บทที่ 4
เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ องค์ฮ่องเต้จะมอบราชโองการอะไรให้นางกัน ไม่ใช่ว่าเป็นสมรสพระราชทานอีกหรือ?
เฟิ่งจินหยวนเห็นท่าทางบุตรสาวของตนเองนิ่งไปก็นึกเอ็นดูขึ้นมา เจ้าคิดไปถึงไหนเล่าลูกพ่อ เจ้าจะกังวลเรื่องใดอีก ทั้งที่เจ้ามีพ่อคอยปกป้องเจ้าอยู่เช่นนี้ ครั้นเห็นสองพ่อลูกนิ่งไปเกินนาน กู่ม่านชิงอดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมา
"ราชโองการอะไรหรือเจ้าคะท่านลุง?" ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความสงสัย
เฟิ่งจินหยวนยิ้มมากขึ้น เขามองหน้าหญิงสาวทั้งสองคนสลับไปมา
"ราชโองการให้อาเหิงสามารถเลือกคู่ครองได้ด้วยตนเอง"
"ท่านพ่อ... ท่านพ่อพูดจริงหรือเจ้าคะ"
เฟิ่งอวี่เหิงถามบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นดีใจ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินจากปากบิดานั้นไม่ผิดเพี้ยนไปว่าฝ่าบาททรงให้สิทธิ์ตนได้เลือกคู่ครองเอง
ชายสูงวัยพยักหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม "พ่อจะโกหกเจ้าไปทำไมกัน ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาต่อเจ้า ทรงออกราชโองการให้เจ้าสามารถเลือกคู่ครองเองได้ แล้วพรุ่งนี้ก็จะให้ท่านฉินกงกงมาว่าราชโองการให้เจ้าด้วย"
"ท่านพ่อ ลูกดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ"
"ข้าก็ดีใจกับเจ้าด้วยนะเหิงเหิง"
"ขอบใจเจ้ามากนะชิงเอ๋อร์"
"เอาละ ๆ ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าสองคนแล้ว เชิญคุยกันต่อตามสบายเถิด"
"เจ้าค่ะ//เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังเฟิ่งจินหยวนเดินกลับเข้าไปในเรือน กู่ม่านชิงก็หันมากุมมือสหายของตนเพื่อแสดงความดีใจ
"เหิงเหิง วันนี้ข้าขอนอนกับเจ้าได้หรือไม่?" ใบหน้างามเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าจะมานอนกับข้าทำไมกัน?" เฟิ่งอวี่เหิงถามกลับด้วยความสงสัย
"ข้าอยากอยู่ฟังราชโองการกับเจ้า ข้าตื่นเต้นแทนเจ้า อิอิ"
"พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาก็ได้"
"ไม่เอา ข้าอยากนอนกับเจ้า ข้ากลัวว่าข้าจะมาฟังราชโองการไม่ทันและอีกอย่างข้าอยากกินอาหารฝีมือของท่านป้าด้วย ข้าคิดถึงอาหารฝีมือของท่านป้า นะ เหิงเหิง ให้ข้านอนกับเจ้านะ"
"จริง ๆ เลย ชิงเอ๋อร์"
เฟิ่งอวี่เหิงได้แต่ยอมใจกับสตรีข้างกาย ฟังเหตุผลที่สหายตนเองอ้างขึ้นมาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ กระนั้นนางก็ยินดีที่สหายจะมานอนด้วย
กู่ม่านชิงเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของจวนแล้วก็รีบให้สาวใช้ของตนเองกลับไปที่จวนสกุลกู่ เพื่อไปรายงานแก่บิดามารดาของตนทันทีว่าคืนนี้นางจะพักที่สกุลเฟิ่ง
ทางด้านองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง
ฟู่อวิ้นหลงกำลังไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของตนหลังจากเพิ่งกลับมาจากจวนของอี้หลิงฟาง เพราะเขาเป็นห่วงจิตใจของนางที่โดนเฟิ่งอวี่เหิงตบหน้าจนแทบเสียโฉม ทำให้ตนถึงกับต้องเรียกหมอหลวงมารักษานางถึงจวน เพราะกลัวว่าใบหน้าอันอ่อนโยนหน้าทะนุถนอมนั้นจะเป็นรอย
ยิ่งเห็นรอยนิ้วมือที่ใบหน้างาม ฟู่อวิ้นหลงได้แต่โมโหที่คู่หมั้นตนเองก่อเหตุรุนแรงกับนางถึงเพียงนี้ ครั้นกำลังจะไปต่อว่าเฟิ่งอวี่เหิงแต่กลับถูกอี้หลิงฟางห้ามไว้เสียก่อน
"องค์ชายสามเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ พระองค์อย่าไปต่อว่าคุณหนูเฟิ่งเลย" น้ำเสียงเจอปนไปด้วยความเศร้า
ได้ยินอี้หลิงฟางกล่าวด้วยท่าทางสะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร เขาได้แต่เก็บความโกรธเคืองไว้ในอก ในเมื่อนางขอร้องมา เขาก็ได้แต่ยอมทำตามแต่โดยดี บุรุษมีหรือจะไม่ใจอ่อนให้กับสตรีบอบบางและน่าทะนุถนอมเช่นนี้
"ฟางเอ๋อร์ ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร"
"หม่อมฉันเกรงว่าไม่เหมาะสมนะ องค์ชายอาจโดนนินทาได้นะเพคะ" นิ้วเรียวงามปาดไปยังน้ำตาที่ไหลริน
"ข้าเป็นคนพูดเองว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ถ้าข้าว่าเหมาะสมก็คือเหมาะสม ผู้ใดจะว่าอะไรได้ และที่สำคัญอีกไม่นานเจ้าจะได้มาเป็นชายาของข้า มีอะไรที่ไม่เหมาะสมอีก?"
อี้หลิงฟางได้ยินฟู่อวิ้นหลงพูดว่าจะให้นางไปเป็นชายา ก็ทำท่าทางหลบหน้าอย่างเขินอายจนแก้มแดง ฟู่
อวิ้นหลงเห็นท่าทางเขินอายของว่าที่พระชายาของตนก็อดที่จะลูบหัวนางไม่ได้ ทำไมฟางเอ๋อร์ของข้าถึงน่าเอ็นดูนักนะ
"ไหนเจ้าลองเรียกข้าใหม่สิ"
"เอ่อ ทะ ท่านพี่อวิ้นหลง" อี้หลิงฟางพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ฟู่อวิ้นหลงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจและไม่ลืมลูบหัวนางเป็นของรางวัลที่ทำตัวน่าเอ็นดู
ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก ฟู่อวิ้นหลงก็ขอตัวกลับวังเพื่อจะไปทูลขอพระราชโองการหมั้นหมายกับอี้หลิงฟางอย่างที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยมีสตรีที่ตนรักเดินไปส่งถึงรถม้า
คล้อยหลังฟู่อวิ้นหลงจากไปจนลับสายตา อี้หลิงฟางหญิงสาวท่าทางดูอ่อนโยนในตอนแรก ได้เปลี่ยนท่าทางเป็นอีกคนทันที จากที่ดูอ่อนโยนก็เป็นแข็งกร้าว สายตาที่เคยอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ซืออี๋เหนียงมารดาของอี้หลิงฟางที่คอยมองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าองค์ชายสามจากไปแล้วก็รีบเดินมาหาบุตรสาวของตนทันที
"เป็นอย่างไรบ้าง?"
"ซืออี๋เหนียงเข้าไปคุยกันในเรือนเถิด" อี้หลิงฟางบอกมารดาตนเองด้วยน้ำเสียงเรียบ
ไม่ดีนักที่จะพูดคุยกันตรงนี้ เพราะผู้คนพลุกพล่าน อีกทั้งบ่าวในจวนอีก หากนางเผลอเรียกมารดาว่าท่านแม่ตรงนี้ แล้วไปถึงหูฮูหยินคงกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เรือนของอี้หลิงฟาง
อี้หลิงฟางได้เล่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้ให้ซืออี๋เหนียงหรือมารดาของตนฟังทั้งหมด
"ลูกแม่เก่งมาก" ท้ายเสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจ
"เพราะมีท่านแม่คอยชี้นำข้าเจ้าค่ะ"
สองสตรีที่พูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าต้องทำให้องค์ชายหลงเจ้าให้มาก ๆ เข้าใจหรือไม่? อย่าลืมทำแบบที่แม่เคยบอกเจ้า บุรุษก็คือบุรุษ ต่อให้แข็งนอกก็อ่อนในหากเรารู้จุด"
"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง องค์ชายรับปากกับข้าแล้วว่าจะมาสู่ขอข้า ข้าสะใจนักตอนเห็นสภาพของคุณหนูเฟิ่งนั่น”
อี้หลิงฟางนึกเห็นสภาพของเฟิ่งอวี่เหิงก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ หึ รอก่อนเถิดนังเฟิ่งอวี่เหิง ข้าจะแย่งทุกอย่างของเจ้ามาเป็นของข้า ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความโปรดปราน หรือแม้แต่ชื่อเสียงดีงาม อะไรที่เป็นของเจ้า เกี่ยวกับเจ้า ข้าก็จะแย่งจากเจ้ามาให้หมด!
ซืออี๋เหนียงฟังบุตรสาวของตนเล่าให้ฟังก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ นางรู้สึกภูมิใจในตัวบุตรสาวไม่น้อย มิเสียแรงที่ลงทุนปีนเตียงนายท่านอี้จนได้เป็นอนุคนโปรด
ต้องขอบคุณฮูหยินเอกที่นางถือตัวเพราะคิดว่าตนเป็นบุตรของขุนนางเก่าแก่ ไม่สนใจวิธีเอาใจสามีของตนเองเลยแม้แต่น้อย นางสนใจเพียงอำนาจของฮูหยินเท่านั้น จึงทำให้นายท่านอี้มีสาวใช้อุ่นเตียงเต็มจวน
