บทที่ 9
หลังจากฟู่อวิ้นหลงกลับไปแล้ว เฟิ่งฮูหยินก็รีบไปหาบุตรสาวของตนที่เรือนทันที
"อาเหิงลูกแม่"
"ท่านแม่"
เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวของตน ก็เข้าไปสวมกอดเพื่อเป็นการปลอบโยนบุตรสาวตน
"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ องค์ชายสามต่อว่าอะไรเจ้าหรือไม่?"
เฟิ่งฮูหยินเฝ้ามองบุตรสาวของตนตั้งแต่แรก แต่ที่ตนไม่ยอมเข้าไปหาทั้งคู่ เพราะอยากให้บุตรสาวได้สะสางเรื่องทุกอย่างกับองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงให้เรียบร้อย ภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน
"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ องค์ชายไม่ได้ต่อว่าอะไรข้าเลย ท่านแม่สบายใจได้"
พูดจบหญิงสาวก็ลุกหมุนตัวให้มารดาดูอย่างอารมณ์ดี ตนเลือกจะพูดแต่สิ่งที่ให้มารดาไม่เป็นกังวลเท่านั้น แม้ในใจยังรู้สึกจุกในอกแต่ต้องยอมตัดเสียตอนนี้
คนเป็นแม่เห็นบุตรสาวอารมณ์ดีก็รู้สึกเบาใจ เพราะว่าตนเป็นห่วงกลัวว่านางจะใจอ่อนและเสียใจอีกครั้ง…
หลายอาทิตย์ต่อมา ฝั่งจวนสกุลอี้
ตอนนี้ซือจินได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินรองของจวนสกุลอี้แล้ว เพราะนางได้ไปเป่าหูอี้ชิงหลางว่าองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงจะมาหมั้นหมายบุตรสาวของตนเพื่อแต่งเป็นชายารอง
อี้ชิงหลางครั้นได้ยินเรื่องที่อนุคนโปรดเอ่ยถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาเองก็วาดฝันถึงการได้เป็นขุนนางขั้นสูงอยู่แล้ว แต่เพราะตนไม่มีเส้นสายเพียงพอจึงได้เป็นเพียงชั้นล่างเท่านั้น
อีกอย่างฝั่งญาติฮูหยินเอกแม้จะเป็นสกุลขุนนางเก่าแก่แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครรับราชการแล้ว เมื่อไม่มีเส้นสายก็ไม่มีใครสนับสนุนให้เขาได้เลื่อนขั้นตำแหน่ง
อี้ชิงหลางนั้นวาดฝันอำนาจที่กำลังมาอยู่ในมือ จึงได้แต่งตั้งให้ซือจินขึ้นเป็นฮูหยินรองทันที ท่ามกลางความไม่พอใจของเหล่าอนุหรือแม้แต่ฮูหยินเอกของจวน
เรือนของอี้หลิงฟาง
"ลูกแม่ เจ้าได้ข่าวแล้วหรือยังแม่ดีใจกับเจ้าด้วยจริง ๆ ในที่สุดนางอวี่เหิงนั้นก็ไม่ได้เป็นชายาเอกแล้ว เจ้าต้องดีกับองค์ชายสามให้มาก ๆ นะ รู้หรือไม่"
ทว่าไร้การตอบกลับจากอี้หลิงฟาง ฮูหยินรองเห็นว่าบุตรสาวตนเงียบไปก็สงสัย
"เอ๊ะ! แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้ทำหน้าตาเช่นนี้เล่า เจ้าไม่ดีใจรึที่องค์ชายถอนหมั้นกับอวี่เหิงแล้ว"
"ไม่!! ข้าไม่ได้ต้องการแบบนี้ สิ่งที่ข้าต้องการคือการเอาชนะนาง แต่ไม่ได้ต้องการให้นางถอนหมั้น แล้วแบบนี้ข้าจะแก้แค้นได้อย่างไร สิ่งที่ข้าต้องการคือทุกสิ่งทุกอย่างของนาง! ท่านแม่ได้ยินข้าหรือไม่! ข้าอยากให้มันแต่งเข้าวังเพื่อที่ข้าจะได้แย่งความโปรดปราน แย่งความรัก แย่งทุกสิ่งทุกอย่าง ให้นางตรอมใจตายต่างหาก ท่านแม่!"
ซือจินได้ยินบุตรสาวของตนกล่าวถึงกับสะอึก ตนไม่คิดว่าที่บุตรสาวที่ไปตีสนิทกับองค์ชายสามเพื่อให้ได้แก้แค้นเองรึ?
"เหตุใดเจ้าถึงแค้นนางถึงเพียงนี้ แม่นึกว่าเจ้าชอบพอกับองค์ชายจริง ๆ เสียอีก"
"ท่านแม่ ข้าไม่ได้ชอบองค์ชายสาม คนที่ข้าชอบมีเพียงชายผู้นั้นผู้เดียวเท่านั้น ทั้งหมดที่ข้าทำเพราะต้องการแย่งความโปรดปรานที่เคยนางมีทั้งหมดมาเป็นของข้า เหมือนกับที่นางแย่งชายผู้นั้นไปจากข้าอย่างไรเล่า!"
พูดจบนางก็กวาดสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวลงกับพื้น นางนึกถึงเรื่องราวในอดีตยิ่งเจ็บแค้น หากไม่มีเฟิ่งอวี่เหิง ชายผู้นั้นคงต้องมาชอบนางแล้ว เพราะนาง! ทั้งหมดเป็นเพราะนางคนเดียว!
"แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?" ซือจินเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความสงสัย
"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลข้ามีวิธีของข้า ท่านแม่ตั้งใจทำหน้าที่ของตนต่อไปเถิดว่าจะให้ท่านพ่อยกท่านขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกได้อย่างไรจะดีกว่า"
"เจ้าก็อย่าเพิ่งใจร้อน รอดูภายหน้าก่อนว่าจะเป็นอย่างไร แม่ว่าเจ้าแต่งเข้าวังแล้วไปสร้างรากฐานไว้ก่อนดีหรือไม่ คิดว่ายังไงเฟิ่งอวี่เหิงอาจจะสมรสกับองค์ชายองค์ใดองค์หนึ่งก็เป็นได้ เมื่อนั้นเจ้าค่อยแก้แค้นย่อมไม่สาย"
ความจริงที่นางเสนอความคิดนี้เป็นเพราะตัวซือจินต้องการมีหน้ามีตาในเมืองหลวง การได้ถูกเชิญไปงานเลี้ยงน้ำชานั้นถือว่าเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่ตอนนางเป็นเพียงอนุ เพราะคนที่จะถูกเชิญไปงานเลี้ยงน้ำชาแต่ละจวน ส่วนมากจะเป็นคนที่มีฐานะและชื่อเสียง หรือฮู
หยินด้วยกันทั้งนั้น
ฝั่งสกุลกู่
ขณะที่กู่ม่านชิงกำลังนั่งดื่มชากับมารดาตนอยู่นั้น ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยอาการที่ดีใจ แม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว แต่ยังมีท่าทางน่าเกรงขาม ประมุขของจวนสกุลกู่ กู่หลันหรืออดีตแม่ทัพใหญ่ของเมืองหลวง
ตอนนี้เขาวางมือจากการเป็นแม่ทัพแล้ว เพราะบุตรชายขึ้นเป็นแม่ทัพแทนตน นายท่านกู่จึงกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายกับภรรยาเพื่อทดแทนเวลาที่เสียไปในระหว่างที่ตนออกรบไปทำศึกสงครามเพื่อบ้านเมือง
"ท่านพ่อมีเรื่องอะไรน่ายินดีหรือเจ้าคะ ข้าเห็นท่านยิ้มมาแต่ไกลเลย อิอิ"
กู่ม่านชิงแซวบิดาของตนเองที่เดินยิ้มมาตั้งแต่ทางเดิน
"ฮูหยิน ชิงเอ๋อร์ จิ้นอันปราบกบฏสำเร็จแล้วและกำลังเดินทางกลับถึงเมืองหลวงในไม่ช้า"
กู่ฮูหยินกับกู่ม่านชิงได้ยินเช่นนั้นก็ตาโตด้วยความดีใจ จนเผลอพูดพร้อมกันออกมา
"จริงหรือเจ้าคะท่านพี่//ท่านพ่อ"
"จริง ข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากจิ้นอันว่ากำลังเดินทางกลับมา คาดว่าจะมาถึงเมืองหลวงช่วงกลางเดือนหน้านี้"
กู่ม่านชิงได้ยินอย่างนั้นก็เก็บอาการไม่อยู่ นางลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจทันที
"ข้าดีใจที่สุดเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ ในที่สุดท่านพี่ก็กลับมาหาข้าแล้ว"
นายท่านกู่เห็นบุตรสาวตนดีใจอย่างออกหน้าออกตาจนลืมรักษากิริยาของสตรี เขาอดที่จะตำหนิบุตรสาวของตนเองไม่ได้
"ชิงเอ๋อร์ เจ้าสำรวมตัวหน่อยเถิดเพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ไงเล่าถึงไม่มีแม่สื่อมาขอสู่เจ้าสักที เฮ้อ"
คนที่กำลังดีใจได้ยินบิดาตำหนิตน นางก็วิ่งเข้าไปหามารดาของตนพร้อมกับออดอ้อน
"ชิ ไม่มีแม่สื่อแล้วอย่างไร เหิงเหิงก็โสดเป็นเพื่อนข้าแล้วและข้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องออกเรือนหรอกนะเจ้าคะ ท่านพ่อท่านอย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะเจ้าคะ ที่ไม่มีแม่สื่อมาสู่ขอข้าเพราะท่านไปลั่นวาจาไว้ว่าหากชายใดสามารถประลองชนะท่านพี่ได้ ท่านพ่อถึงจะยอมให้แม่สื่อเข้ามาในจวน หึ!" พูดจบนางก็ย่นจมูกใส่บิดาตนเองทันที
นายท่านกู่ได้ยินแบบนั้นเหงื่อตามร่างกายถึงกับหลั่งไหลออกมาโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ใครจะไปคิดว่าบุตรสาวจะเอาเรื่องนี้มาพูดต่อหน้าเมียตนเองเช่นนี้
หันไปดูภรรยาที่ส่งตาเขียวมา เขาจึงแสร้งหยิบจอกชาขึ้นมาเพื่อดับกระหาย กลับกลายเป็นว่ามือที่หยิบจอกชาขึ้นมานั้นก็สั่นเทาไปด้วยเช่นกัน
ชิงเอ๋อร์นะ ชิงเอ๋อร์ เจ้าหาเรื่องตายให้พ่อเช่นนี้ได้อย่างไร อกตัญญูนัก!
"ท่านพี่ ที่ชิงเอ๋อร์พูดจริงหรือเจ้าคะ?" น้ำเสียงฮูหยินเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
"เอ่อ..."
กู่ม่านชิงนั้นไม่รอให้บิดาตอบ นางแทรกตอบคำถามที่มารดาถามแทนทันที
"จริงเจ้าค่ะท่านแม่ หากท่านแม่ไม่เชื่อข้า ท่านแม่ถามบ่าวในจวนก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อบ้านเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน อิอิ"
กู่ม่านชิงยกมือปิดปากหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ หลังจากได้เห็นบิดากำลังนั่งสั่นเพราะความหวาดกลัว
‘ท่านพ่อจะตำหนิข้ารึยังเร็วไปสิบปีเจ้าค่ะ โดนท่านแม่ตำหนิก่อนเป็นอย่างไร เฮอะ เฮอะ’
"ท่านพี่..." กู่ฮูหยินเรียกสามีตัวเองด้วยเสียงเอื้อนยาวอย่างน่าขนลุก
นายท่านกู่ได้ยินถึงกับสะดุ้งตกใจกับน้ำเสียงที่เอ่ยเรียกตนเอง มันหนาวเย็นเสียจนอดลูบแขนของตนเองไม่ได้
"จ้ะ เมียจ๋า~"
คนในจวนได้ยินคำที่นายท่านกู่ขานรับภรรยาก็พากันกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น ใครจะไปรู้ว่าอดีตแม่ทัพใหญ่ที่เป็นคนน่าเกรงขามไม่น้อยแก่กับผู้อื่น แม้แต่ฮ่องเต้ยังเกรงพระทัยถึงสี่ส่วนจะมาเกรงกลัวภรรยาตนเองขนาดนี้ หมดกันภาพลักษณ์ของอดีตแม่ทัพที่สร้างมานาน
