บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

“พี่เขาเข้าลิฟต์ไปแล้ว ไม่ได้ยินหรอกนา”

“แต่คนอื่นได้ยิน”

“คนอื่นก็ไม่มี” โมนาเอ่ยตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้มองรอบๆ ตัว ซึ่งเธอมั่นใจว่าไม่มีใครจริงๆ หรือต่อให้มีก็คงไม่มีใครมาสนใจ

“ยุง มด เยอะแยะ”

“โอ๊ย มันพูดไม่ได้ ว่าแต่เธอตาถึงนะเนี่ย” ใบหน้าของโมนานั้นยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะเมื่อได้เห็นหน้ามิณทร์ชัดๆ แบบนี้เธอก็อดชมเขาไม่ได้ว่าคนอะไรเกิดมาพร้อมความหล่อแบบไม่แบ่งให้คนอื่น ตัวก็สูงรูปร่างก็ดี ผู้ชายแบบนี้ไม่น่าโสด

“ตาถึงเรื่องอะไร” ดารัณเฉไฉแกล้งถาม แม้จะรู้ว่ามิณทร์นั้นหล่อแต่เธอเจ็บเพราะเขามาเยอะเลยมองข้ามความหล่อเหลือเพียงความใจร้ายที่เขามีให้เท่านั้น

“ก็เรื่องพี่มิณทร์ไง คนสวยก็ต้องชอบคนหล่ออะเนอะ” ถ้าดารัณไม่สวยคงไม่ได้เป็นถึงดาวคณะ โมนายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เพื่อนสนิทที่ขนาดใส่แมสยังมองออกว่าสวย ส่วยคนตาถั่วมองว่าเพื่อนเธอยังขี้เหร่ต่อให้หล่อแค่ไหนก็คงต้องปล่อยเข้าป่าไปน่าจะดีกว่า

“เมื่อก่อนเราขี้เหร่จะตายไป ขี้เหร่และไม่เจียมตัวถึงถูกเกลียด”

“แต่ตอนนี้สวยเลือกได้ ใครจะเกลียดก็ช่างเขาสิ แต่มีเราคนหนึ่งที่รักเธอ” โมนาเอ่ยชมนั่นทำให้ใบหน้าของดารัณแดงก่ำขึ้นมา ยังดีหน่อยที่มีแมสช่วยปิดไว้ “แล้วนี่พี่มิณทร์ได้เห็นหน้าม่อนหรือยัง”

“เห็นแล้ว”

“ตะลึงเลยไหม”

“ไม่รู้ไม่ทันได้สังเกต พอเจอหน้าพี่เขาจริงๆ จังๆ มันก็ทำเอาเราประหม่ามากเหมือนกันนะ นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราจะย้อนไปตอนนั้น จะไม่หลุดปากพูดไปเด็ดขาดว่าโตขึ้น…”

“โตขึ้นม่อนจะเอาพี่เป็นผัว” ยังไม่ทันทีดารัณจะเอ่ยประโยคนั้นจบ โมนาที่รู้เรื่องนี้แล้วก็ชิงพูดแทรกขึ้นเสียก่อน เพราะทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง กินนอนพักเรียนห้องเดียวกัน เรียกได้ว่าสนิมกันมากจนรู้เรื่องทุกอย่างของกันและกันเป็นอย่างดี

แม้ปากของดารัณจะบอกโมนาหรือใครๆ เสมอว่าไม่ได้คิดอะไรกับมิณทร์อีกแล้ว โมนามั่นใจว่าเพื่อนรักคนนี้ไม่มีวันลืมรักแรกได้อย่างแน่นอน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รับรักยื้อไปก็ไม่มีวันสมหวังทางออกเดียวของดารัณก็คือหยุดแล้วมีชีวิตเป็นของตัวเอง

“ฮือ…ตราบาปในชีวิตมากบอกเลย”

“ตราบาปเลยเหรอ” คนข้างๆ ถามย้ำ

“อือ…ถ้าไม่ใช่ตราบาปแล้วจะเป็นอะไรได้ ผ่านมากี่ปีเราก็ยังสลัดเหตุการณ์ในวันนั้นออกไปจากหัวไม่ได้เลย ส่วนอีกคนก็จงเกลียดจงชังเราตั้งแต่วันนั้น”

“แต่เท่าที่เห็นเมื่อกี้พี่มิณทร์ก็ไม่ได้แสดงท่าทางจงเกลียดจงชังม่อนแล้วนี่ อย่างว่าเพื่อนเราโตมาแล้วสวยพริ้งเป็นถึงดาวคณะเชียวนะ ไม่ได้เป็นลูกเป็ดขี้เหร่อีกแล้ว”

“อย่าเลย อยู่ห่างๆ เราดีกว่า ใกล้ๆ มากๆ แล้วอึดอัดยังไงไม่รู้”

“อือ…งั้นวันนี้ทำใจให้สบายแล้วเราไปตะลุยกรุงเทพฯ กันเถอะ” โมนาหยุดพูดถึงเรื่องที่ทำให้ดารัณไม่สบายใจ จากนั้นก็จูงมือกันไปที่สถานีรถไฟฟ้าโดยมีสายตาของมิณทร์มองมาจากไกลๆ

ดารัณและโมนาหายกันไปเกือบทั้งวัน เวลาสองชั่วโมงแรกหมดไปกับการขึ้นลงรถไฟฟ้าโดยโมนาคอยแนะนำดารัณให้รู้จักการใช้งาน ที่แรกที่เธอไปคือบริษัทเรียกได้ว่าไปเพื่อสร้างความคุ้นเคย จากนั้นทั้งคู่ก็ไปหาอะไรอร่อยๆ กินที่ห้างสรรพสินค้าเมื่ออิ่มก็เดินเลือกซื้อข้าวของและชุดสำหรับให้ดารัณใส่ไปทำงาน

โมนาจับดารัณใส่ชุดนั้นชุดนี้อย่างสนุกสนาน เพราะอีกฝ่ายหุ่นดีผิวดีใส่ชุดอะไรก็ดูสวยดูเหมาะไปเสียหมด ก่อนที่ดารัณจะรีเควสขอชุดทำงานแบบทะมัดมะแมงไปไหนมาไหนเน้นความคล่องตัว เพราะเธอไม่ค่อยชอบใส่กระโปรงสักเท่าไหร่นั่นเอง รองเท้าก็ขอแบบไม่มีส้น ซึ่งโมนาก็จัดให้ทุกอย่าง

จากนั้นโมนาก็พาดารัณไปเปลี่ยนทรงผมจากยาวๆ เลยกลางหลังก็หั่นออกไปบ้างรวมถึงเปลี่ยนสีผมเพิ่มความสดใสรับงานใหม่ ส่วนเรื่องแต่งหน้านั้นไม่ต้องห่วงเพราะทั้งสองแต่งกันเป็นอยู่แล้วแม้ฝีมือจะไม่ใช่ระดับบิวตี้บล็อกเกอร์แต่ก็รับรองว่าไม่บ้งแน่นอน

มื้อเย็นวันนั้นทั้งสองก็เลือกซื้อของอร่อยๆ กันจนเต็มสองมือก่อนจะกลับมานั่งกินที่ห้องของดารัณ โมนามองไปมองมารอบๆ ห้องของเพื่อน ซึ่งขนาดของมันก็พอดีกับการอยู่คนเดียว เห็นแล้วก็อยากได้บ้างกลับไปขอพ่อกับแม่ซื้อให้เธอสักห้องจะดีไหมนะ เมื่อเห็นว่าดึกแล้วโมนาก็ขอตัวกลับโดยดารัณลงไปส่งที่หน้าคอนโดมิเนียม ทว่าจังหวะที่กำลังจะหมุนตัวกลับจู่ๆ ก็เจอเข้ากับมิณทร์

“ดึกแล้วไปไหนมา” เสียงทุ้มเอ่ยถามคล้ายจับผิด ทั้งๆ ที่เขาไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของดารัณด้วยซ้ำ ส่วนคนถูกถามก็ชักจะคิ้วกระตุก แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์

“ม่อนลงมาส่งโมนาค่ะ”

“อ้อ”

“ขอตัวก่อนนะคะ”

“ไปสิ”

“ค่ะ” ดารัณเอ่ยรับก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่ลิฟต์โดยไม่ถามด้วยซ้ำว่ามิณทร์ลงมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้ ซึ่งมิณทร์ลงมาเอาของที่สั่งไว้

ดารัณเดินไปยืนรอที่หน้าลิฟต์ครู่หนึ่งประตูลิฟต์ตัวตรงหน้าก็เปิดออกเธอจึงก้าวเข้าไปโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีผู้ชายอีกคนก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเขาน่าจะเมามากเพราะดารัณได้กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวชายคนนั้น

เธอรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัย จึงจะเดินออกจากลิฟต์เพื่อรอขึ้นตัวใหม่แม้จะใช้คีย์การ์ดแตะชั้นที่พักไปแล้วก็ตามทว่ากลับถูกชายคนดังกล่าวยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ ดารัณกลัวจนก้าวขาไม่ออกได้แต่ต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ แต่ทุกอย่างเหมือนจะเลวร้ายลงเมื่อชายคนนั้นยื่นมือไปกดปุ่มปิดลิฟต์ ทว่าจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลงก็มีใครคนหนึ่งแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วซึ่งเขาก็คือมิณทร์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel