บท
ตั้งค่า

Episode-03 เจ้าของชีวิต

เป็นการมาสอบที่เหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้คนเดียว จะปริปากพูดกับใครก็ไม่ได้แม้แต่เพื่อนสนิทของฉันเอง

“เขียนฟ้าแกเป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้ซึมไปนะไม่ค่อยพูดเลย” แซนเอ่ยถามขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“เปล่า ฉันคงนอนน้อยไปมั้งเลยมึนนิดหน่อย”

“เหลือสอบวิชาสุดท้ายแล้วพวกเราก็จะแยกย้ายกันไปเติบโตละนะ ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย”

“นั่นสินะ... ถ้าเราเติบโตไปด้วยกันได้ก็คงจะดี”

สิ่งที่ฉันไขว่คว้าเอาไว้ได้ในตอนนี้มีเพียงวุฒิการศึกษามอปลายเท่านั้นเอง จากที่เคยวาดฝันเอาไว้ว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตสดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อมเอามาก ๆ เลยค่ะ

“นี่... ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“...”

“คือถ้าแกไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะเขียนฟ้า”

“ว่ามาสิ”

“ฉันเห็นหน้าบ้านแกติดป้ายประกาศขายน่ะ มันจริงหรือเปล่าที่เขาพูดกันว่าครอบครัวแกล้มละลาย”

“อืม ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรเลย” ฉันตอบไปตามความจริงไม่รู้จะปิดบังไปเพื่ออะไร

“แล้วแกกับพ่อย้ายไปอยู่ที่ไหนกัน ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วแกเดือดร้อนขนาดนี้ทำไมถึงไม่บอกฉันบ้างเลย นี่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่าเขียนฟ้า ถ้าฉันไม่รู้เองแกจะบอกฉันไหม” แซนโวยวายใส่ฉันยกใหญ่ เราสนิทกันมากค่ะ เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล เรียกว่าเพื่อนรักเพื่อนตายยังได้เลย

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง แต่ฉันยังโอเค” แซนมักหยิบยื่นมือมาช่วยฉันเสมอ แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ ใครก็ช่วยฉันไม่ได้หรอก

“แล้วตอนนี้แกพักอยู่ที่ไหน”

“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน” ฉันตอบออกไปอย่างจนปัญญา ไม่รู้จะเริ่มยังไง

“ใจเย็น ๆ ขอโทษที่ตะคอกใส่ฉันแค่เป็นห่วงแกเท่านั้นเอง” แซนยังคงพยายามปลอบใจฉันแต่มันก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี

หลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จมันก็ลากฉันมายังมุมตึก มันคือที่ประจำที่พวกเราชอบมานั่งพักกันนั่นเอง

“เล่ามาเลยทั้งหมด ห้ามโกหกนะ” พลางชี้หน้าฉันอย่างคาดโทษ

“พ่อฉันเอาบ้านไปจำนอง เอาทรัพย์สินมากมายของแม่ไปขายจนหมด ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว”

“พ่อแกทำธุรกิจอะไรหรือเปล่า บางทีอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเขาเลยจำเป็นต้องใช้เงินเยอะก็ได้”

แซนพูดไปตามความคิด ฉันเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอเขาพาฉันมาส่งที่บ้านพี่เลย์ความคิดพวกนั้นมันหายไปจนหมด หนำซ้ำยังทำให้ฉันมองพ่อในแง่ลบอีกด้วย

“ฮึก... ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรเลยแซน แถมยังต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้” ฉันพูดทุกอย่างที่อัดอั้นในใจให้เพื่อนสนิทฟัง ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยมีคนรับฟังก็ยังดี

“มาอยู่กับฉันก็ได้นะ ว่าแต่แล้วพ่อแกล่ะ”

ถึงกับจุกในอกเมื่อได้ยินคำถามนี้ พี่เลย์ย้ำกับฉันว่าพ่อไม่มีทางมารับฉันกลับไปอย่างแน่นอนซึ่งฉันเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมันคือความจริง พ่อไม่ใช่คนที่รักและหวังดีกับฉันอีกต่อไปแล้ว

“เขียนฟ้าแกได้ยินที่ฉันพูดไหม”

“ได้ยิน ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ฉันอยู่ได้”

“แกจะบ้าเหรอเขาเป็นเจ้าหนี้เชียวนะ อีกอย่างเอาอะไรไปไว้ใจไม่ทราบ แกมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ส่งแกไปขายเหมือนในนิยาย”

“เขาทำได้ทุกอย่างแหละเพราะตอนนี้เขาเป็นเจ้าของชีวิตฉันไปแล้ว”

“มันจะอะไรนักหนา! เงินจะเยอะสักแค่ไหนกันเชียวถึงขั้นต้องกักขังหน่วงเหนี่ยวกันแบบนี้”

“ร้อยล้าน”

“ระ ร้อยล้าน! นี่พ่อแกเอาเงินไปทำอะไรเนี่ย ตั้งร้อยล้านชาติไหนจะหามาคืนเขาได้”

“ถึงได้บอกไงว่าตอนนี้เขากำลังเป็นเจ้าของชีวิตฉันอยู่”

ฉันเลือกอะไรไม่ได้เลยจะหนีไปทางไหนมันก็มืดแปดด้านไปหมด ญาติพี่น้อง แม่ก็ไม่เคยกล่าวถึงให้รู้จักสักคน ไม่เคยรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

จำความได้ก็มีแต่ญาติของคนที่ฉันเรียกเขาว่าพ่อนี่แหละค่ะ อีกอย่างฉันเองไม่เคยสนใจผู้คนรอบข้างด้วย เรียกว่ายังไม่รู้จักโตถึงจะถูก

“แล้วนี่สอบเสร็จแกจะกลับยังไง”

“เขาให้เบอร์มือถือไว้ให้ฉันโทรไปแล้วเขาจะมารับ”

“เหรอ... ทำไมง่ายจัง ดูใจดีเนอะ ฉันหมายถึงทำไมเขาต้องมารับมาส่งแกด้วยล่ะ ใจดีเกินไปไหม สถานะของแกเป็นลูกหนี้นะไม่ใช่สาวคนสนิทสักหน่อยหรือกลัวแกหนี?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“มีอะไรรีบบอกฉันนะ ฉันพร้อมช่วยเสมอแต่ไอ้ร้อยล้านเนี่ยบอกตามตรงว่าไม่มีปัญญา” ฉันเองก็ไม่มีปัญญาเช่นกันค่ะ

“อืม ขอบใจนะที่รับฟัง”

“แล้วแกไม่กลัวเขาเหรอเขียนฟ้า เขาเป็นยังไงแก่หรือยัง เฒ่าหัวงูหรือเปล่า หรือเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง เอางี้ดีกว่าแกโทรหาเขาเลยฉันจะอยู่รอส่งแกขึ้นรถเองเพื่อความแน่ใจ”

“เอาแบบนั้นเหรอ ฉันกลัวว่าจะทำให้แกเดือดร้อนเอาได้นะ”

“ฉันไม่กลัว! โทรเลย”

ได้ยินแบบนั้นฉันจึงหยิบเบอร์มือถือที่พี่เลย์ให้มาขึ้นมาดูมันมีสองเบอร์ค่ะเลขเหมือนกันแค่สลับตำแหน่งสองตัวท้ายเท่านั้นเอง

“เบอร์นี้แล้วกัน” หลับตาจิ้มก่อนจะกดเบอร์โทรออกไปยันปลายสาย รอแค่ไม่นานเสียงเจ้าของเบอร์ก็ดังขึ้น

(สวัสดีครับ)

“เอ่อ... หนูสอบเสร็จแล้วค่ะ”

(รออยู่นั่นแหละ)

“ค่ะ”

หลังจากสายตัดไป ฉันก็นั่งรออย่างใจจดใจจ่อโดยมีแซนอยู่เป็นเพื่อนตลอด

ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็จอดเทียบอยู่ตรงหน้า

“คนนี้เหรอเขียนฟ้า” แซนกระซิบเสียงแผ่วเบาฉันจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับพี่เลย์ แต่แปลกที่รถคันนี้มันเป็นสีดำจำได้ว่าคันเมื่อเช้ามันเป็นสีขาว ช่างเถอะ! รถที่บ้านมีตั้งหลายคันฉันจะสงสัยให้มากความไปทำไม

“สวัสดีค่ะ” พลางยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาท

“เร็ว ๆ เถอะฉันมีธุระต้องไปทำต่อ”

หันไปโบกมือให้แซนก่อนจะปิดประตูรถ

ระหว่างทางมันเงียบมากมีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของคนข้าง ๆ เท่านั้น ฉันเองก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรทำให้บรรยากาศในรถอึดอัดขึ้นไปอีก

ครืด... ครืด...

“เออ”

(...)

“กูไปรับมาแล้ว”

(...)

“กูรู้แล้ว” เหลือบมองหน้าฉันแวบหนึ่งแล้วกดวางสายไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel