ขบวนทหารลาดตระเวน
“ขอรับ ๆ ข้าน้อยก็นึกว่าพวกท่านกำลังลาดตระเวนยามค่ำคืนเสียอีก ไม่ใช่หรอกหรือขอรับ” หัวหน้าขบวนพ่อค้าเดินออกมารับหน้าเหล่าทหารที่ตอนแรกคิดว่าเป็นทหารลาดตระเวนของเมืองหลี่ซงตามปกติ ทว่าพอกวาดสายตามองไปข้างหลังเห็นบุรุษสวมเกราะแกร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเย็นชาตามข่าวลือที่เคยได้ยินจึงได้ทราบว่านี่มิใช่ขบวนทหารลาดตระเวนธรรมดาเสียแล้ว
นี่มันขบวนทหารของท่านเจ้าเมืองหลี่ซง
บุรุษท่าทางองอาจเพียบพร้อมด้วยสายตาทรงอำนาจแผ่รังสีที่สามารถทำให้คนมองยอมสยบแทบเท้า
เจิ้งคุนเซียว แม่ทัพหนุ่มที่เพิ่งถูกเลื่อนขั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองสืบทอดต่อจากบิดาของตน
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มกรอบหน้าหัวหน้าขบวนพ่อค้ายามเงยหน้าไปสบตาบุรุษทรงอำนาจบนม้าตัวใหญ่ตัวนั้น
“ไม่ใช่หรอก ใต้เท้าของข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากสงครามชายแดนต่างหาก...ว่าแต่พวกเจ้าค้าขายสิ่งใดหรือ”
“ข้าน้อยทำการค้าทาสขอรับ พอดีว่ามีคนจากเมืองนี้ติดต่อซื้อทาสจากพวกข้าน้อยจึงขนย้ายมาให้ที่เมืองหลี่ซงขอรับ”
“เช่นนั้นหรือ ก็ดี พวกเจ้ารีบจัดการอย่าให้เกะกะขวางทางใต้เท้าของข้า”
“ขอรับ”
อีกด้านหนึ่งภายในซากรถม้าคันที่พลิกคว่ำที่พังมิพังแหล่ ดีที่รถไม่ได้เคลื่อนที่เร็วจึงไม่เสียหายมากมีเพียงผนังห้องโดยสารพังไปแถบหนึ่ง ล้อใช้การไม่ได้ทั้งสองข้าง
“แง...ฮือ...”
เด็กในห้องโดยสารแม้จับยึดแน่นแต่แรงกระแทกก็ทำให้พวกเด็ก ๆ ได้รับบาดเจ็บทว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เสียงร้องไห้จากความเจ็บปวดจึงดังระงมขึ้นท่ามกลางอุบัติเหตุรถม้าคว่ำ
เจียวเชินซึ่งแน่นอนถูกกระแทกแรงที่สุดเพราะหาที่จับยึดไม่ทันพยายามฮึดขึ้นนั่งจากกองเศษซากรถม้า ใช้มือดันผนังผ่านลูกกรงให้เปิดอ้าออก
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ พี่ทหารช่วยข้าด้วย ข้าถูกจับตัวมา”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากรถม้าคันที่เกิดอุบัติเหตุพร้อมกับมีแขนบอบบางกับศีรษะของสตรีโผล่ขึ้นมาจากห้องโดยสารพัง ๆ
“นั่นเสียงอะไรน่ะ”
“อะ…เอ่อ ไม่มีอันใดขอรับใต้เท้า เป็นเสียงทาสสตรีของข้าน้อยที่สติไม่ค่อยดีขอรับ เดี๋ยวพวกข้าน้อยจะรีบจัดการเปิดทางให้ขอรับ”
“ไม่จริง ! อื้อ...” สตรีเจ้าของเสียงกำลังวิ่งมาหาทหาร ทว่ากลับโดนบุรุษหลายคนเข้ามาขวางทางทั้งปิดปากและจับตัวนางไม่ให้ทำตามสิ่งที่คิดได้
“เป็นทาสสตรีหรือ” สุรเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากบุรุษที่เพิ่งกระโดดลงมาจากหลังม้า
เจิ้งคุนเซียวไม่ใช่คนโง่และเชื่อคนง่าย ยามเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นย่อมเกิดความรู้สึกสงสัย และยิ่งเห็นสตรีสวมชุดราวกับคุณหนูไม่ใช่ชุดชาวบ้านทั่วไปวิ่งออกมาหน้าตาตื่นยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“ขะ…ขอรับ”
“งั้นหรือ ข้าคิดว่าพวกเจ้าอาจต้องการความช่วยเหลือ ทหาร ! ส่งคนไปตรวจสอบดูรถม้าทุกคัน ดูซิว่ามีคันไหนต้องซ่อมบำรุงหรือไม่”
“ขอรับท่านเจ้าเมืองเจิ้ง”
“อะ…เอ่อ”
แม้ว่าประโยคคำสั่งดังกล่าวเหมือนต้องการช่วยเหลือขบวนพ่อค้า ทว่าหากไม่ได้โง่สมองหมูจนเกินไปก็เข้าใจได้ว่านั่นเป็นคำสั่งตรวจสอบเพราะความไม่ไว้วางใจดี ๆ นั่นเอง
“อื้อ ๆ...”
สตรีที่โดนจับตัวปิดปากโดยชายฉกรรจ์สองคนดวงตาเรืองรองเปล่งประกาย นางใช้โอกาสที่ชายคนที่จับตัวนางอยู่ขวัญเสีย กระทืบเท้า กัดมือที่ปิดปากนางก่อนออกตัววิ่งสุดแรงไปหาบุรุษที่ดูมีอำนาจสั่งการสูงสุดของพวกทหาร อีกทั้งดูท่าทางชาญฉลาดไม่น้อย
เจียวเชินวิ่งเข้าไปหาเจิ้งคุนเซียวอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อต้องการบอกความจริงพวกเขา
“ใต้เท้าเจ้าคะ พวกเขาเป็นพ่อค้าเถื่อน ทาสทั้งหมดที่อยู่ในรถม้าไม่ได้มาจากการค้าขายที่ถูกต้อง ทุกคนล้วนถูกลักขโมยจับตัวมาทั้งนั้น แฮก...”
“เจ้า เจ้ายังไม่ตาย หยุดนะนังบ้า ใต้เท้าขอรับนางสติไม่ดีจึงพูดจาไร้แก่นสาร อย่าได้ถือสานางเลยขอรับ”
“ใต้เท้าท่านอย่าไปเชื่อ แฮก พวกเขานะเจ้าคะ หากข้าบ้าจริง เป็นทาสจริง เช่นนั้นแสดงว่าเจ้ากำลังหลอกขายทาสสติไม่ดีให้คนซื้อน่ะสิเพราะพวกเจ้าขนส่งข้ามาด้วย มีคนซื้อดี ๆ ที่ไหนบ้างต้องการทาสสติไม่ดี”
“นี่เจ้า !”
“สิ่งที่สตรีบ้าพูดก็ถูก เจ้านำนางมาด้วยเช่นนั้นเจ้าจะขายทาสสติไม่ดีงั้นสิ”
เจิ้งคุนเซียวถูกสตรีที่พวกพ่อค้าเรียกว่านังบ้าดึงชายเสื้อ นางเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยคราบสีแดงเหมือนคราบเลือด เนื้อตัวสกปรกจนมองเนื้อแท้ไม่ออกว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นใคร
เจิ้งคุนเซียวชื่นชอบความสะอาดจึงถอยหลังออกห่างจากนางเล็กน้อย ทว่าไม่ได้สะบัดชายเสื้อออกจากมือนางเพราะหากทำเช่นนั้นนางคงโดนคนฝ่ายพ่อค้ากล้าเข้ามาจับกุมไปอีก
เขายังไม่ด่วนตัดสินใจว่าใครพูดความจริงแม้ว่าใจจะเอนเอียงไปทางฝ่ายสตรีมอมแมม มองภายนอกหากมีคนบอกว่านางบ้าก็มีความเป็นไปได้
ทว่าการพูดการจาฉะฉาน ดวงตามุ่งมั่นหาญกล้าของนางทำให้เขาจิตใจเอนเอียงไปทางฝ่ายนางมากกว่า
เจิ้งคุนเซียวเป็นผู้นำจึงไม่สามารถเชื่อความรู้สึกของตนเองได้ เขาต้องมีความยุติธรรมตัดสินจากหลักฐาน
“คะ…คือ นางเพิ่งบ้าเพราะล้มศีรษะกระทบพื้นแข็งขณะเดินทางมาถึงเมืองหลี่ซงขอรับ ข้าน้อยเดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วจึงไม่อาจนำนางกลับได้จำต้องพานางเดินทางมาด้วยก่อนขอรับ ตั้งใจว่าจะไม่นำส่งนางให้คนซื้ออยู่แล้ว”
“ไม่จริง เจ้าโป้ปด ข้าไม่ได้บ้า ใต้เท้า ในรถนั่นมีเด็กจำนวนมากที่โดนจับตัวมา หากท่านไม่เชื่อข้าได้โปรดขอตรวจสอบหนังสือค้าขายทาสของพวกเขาเถิดเจ้าค่ะ หากข้าพูดความเท็จให้ทางการจับข้าเข้าคุกก็ยังได้”
เจิ้งคุนเซียวมองมือเล็กมอมแมมที่กำชายเสื้อตนเองแน่นจนตรงที่นางกำเสื้อยับย่นไปหมด สร้างความไม่ชอบใจให้ตัวเขายิ่งนัก
“หากบริสุทธิ์ใจเจ้าก็ให้คนไปนำหนังสือซื้อขายทาสมาให้ข้า ไป !” น้ำเสียงเข้มเจือความขุ่นเคืองดังขึ้นทำให้หัวหน้าพ่อค้าสะดุ้งตกใจด้วยความหวาดกลัว ซึ่งแท้จริงแล้วเจิ้งคุนเซียวอารมณ์ไม่ดีไม่ใช่เพราะพวกพ่อค้า ทว่าชายหนุ่มอารมณ์ไม่ดีเพราะเสื้อตนเองกำลังยับย่นและสกปรกต่างหาก ! จึงอยากรีบจัดการจะได้เอาสตรีมอมแมมผู้นี้ไปให้ไกลจากตัวเอง
“ขะ…ขอรับ”
“ข้างในรถม้าคันนั้นมีเด็กผู้ชายบุตรของขุนนางในเมืองหลี่ซงด้วยนะเจ้าคะ พวกเขาเพิ่งจับมาได้ไม่นานมานี้ ใต้เท้าหรือพวกพี่ทหารอาจคุ้นหน้าเด็กชายคนนั้น”
เสียงใสเอ่ยกระซิบเจิ้งคุนเซียวลับหลังหัวหน้าพ่อค้าที่เดินกลับไปขบวนรถม้าของตนเองเพื่อไปเอาหนังสือสัญญาค้าขายทาสมายืนยัน
เจิ้งคุนเซียวย่นคิ้วมองสตรีมอมแมมด้วยความไม่เข้าใจ เขาผู้ซึ่งไม่ชอบความสกปรกสาเหตุหนึ่งคือสิ่งใดสกปรกมักส่งกลิ่นเหม็น ทว่าไม่นึกเลยว่าสิ่งสกปรกมีชีวิตตรงหน้าเขาผู้นี้กลับไม่เหม็น แถมส่งกลิ่นหอมเหมือนเหมยฮวาเจือจางออกมาจากเรือนร่างนาง
เจิ้งคุนเซียวเผลอสูดดมไปเฮือกใหญ่ ทว่าพอลืมตามาเห็นสภาพสกปรกของสตรีที่ตนเองสูดดมไปจึงรีบถอยห่างออกมา
“เจ้าโดนจับตัวมางั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเวลานี้หัวหน้าพ่อค้าผู้นั้นกำลังหาทางหนีให้ตัวเอง การที่เขาเดินกลับไปเอาหนังสือสัญญาค้าทาสด้วยตัวเองแทนที่จะสั่งให้ลูกน้องไปหยิบมาให้นั้นมิใช่วิสัยปกติ พะ...”
“ทหารกระจายกำลังล้อมพวกเขาไว้ !”
ไม่ต้องให้สตรีตรงหน้าพูดจบ เจิ้งคุนเซียวก็เข้าใจในสิ่งที่นางต้องการสื่อ
พวกมันไม่มีหลักฐานและหากเป็นพ่อค้าทาสผิดกฎหมายจริงเวลานี้ย่อมต้องหนีได้แล้ว ซึ่งเป็นจริง พอชายปลิ้นปล้อนผู้นั้นเดินไปได้ไม่เท่าไรก็ชักดาบออกมาแล้ววิ่งหนีหมายจะวิ่งเข้าไปในป่า ไม่ใช่ทางที่จะไปรถม้าของตน เช่นเดียวกับสมาชิกร่วมขบวนคนอื่นก็กระจายตัววิ่งหนีเข้าป่ากันจ้าละหวั่น
โชคดีที่ทหารของเจิ้งคุนเซียวล้อมเอาไว้ได้ทันจึงสามารถจับตัวได้บางส่วน
