บทที่ 5
วังหลวง หน้าห้องอักษรขององค์ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิง
"ฉินกงกง ข้ามาขอเข้าเฝ้าเสร็จพ่อ ไปแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าทีว่ามีเรื่องจะกราบทูล"
"เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าวันนี้มิให้ผู้ใดเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
ฟู่อวิ้นหลงได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเสด็จพ่อเป็นอะไร เหตุใดวันนี้จึงไม่ให้เข้าเฝ้ากัน
"แม้แต่ข้าผู้เป็นโอรสของเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?"
"เป็นเช่นนั้นขอรับ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาดขอรับ"
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาทูลขอให้เสด็จพ่อออกราชโองการสมรสให้แก่ตนกับอี้หลิงฟาง แต่เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งถึงขั้นว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาด แปลว่าวันนี้เสด็จพ่อคงไม่ต้องการพบผู้ใดจริง ๆ เอาเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาเข้าเฝ้าใหม่ก็ยังไม่สาย
"หากเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ ข้าก็คงต้องกลับก่อนแล้วจะมาเข้าเฝ้าใหม่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ฝากฉินกงกงแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าด้วย"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กงกงผู้นี้จะแจ้งกับฝ่าบาทให้เอง"
"อืม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"
หลังจากที่ฟู่อวิ้นหลงจากไปแล้ว ฉินกงกงได้เข้าไปรายงานกับฮ่องเต้ทันที
"ที่ให้ไปสืบเรื่องเจ้าสามกับบุตรสาวสกุลอี้ที่ชื่ออี้หลิงฟางเล่า ได้เรื่องอะไรมาบ้าง"
"เป็นอย่างที่ฝ่าบาทคิดไว้ไม่ผิด องค์ชายสามมีข่าวลือว่าชอบพอกับคุณหนูอี้นั้นเป็นความจริงและเหมือนจะชอบพอกันมาได้สักพักแล้ว ทั้งคู่ยังไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสองเป็นเหตุทำให้คุณหนูเฟิ่งเกิดการหึงหวงถึงขั้นลงมือพ่ะย่ะค่ะ ส่วนคุณหนูอี้ผู้นี้เป็นบุตรสาวของขุนนางอี้ชิงหลางกับอนุซือจิน หลังจากที่คุณหนูเฟิ่งลงมือกับคุณหนูอี้ไป องค์ชายสามก็ได้ประกาศต่อหน้าทุกคนที่โรงเตี๊ยมว่าจะแต่งคุณหนูอี้ให้มาเป็นชายาอีกคน พอหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่โรงเตี๊ยมแล้วองค์ชายได้เรียกหมอหลวงไปรักษาคุณหนู
หลิงฟางถึงในจวนโดยมีองค์ชายสามคอยอยู่ดูแลไม่ห่าง ทว่าไม่ได้ไปเยี่ยมคุณหนูเฟิ่งเลยพ่ะย่ะค่ะ"
คนที่กำลังเขียนพระราชโองการอยู่นั้นก็ได้วางพู่กันลงหลังจากได้ฟังขันทีคนสนิทรายงานเรื่องราว
"แสดงว่าที่เจ้าสามจะมาเข้าเฝ้าข้าคงเป็นเรื่องคุณหนูอี้อย่างแน่นอน สงสัยจะมาร้องขอให้ข้าพระราชทานสมรสให้ หึ"
"กระหม่อมก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ"
"เอาเถิดวันพรุ่งนี้คุณหนูเฟิ่งกับอวิ้นหลงก็จะสิ้นวาสนาต่อกันแล้ว ข้าเองก็อยากเห็นว่าบุตรชายสมองหมูของข้าจะมีท่าทีเช่นไร ยิ่งคิดข้ายิ่งไม่สบอารมณ์ ข้าให้กำเนิดบุตรชายที่สมองหมูเช่นนั้นมาได้อย่างไร!!"
ฉินกงกง "..."
เช้าวันใหม่ รถม้าของวังหลวงออกเดินทางไปยังจวนสกุลเฟิ่งตามคำสั่งขององค์ฮ่องเต้ทันที บรรดาองครักษ์ที่ยืนอารักขาอยู่หน้าจวนเมื่อเห็นรถม้าของวังหลวงกำลังใกล้มาถึงจวน ก็รีบวิ่งเข้าไปรายงานแก่เจ้านายตนให้ทราบทันที เหล่าใต้เท้าเฟิ่ง เฟิ่งฮูหยิน เฟิ่งอวี่เหิง กู่ม่านชิง ที่กำลังนั่งคุยกันที่เรือนรับรองก็ได้รีบพากันไปยังหน้าจวนเพื่อต้อนรับขบวนรถม้าของวัง
ฉินกงกงก้าวลงมาจากรถม้าพร้อมกับพระราชโองการที่อยู่ในมือตน
"เฟิ่งอวี่เหิงรับราชโองการ..."
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินชื่อของตนก็คุกเข่าเพื่อรับราชโองการทันที
"เฟิ่งอวี่เหิงเป็นคู่หมั้นคู่หมายขององค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง ทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉม ฐานะ กิริยากายวาจาและใจ แต่ด้วยทั้งสองสิ้นวาสนาต่อกันแล้ว ข้าเห็นสมควรยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างเฟิ่งอวี่เหิงและองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงให้พ้นพันธสัญญาที่มีต่อกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และอนุญาตให้เฟิ่งอวี่เหิงสามารถเลือกคู่ครองเองได้ สุดท้ายนี้ ข้าขอมอบไข่มุกหนึ่งหีบ แก้วเก้ามังกรหนึ่งคู่ ผ้าชั้นดีสิบพับ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เฟิ่งอวี่เหิงต่อไป จบราชโองการ"
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินราชโองการดวงตางามถึงกับน้ำตาคลอ ฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตากับตนจริง ๆ นอกจากจะยอมออกราชโองการถอนหมั้นให้แล้ว ยังมอบของขวัญกำนัลให้นางอีกด้วย
ฉินกงกงยื่นราชโองการให้คนตรงหน้า ยิ้มให้เฟิ่งอวี่เหิงอย่างอ่อนโยน
"เฟิ่งอวี่เหิงรับราชโองการ ขอฮ่องเต้อายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี"
"คุณหนูเฟิ่งลุกขึ้นเถิด"
"ลำบากฉินกงกงแล้วเจ้าค่ะ"
"เป็นหน้าที่ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย" ฉินกงกงพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
"ฉินกงกง ท่านเข้ามาดื่มชาข้างในเรือนก่อนเถิด" ใต้เท้าเฟิ่งเห็นฉินกงกงกำลังพูดคุยกับบุตรสาวอย่างเอ็นดูจึงได้เชิญให้เข้าไปดื่มน้ำชาด้วยกัน
"รบกวนใต้เท้าเฟิ่งแล้วข้าขอดื่มสักนิดเถิด อ่านราชโองการรู้สึกคอข้าแห้งเหลือเกิน"
ได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา แล้วพากันเดินเข้าไปยังเรือนรับรองเพื่อสนทนากันต่อไป
