์ราชินีอีกรอบ
เราเเนะนำตัวสั้นไปรึไงนะ---โดนเรียกเองเลย
องค์ราชินีมองสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา หล่อนเเนะนำตัวเพียงสั้นๆ เเถมดูไม่สนใจฝักใฝ่จะเข้ามามีบทบาทในวัง....เเปลกจากคนอื่น..
"มีร่า ข้าเรียกเจ้าถูกหรือไม่"
ส..เสียง...เสียงทุ้มมาก กังวานยังกับระฆังเลย...
นี่น่ะหรอที่มาของสุรเสียงทรงอำนาจในนิยายปรัมปราน่ะ...
"เพคะ"ฉันขาน ในใจก็นึกเเต่ว่า ฉันทำอะไรผิด เเละจะไปได้รึยังเนี่ย เมื่อยนะท่านี้อะ!
"เจ้าเเนะนำตัวเพียงเท่านั้นหรือ? "เเม้จะคลุมหน้า เเต่เเอบเห็นได้เลยว่าคิ้วพระองค์เลิกขึ้นสูงราวกับสงสัย พระราชินีผู้มีเรียวขาสวยงามก้มหน้าลงมองสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา นิ้วเรียวที่สวมปลอกนิ้วสีทองเคาะบัลลังก์อย่างคิดเเล้วคิดอีก...
"ข้าถูกชะตากับเจ้า"
"...."คุณหมอถึงกับใบ้รับประทาน เกือบเงยหน้ามององค์ราชินีแบบเต็มตา
"เจ้าอายุเท่าใดรึ"ทรงเอ่ยถามเสียงทุ้ม
อย่าว่าแต่ตัวคุณหมอเอง แม้กระทั่งพระสนมเอกถึงกับหันหน้ามามองงงๆเมื่อองค์ราชินีทรงตรัสเช่นนั้น...ข้าราชบริพารเเละองครักษ์คนสนิทต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กไปหมดทั้งวังหลวง...
"สิบเก้าปีเพคะ"
"เจ้าทำอะไรได้บ้างรึ? "ทรงเอ่ยถามไม่หยุดไม่หย่อน หล่อนราวถูกบังคับมาเป็นนางกำนัลทั้งที่คนอื่นเต็มใจมา เเถมจะเตรียมซ้อมบทพูดเเนะนำตัวเป็นเดือนเพื่อให้พระองค์เลือกเสียด้วยซ้ำ...
คนที่ไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ...หายากยิ่งกว่าอะไร นั่นคือเหตุผลที่พระองค์จ้องหล่อน..
"หม่อมฉันรู้เรื่องยา เเละสมุนไพรเพคะ "ฉันรู้จริงเเละความรู้เหล่านั้นยังติดตัวมา ไม่ได้ความจำเสื่อมไปตามบริบทในความฝัน เเน่นอนมันทำให้ทุกคนฮือฮาไปหมด
"นางรู้เรื่องยารึ?"สาวน้อยหลายคนกระซิบกันเเม้เเต่อำมาตย์ก็ด้วย
"นางเนี่ยนะ คนเลี้ยงแกะเนี่ยนะ?"
"นางรู้ได้อย่างไร"
ฯลฯ
"หากข้าปวดตัว เจ้าจะใช้อะไรรักษาข้ารึ"ทรงทดสอบสาวตรงหน้า
"ข้าจะใช้พาราเซตามอล เอ้ย! ยาวิเศษ พร้อมทำชาให้พระองค์ดื่ม ฤทธิ์ยาจะทำให้ร่างกายเเละกล้ามเนื้ออบอุ่น ต่อมาหม่อมฉันบำบัดพระองค์ด้วยครีม เอ้ย--สีผึ้งที่มีฤทธิ์เย็นเพคะ"
ฉันไม่รู้ว่าฉันอธิบายไปถูกหรือเปล่า...สิ่งที่ฉันเรียนมาและมันติดตัวฉันมาก่อนที่จะทะลุมาที่นี่ มันไม่มีความรู้ทางการแพทย์ที่สอดคล้องกับสมัยนี้เลย... จึงต้องอาศัยย่อรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ ภายใต้คำว่ายาวิเศษ
สมัยนี้ไม่มียาพาราเซตามอล ไม่มีแม้กระทั่งเข็มฉีดยาด้วยซ้ำ แพทย์และพยาบาลก็คงไม่มีเลยมั้ง ไม่อย่างนั้นพวกเสนาอำมาตย์ นางกำนัลน้อยใหญ่จะทำหน้างงขนาดนั้นหรอ?
ทุกคนทำเสียงฮือฮา ตกใจกับความรู้เเม่สาวบ้านนอก
"เเล้วหากข้าเลือดไหล โดนยิงที่เเขนละ? "ทรงเอ่ยถาม น้ำเสียงตื่นเต้นขึ้นจากเดิมมาก
"หม่อมฉันจะเอาผ้ารัดแขนพระองค์ด้านบนเหนือเเผลไว้เพคะไม่ให้เลือดไหลออกมามากกว่าเดิม เเล้วใช้ยาวิเศษสกัดให้พระองค์ดม กรีดเอาหัวธนูออกเพคะ แล้วพระองค์จะไม่รู้สึกเลยเวลาหม่อมฉันกรีดเอาหัวธนูออก ยาวิเศษจะทำให้ไม่เจ็บเพคะ..."ฉันบรรจงปั้นคำพูด ให้ตัวเองดูมีความรู้ ทั้งที่ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าไอ้ของที่โม้ไปข้างบนจะไปหาได้จากไหนในยุคนี้---
ทุกคนตาโตในความรู้ที่มาจากโลกปัจจุบันของฉัน หวังเอาไว้แค่ว่า..ในยุคโบราณแบบนี้จะหาพวกอีเธอร์ได้ไม่ยาก พอดมไม่นานก็จะสลบ ผ่าตัดได้ เป็นยาลดความเจ็บปวดในสมัยโบราณทีเดียว...
"ยาวิเศษ? "ทรงเอ่ยทวนถามอีกรอบ คิ้วเลิกขึ้นใต้ผ้าลูกไม้อย่างฉงน...
"ยาที่ทำให้ไม่เจ็บปวดตอนทำเเผลเพคะกระหม่อม หม่อมฉันทำได้ เเละ ทำได้ดีด้วย"
โม้มาแล้วต้องไปให้สุด--เราจะได้โชว์เหนือว่าเราเจ๋งแค่ไหน ถึงแม้จะมาติดแหงกอยู่ในยุคโบราณแบบนี้ แต่ขอบอกเลยว่า ดีกรีนักเรียนแพทย์ได้ทุนหลวงแล้วละก็ จะไม่ยอมให้ใครมาลบเหลี่ยมหรอกเว้ย--
คุณหมอลุกขึ้นยืนอย่างมั่นใจ มองออกไปรับรอบๆ ราวจะโชว์เสนาอำมาตย์ว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหน ยืดอกเบ่งรับเสียงฮือฮาที่ดังลั่นไปทั่วพระราชวัง มั่นใจเหลือเกินว่าห้าวๆแบบตน ไม่มีทางผ่านการคัดเลือกแน่นอน และตนจะขอหาทางกลับบ้าน หาวิธีตื่นจากความฝันกันต่อไป แต่ทว่า...
ปึ้บ...
อ..เอ๊ะ
คุณหมอโดนอะไรสักอย่างโขกเข้าที่หน้าผากจนหน้าหงายจนหลังเอน เพิ่งได้สติตอนมือเรียวยาวสวมแหวนรูปผีเสื้อนั้น เอาตราประทับมาโขกโป้กทับรอยเดิมไปที่หน้าผาก...
ตุบ!
ฉันงงเลยเอามือตบพัวะไปที่หน้าผากตัวเองอย่างแรง ตราประทับรูปผีเสื้อเเปะหมับเข้าให้ที่หน้าผากเเถมหลุดติดมือมาด้วย ด้วยความงุนงงฉันเอามือจับๆทาบๆน้ำหมึกบนหน้าปากมาดู...
ชาดสีแดง...
