บท
ตั้งค่า

Episode-04 ทำความคุ้นเคย

สามวันผ่านไป

เป็นสามวันที่ฉันต้องปรับตัวปรับการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด ส่วนพี่เลย์เขาหายไปไหนไม่รู้ค่ะ หลังจากที่ไปรับฉันวันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับเข้ามาที่นี่อีกเลย

ในทุก ๆ วันฉันอยู่กับแม่บ้านมันโคตรจะน่าเบื่อเพราะไม่มีอะไรให้ทำ

“ป้าสายใจขา มีอะไรให้หนูทำไหมคะ”

“ป้าว่าอยู่เฉย ๆ ก็น่าจะพอแล้วนะ”

“ไม่สิคะ เดินไปเดินมาฆ่าเวลาให้หมดวันเนี่ยนะมันดีตรงไหน”

“งั้นมาแกะสลักผักกับผลไม้แล้วกัน”

“ต้องสอนนะคะ หนูทำไม่เป็นหรอก”

“ได้สิ”

หลังจากนั้นฉันก็เรียนรู้อย่างตั้งใจตอนแรกคิดว่ามันจะง่ายแต่ที่ไหนได้โคตรยากเลยค่ะ แต่ก็ถือว่าดีฝึกสมาธิไปในตัว

“ทำอะไรของเธอ”

“พี่เลย์! เฮ้อ... ตกใจหมดเลย” นึกจะมาก็มาเงียบ ๆ ใครจะไม่ตกใจบ้าง “แกะสลักอยู่ค่ะ” พลางยื่นให้เขาดูไปด้วย

“ว่างมากเหรอ?”

“ก็ไม่มีอะไรให้ทำนี่คะ” ตอบออกไปตามความจริง สอบเสร็จแล้วโรงเรียนก็ไม่ได้ไปแล้ว ฉันไม่รู้จะทำอะไร

“อยู่บ้านคนอื่นช่วยทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยสิ”

ฉันก้มหน้าเงียบไม่กล้าพูดอะไรเพราะถึงพูดออกไปก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ดี หรือถ้าเขาอยากให้ฉันทำอะไรบอกกันดี ๆ ฉันก็เข้าใจแล้ว

“ตามมานี่” พี่เลย์ออกคำสั่งก่อนจะเดินนำฉันมายังห้องห้องหนึ่งที่ชั้นสาม “นี่คือสิ่งที่เธอต้องทำ” เอกสารปึกหนาถูกวางลงตรงหน้าฉัน

“อะไรเหรอคะ”

“รายรับ รายจ่าย งบประมาณของแต่ละโครงการ”

“แล้ว ... มันต้องทำยังไง” ฉันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ถ้าจะบอกไปตามตรงว่าทำไม่เป็นก็อาจจะถูกดุเอาได้

“บัญชีรายรับรายจ่ายไง ทำแบบนั้นแหละ น่าจะง่ายสุดสำหรับเธอ”

“หมดนี่เลยเหรอคะ”

“ใช่!”

หลังจากนั้นฉันก็ทำตามที่พี่เลย์บอก ค่อยยังชั่วหน่อยที่เขาคอยบอกคอยสอนอยู่ตลอด แต่กว่าจะเข้าใจได้ก็งงไปนานเหมือนกันรู้สึกได้เลยว่าตัวเองโง่มาก ให้พูดกันตามตรงฉันไม่เคยช่วยแม่ทำเลยค่ะ

สามชั่วโมงผ่านไป

“เสร็จแล้วค่ะ”

“วางไว้นั่นแหละ อยากทำอะไรก็ไปทำ”

บางทีก็นึกสงสัยนะ เหมือนที่แซนว่าไว้มันง่ายเกินไปหรือเปล่า เขาทำเหมือนฉันไม่ใช่ลูกหนี้เลยค่ะ คิดว่าจะดิบเถื่อนกว่านี้ซะอีก

“ออกไปหาเพื่อนได้ไหมคะ” ได้ยินแบบนั้นพี่เลย์จึงละสายตาจากงานตรงหน้าแล้วมองฉันด้วยสีหน้าที่โคตรไร้ความรู้สึก

“ใคร?”

“ก็คนที่พี่เจอตอนที่ไปรับหนูที่โรงเรียนไง” พี่เลย์ยังคงเงียบและมองหน้าฉันอยู่แบบนั้น

“วันนี้ไม่อนุญาต”

“แต่ว่า...” ปากกำลังจะร้องขอแต่พอเห็นสายตาดุ ๆ ของเขาทำให้ฉันต้องเงียบปากลง “ค่ะ”

หลายวันผ่านไป

ฉันเริ่มคุ้นชินกับทุกคนมากขึ้น โดยเฉพาะพี่เลย์ ความรู้สึกของฉันตอนนี้เหมือนมีเขาเป็นที่พึ่งคนเดียวมากกว่า

ส่วนพ่อเขาไม่เคยมาหาฉันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ว่าเราพวกเรากลายเป็นคนแปลกหน้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือความจริงแล้วเป็นฉันเองที่คิดว่าพ่อรักพวกเรา

หมับ!

“อ๊ะ!”

“เหม่ออะไร?”

“ปะ เปล่าค่ะ”

“ก็เห็นอยู่ว่าเธอเหม่อ ทำไม...จะฆ่าตัวตายหรือไง ก้าวเท้าออกไปอีกนิดเดียวเธอก็ตกลงไปแล้วน่ะ” มองไปด้านหน้าของตัวเองถึงกับชะงัก นี่ฉันออกมาทำอะไรที่นอกระเบียง

เมื่อเห็นฉันเงียบพี่เลย์จึงรั้งแขนฉันให้เดินตามเขาเข้ามาในห้อง

“คิดจะทำอะไร?”

“เปล่าค่ะ” พี่เลย์ยังคงเงียบและมองหน้าฉันอยู่แบบนั้นก่อนจะดันร่างกายฉันชิดติดผนัง

“อย่าคิดจะทำอะไรโง่ ๆ รู้ไว้เถอะว่าฉันใจดีกับเธอมากที่สุดแล้ว”

“หนูไม่ได้จะทำอะไร ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงออกไปยืนตรงนั้นได้” ฉันรีบอธิบายก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ใครจะกล้ากระโดดลงไปล่ะสูงขนาดนี้ พี่เลย์ไม่พูดอะไรอีกนอกจากกลับไปนั่งสนใจเอกสารปึกหนาเหมือนเดิม

ช่วงเย็น

เป็นอีกมื้อที่ได้กินข้าวร่วมกับผู้ชายแปลกหน้า ถึงจะพยายามคุ้นเคยแล้วก็เถอะแต่ก็ไม่ชินสักเท่าไหร่ ถามว่าทำไมไม่หนีทำไมไม่หาทางออก บอกตามตรงเลยนะ ฉันไม่กล้าค่ะ ใจหนึ่งก็กลัวที่จะอยู่กับเขาแต่อีกใจหนึ่งมันกลัวโลกภายนอกมากกว่า อย่างน้อยฉันอยู่ที่นี่ก็ยังได้เรียนหนังสือยังมีที่ให้หลับให้นอน และอีกอย่างนะพ่อเป็นคนพาฉันมาแปลว่าพี่เลย์ต้องรู้จักพ่อฉันพอสมควร แน่นอนว่าต้องมีอะไรมากกว่านี้ที่ฉันยังไม่รู้

“อิ่มแล้วก็ขึ้นห้องไป ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่ต้องลงมา ห้ามออกจากห้องเด็ดขาด นี่คือคำสั่ง”

“ค่ะ” ในใจก็อยากถามแหละทำไมต้องห้ามออกจากห้องด้วย แต่พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมของเขาแล้ว เปลี่ยนใจไม่ถามดีกว่า

“แล้วไอ้ที่ให้ฝึกทำก็ทำด้วยล่ะ เป็นเด็กดี อย่าดื้อให้มาก” จบประโยคเขาก็แยกตัวออกไปทันที

เลิกสนใจเขาแล้วกลับเข้าห้องตามเดิม หลายวันที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง

ตอนอยู่บ้านตัวเองมันไม่เคยมีความรู้สึกอ้างว้างเลย ต่อให้บางวันบ้านทั้งหลังจะมีแค่ฉันคนเดียวก็เถอะ ตรงกันข้ามกับตอนนี้ที่รู้สึกโดดเดี่ยวจนยากจะอธิบาย ทั้งที่เป็นฉันคนเดิมแต่ความรู้สึกกลับแตกต่าง แต่ยังดีหน่อยที่มีโทรศัพท์มือถือเป็นเพื่อน พอได้เล่นเกมส์ดูหนังฟังเพลงแล้วรู้สึกดีขึ้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นกลางดึก

ได้ยินแบบนั้นฉันจึงลุกไปเปิดประตูเผื่อบางทีใครอาจจะมีธุระก็ได้ หรือไม่ก็พี่เลย์

“ไม่ใช่ห้องนี้!” ไม่ทันจะเห็นว่าเป็นใครเพราะพี่เลย์เอาตัวเองมาบังเสียก่อน “โทษทีนะเพื่อนฉันเมามากเลยจะเข้าห้องผิด”

“ค่ะ”

“เข้าห้องนอนได้แล้ว และใครเคาะก็ไม่ต้องเปิดอีก”

“ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจแล้วเข้าห้องนอนตามเดิม

พอได้ตื่นกลางดึกแล้วกลายเป็นว่านอนไม่หลับแทน ได้ยินเสียงคนคุยกันด้านนอกแต่จับใจความเป็นประโยคไม่ได้ สาบานเลยว่าฉันไม่ได้แอบฟังหูมันได้ยินเอง

แอบมองตรงหน้าต่างเห็นมีรถจอดอยู่หลายคันแต่นั่นไม่กวนใจฉันเท่ากับควันบุหรี่ที่กำลังลอยมาแตะจมูกฉันหรอก บ้านโคตรหรูไม่น่ามาสูบบุหรี่บนห้องนะ

ชำเรืองตาไปทางระเบียงห้องข้าง ๆ เห็นพี่เลย์กับใครอีกคนกำลังสูบบุหรี่อยู่ คงจะเป็นเพื่อนเขาล่ะมั้ง

ขณะที่ฉันกำลังมองพวกเขาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันมาทางห้องฉันพอดี เป็นสายตาเย็นชาที่อธิบายไม่ถูกเลยทีเดียว

แกรก!

“บอกให้นอนไม่ใช่เหรอ”

“...” ถึงกับต้องตั้งสติแล้วมองให้ชัดอีกครั้งเลยทีเดียว ฉันเห็นพี่เลย์กำลังสูบบุหรี่อยู่ แล้วทำไมเขาถึงมาโผล่ในห้องฉันได้

“งงอะไร ได้ยินที่พูดไหมเนี่ย”

“ได้ยินค่ะ” ปากตอบเขาแต่สายตาก็หันไปมองที่ระเบียงอีกครั้ง ซึ่งมีแค่พี่ผู้ชายคนนั้นคนเดียว “หนูอาจจะมึนจนตาฝาดไป”

“บ่นอะไร”

“เปล่า หนูจะนอนแล้วพี่ก็นอนได้แล้วค่ะ” เขาไม่ตอบอะไรนอกจากปิดไฟในห้องแล้วกลับห้องตัวเองไป

คล้อยหลังพี่เลย์ฉันยังคงคิดวนไปมา มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่นอน แค่ไม่กี่วินาทีเขาจะมาอยู่หน้าห้องฉันได้ยังไง คิดอยู่แบบนั้นกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel