บทที่ 6
ณ วังขององค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง
"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"
หลังจากได้รับรายงานจากข้ารับใช้คนสนิท ฟู่อวิ้นหลงถึงขั้นตวาดเสียงดังทั้งจวน ใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีราชโองการถอนหมั้นพระองค์กับคุณหนูเฟิ่ง" ข้ารับใช้คนสนิทของฟู่อวิ้นหลงรายงานเรื่องที่ได้ยินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ไม่จริง จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องการถอนหมั้นเลย"
สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่อในเรื่องที่ข้ารับใช้นำมารายงานแม้แต่น้อย
"ไปเตรียมเกี้ยวให้ข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อตอนนี้"
ข้ารับใช้ได้รับคำสั่งจึงเดินออกไป เพื่อไปเตรียมเกี้ยวให้ฟู่อวิ้นหลงตามคำสั่งที่ได้รับ
"นางน่ะรึจะกล้าถอนหมั้นข้า ต้องมีผู้ใดไปเป่าพระกรรณของเสด็จพ่อเป็นแน่"
ฟู่อวิ้นหลงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเฟิ่งอวี่เหิงจะขอถอนหมั้นกับตน เพราะเขารู้ดีว่านางทุ่มเทให้เขาเพียงใด ตนชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ แล้วอยู่ ๆ จะมีราชโองการถอนหมั้นได้อย่างไร ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่
ณ ห้องทรงงานของฮ่องเต้
"ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ" ชายผู้สูงศักดิ์ในชุดสีทองที่กำลังอ่านฎีกาอยู่นั้นไม่ได้สนใจผู้มาเยือนตนแต่อย่างใด เขาสนใจแต่ฎีกาที่อยู่ตรงหน้าตนเองเท่านั้น
"ว่าเรื่องของเจ้ามา"
"เสด็จพ่อทรงออกราชโองการถอนหมั้นของข้ากับเฟิ่งอวี่เหิงได้อย่างไรกัน เหตุใดเสด็จพ่อไม่เรียกข้ามาถามก่อน"
"หึ"
ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงได้ยินอย่างนั้นก็แค่นเสียงออกมา นึกไว้ไม่มีผิดว่าหลังจากที่ออกราชโองการถอนหมั้น เจ้าสามต้องรีบมาหาตนเป็นแน่
"ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการแบบนี้อยู่แล้วหรือ?"
"มะ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ต้องการถอนหมั้นกับนาง"
"แล้วการที่เจ้าไปกับสตรีอื่นที่ไม่ใช่คู่หมั้นของตนหมายความว่าอย่างไร ไม่ใช่เจ้าชอบพอกับคุณหนูอี้หรอกรึ?"
คนที่ถูกท้วงติงถึงกับชะงัก ฟู่อวิ้นหลงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง แสดงว่าเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องของตนแล้ว
"แต่ข้าก็ให้นางเป็นชายาเอกนะเสด็จพ่อ"
ตนไม่ได้ต้องการถอนหมั้นกับเฟิ่งอวี่เหิง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตั้งใจแต่งตั้งเฟิ่งอวี่เหิงเป็นพระชายาเอกเพื่อให้มีเกียรติสมกับฐานะของนางอยู่แล้ว และจะแต่งอี้หลิงฟางให้มาเป็นชายารองตามที่ได้คาดหวังไว้
ฮ่องเต้ได้ยินในสิ่งที่โอรสตัวเองกล่าวออกมาถึงกับหัวเสีย ไอ้บุตรชายสมองหมูคนนี้ยังคิดไม่ได้อีกรึว่าเพราะเหตุใดคุณหนูเฟิ่งถึงขอถอนหมั้นด้วย
"อวิ้นหลง สตรีบางคนไม่ได้สนใจในฐานะชื่อเสียงเพียงอย่างเดียวหรอกนะ ตอนที่เจ้าขอหมั้นหมายนาง เจ้าก็เป็นคนรับปากกับนางเองไม่ใช่รึว่าจะมีแค่นางเป็นสตรีข้างกายเพียงผู้เดียว?"
ครั้นได้ยินแบบนั้นฟู่อวิ้นหลงก็นึกถึงวันที่ตนเอ่ยคำมั่นสัญญาให้กับเฟิ่งอวี่เหิงก่อนที่จะได้หมั้นหมายกัน
‘องค์ชาย พระองค์สัญญากับหม่อมฉันได้หรือไม่ว่าจะมีหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียว หม่อมฉันเติบโตมาจากความรักที่ท่านพ่อมีแค่ท่านแม่เป็นคู่ชีวิต ไม่มีแม้แต่สาวใช้อุ่นเตียง หากองค์ชายรับปากข้าก็จะยอมหมั้นด้วยเพคะ’
‘ได้ ข้ารับปาก แล้วเจ้าเล่าจะมีแต่ข้าผู้เดียวใช่หรือไม่?’
‘หม่อมฉันสัญญา ว่าจะมีพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน’
"เสด็จพ่อ เสด็จพ่อก็ทรงทราบว่าพวกเราจะมีแค่ชายาเดียวไปได้อย่างไร นางเป็นถึงว่าที่พระชายาเอกจะมาจิตใจแคบเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจวนใดล้วนมีหลายเมียทั้งนั้น"
"แต่ไม่ใช่ที่จวนสกุลเฟิ่งและกับเฟยเทียน ขนาดข้าจะพระราชทานสมรสให้ เจ้านั้นยังปฏิเสธข้าอย่างไม่ไยดี ทำเหมือนว่าข้าไม่ใช่ฮ่องเต้เลยสักนิด อวิ้นหลง... พ่อจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง แคว้นเราเป็นแคว้นใหญ่และแข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใด ถึงขั้นที่จะต้องยอมรับการสมรสจากต่างแคว้นหรือจากเหล่าขุนนางเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ ทุกอย่างหากบรรดาบุตรของข้าไม่ยินยอม ข้าผู้เป็นบิดาก็ไม่บังคับจิตใจ ไม่ใช่บังคับเพื่อแก่งแย่งอำนาจกันทางการเมือง บิดาคงบอกเจ้าได้เพียงเท่านี้ เจ้ากลับไปเถิด ข้าจะอ่านฎีกาต่อ เพราะวันนี้ข้าเสียเวลากับเจ้ามามากแล้ว"
ฟู่อวิ้นหลงได้ฟังในสิ่งที่บิดาสั่งสอนก็นิ่งไป เขายืนเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณทำอะไรไม่ถูก
ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงสัมผัสได้ถึงความนิ่งเงียบของบุตรชายตน ก็แค่นเสียงหัวเราะออก สงสัยวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วเป็นแน่ เมื่อคิดได้แบบนั้นก็บอกเรื่องบางอย่างเพื่อจะดึงวิญญาณของบุตรตนกลับเข้าร่างโดยเร็ว
"อ๋อ ข้าลืมเล่าให้เจ้าฟัง เหล่าบรรดาพี่น้องของเจ้าที่ได้รู้ข่าวการถอนหมั้นของเจ้ากับคุณหนูเฟิ่งต่างพากันมาแย่งขอสมรสพระราชทานจากข้า หากข้าไม่ได้ออกราชโองการให้นางเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ข้าคงจะวุ่นวายทั้งวันเป็นแน่ เฮ้อ คุณหนูผู้นี้ช่างมากวาสนาเสียจริง มีแต่คนอยากแต่งไปเป็นพระชายา"
ฮ่องเต้แสร้งทำท่าทีกล่าวคำออกมาอย่างเหนื่อยใจ ทว่าคนที่ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าเปลี่ยนสีทันที ถึงกับกำหมัดเข้าหากันจนเล็บแทบจิกเนื้อตนเอง
"ไม่ ข้าไม่ยินยอมให้นางแต่งกับผู้ใด นางต้องเป็นชายาเอกของข้าคนเดียวเท่านั้น!" ฟู่อวิ้นหลงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
"จะเป็นได้อย่างไร อย่าลืมสิว่าเจ้ากับนางถอนหมั้นกันแล้วและอีกอย่างข้าได้ออกราชโองการให้นางเลือกคู่ครองได้ด้วยตนเอง หึ เจ้าจะทำเช่นไรเล่า...บุตรชายข้า"
"ยังไงข้าก็ไม่ยอม ข้าจะให้นางมาเป็นชายาเอกของข้าให้จนได้พ่ะย่ะค่ะ"
จบเรื่องจะพูดคุยต่อแล้ว ฟู่อวิ้นหลงจึงทูลลาเสด็จพ่อตนเอง เขาคิดเพียงเรื่องถอนหมั้นที่เกิดขึ้น ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทูลขอสมรสพระราชทานตนกับอี้หลิงฟางไปทันที
ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงมองคนที่เดินออกไปจากห้องแล้วก็สรวลออกมาอย่างพอใจ สมน้ำหน้า...
