บทที่ 3
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"
เฟิ่งอวี่เหิงกำลังนั่งนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างเหม่อลอย ก็ได้ตื่นขึ้นจากภวังค์เพราะเสียงเรียกของสาวใช้
"มีอะไรหรือ ชินชิน"
"คุณหนูกู่มาหาเจ้าค่ะ"
"ชิงเอ๋อร์มารึ งั้นเจ้ารีบไปเตรียมน้ำชากับของว่างมาให้สหายข้าด้วย"
"เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังสาวใช้ไปได้ไม่นาน ก็มีสตรีคนหนึ่งใส่ชุดสีชมพูอ่อนรูปร่างหน้าตาที่งดงามไม่น้อยไปกว่าเฟิ่งอวี่เหิง กำลังเดินมาหานางด้วยท่าทางราวกับหงส์ ถึงแม้จะรีบเดินก็ไม่ได้ทิ้งท่าเดินที่สง่างามนั้นเลย
"เหิงเหิง" เสียงไพเราะราวกับดนตรีเอ่ยเรียกด้วยความสนิทสนม
นางคือ กู่ม่านชิง สหายเพียงหนึ่งเดียวของเฟิ่งอวี่เหิง บิดากู่ม่านชิงเป็นถึงอดีตแม่ทัพใหญ่ แม้ตอนนี้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพเหมือนอย่างเดิมแล้วเพราะพี่ชายของนางขึ้นมารับตำแหน่งนี้แทน
"ชิงเอ๋อร์"
"เหิงเหิง ข้ามาหาเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" กู่ม่านชิงเอ่ยถามสหาย ทั้งที่ยังเดินมาไม่ถึงด้วยซ้ำ
เฟิ่งอวี่เหิงยิ้มให้สหายพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ "ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"
กู่ม่านชิงเดินมาถึงก็จับตัวสหายหมุนไปมา ราวกับกำลังหาร่องรอยบาดแผลว่าถูกทำร้ายหรือไม่ จนเฟิ่งอวี่เหิงต้องจับมือสหายนางไว้ให้หยุดหมุน ไม่เช่นนั้นคงไม่หยุดหมุนตัวนางอย่างแน่นอน
"ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ หยุดหมุนข้าได้แล้ว เจ้าหมุนข้าจนข้าเวียนหัวไปหมดแล้วนะ"
"ลองเจ้ามีบาดแผลดูสิข้าจะไปจัดการถึงที่เลย ทำไมเจ้าไม่มาชวนข้าไปด้วย ข้าจะไปช่วยฉีกหน้าสตรีไร้ยางอายกับชายผู้นั้น เหอะ! กล้าดียังไง คนหนึ่งก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่กลับไปกับสตรีอื่น อีกคนก็รู้ทั้งรู้ว่าองค์ชายมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังกล้ายุ่งด้วยอีก ข้าไม่ชอบใจเลยจริง ๆ เหิงเหิงนะเหิงเหิง แทนที่จะมาชวนข้าไปด้วยกลับไปเพียงคนเดียว เจ้าก็น่าจะรู้ตัวนะว่าเจ้าไม่ทันมารยาของอี้หลิงฟาง เหอะ!! หากเจ้าพลาดโดนทำร้ายขึ้นมาเล่า เจ้าจะทำอย่างไรเหตุใดถึงไม่คิดถึงคนที่เป็นห่วงเจ้าบ้าง"
กู่ม่านชิงได้ระบายอารมณ์ออกมาอย่างเก็บไม่อยู่เพราะนึกแค้นแทนสหายของตนเอง ส่วนเฟิ่งอวี่เหิงนั่งฟังสหายระบายอย่างเงียบ ๆ ได้แต่นั่งอมยิ้ม นางจิบชารอระหว่างเพื่อรอให้สหายตนหยุดพูด
"คอแห้งหรือไม่ ดื่มชาก่อนเถิด"
"นี่เจ้ายังมีอารมณ์ขันอีก ข้าน่ะเป็นห่วงเจ้าแทบนอนไม่หลับเลยนะ"
เฟิ่งอวี่เหิงเห็นท่าทางแง่งอนของกู่ม่านชิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
กู่ม่านชิงเห็นว่าสหายของตนมีอารมณ์ขันก็ทำให้ตนเองเบาใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง เพราะเมื่อวานหลังจากได้ยินข่าวลือจากปากคนใช้ของตนเอง ทำเอานางแทบนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงว่าสหายของตนจะคิดมากเรื่องขององค์ชายสามกับอี้หลิงฟาง
ความจริงนางจะมาหาเฟิ่งอวี่เหิงตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะเวลามันเย็นมากแล้วจึงได้แต่เก็บความกังวลไว้ พอถึงเช้าวันใหม่จึงรีบเดินทางมาหาสหายตนแต่เช้าตรู่
"ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะ" เฟิ่งอวี่เหิงย้ำกับสหาย
"เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่เป็นไร แล้วตอนนี้เจ้ายังเสียใจอยู่หรือไม่" น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"ถามว่าเสียใจหรือไม่ ข้าตอบตามจริงว่าข้ายังเสียใจ เสียใจที่ข้ามอบหัวใจให้บุรุษเช่นนั้น เสียใจที่ข้า
มอบความรักให้กับบุรุษที่ไม่เห็นค่า เสียใจที่เคยหลงเชื่อคำสัญญาที่ลวงหลอก เสียใจที่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าต้องมาทุกข์ใจเรื่องของข้า ทำให้ท่านแม่ท่านแม่ข้าโดนกล่าวหาไปด้วยว่ามีบุตรีที่ร้ายกาจ ข้ายังเสียใจจริง ๆ แต่ข้าไม่มีน้ำตาให้ชายผู้นั้นแล้วชิงเอ๋อร์"
กู่ม่านชิงได้ยินสหายตนกล่าวออกมาก็ดึงสหายของตนมากอดเพื่อปลอบโยนทันที เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าเฟิ่งอวี่เหิงรักองค์ชายสามเพียงใด
"ข้ารู้ สหายข้าเข้มแข็งและงดงามยิ่งกว่าผู้ใด เจ้าอย่าได้เสียใจนานเล่าข้าเป็นห่วง"
"ขอบใจเจ้ามากนะชิงเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว ข้านี่เป็นสหายที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย"
"ไม่เป็นไร เจ้าเป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของข้า ไม่ให้ห่วงเจ้าแล้วจะให้ห่วงผู้ใดกัน"
สตรีงามสองคนปลอบโยนกัน ก่อนหน้านี้บรรยากาศดูหดหู่จนปวดใจ แต่ตอนนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว เพราะเสียงหัวเราะของสองสาวงามดังมาเป็นระยะ ๆ ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ก็พลอยสุขใจขึ้นมาด้วย
"ได้ยินว่าองค์ชายประกาศว่าจะแต่งอี้หลิงฟางเข้าเป็นชายาเหมือนกันรึ แล้วเจ้าเล่าเหิงเหิง"
"ข้าไม่ได้สนใจเรื่องของสองคนนั้นอีกแล้ว จะแต่งหรือไม่แต่ง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า"
กู่ม่านชินที่ได้ยินเช่นนั้น นางก็ได้แต่งุนงงเอียงคอสงสัยกับคำพูดของสหาย
"ไม่เกี่ยวได้อย่างไร เจ้าเป็นคู่หมั้นองค์ชายไม่ใช่รึ?"
"แต่ก่อนนะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว"
"...." กู่ม่านชิง
"ท่านพ่อข้าไปทูลขอราชโองการถอนหมั้นกับฝ่าบาทให้ข้าแล้ว"
เพล้ง!
กู่ม่านชิงได้ยินแบบนั้นถึงกับทำจอกชาตกจากมือ
"จริงรึเหิงเหิง เจ้าพูดจริงรึ ข้าดีใจกับเจ้าด้วยจริง ๆ ในที่สุดเจ้าก็โสดเป็นเพื่อนข้าแล้ว เย่! แล้วนี่ท่านลุงกลับมาจากวังหรือยัง ฝ่าบาทจะทรงออกราชโองการถอนหมั้นให้เจ้าวันไหน วันนี้หรือพรุ่งนี้ ข้า...ข้าดีใจแทนเจ้าจริง ๆ"
เฟิ่งอวี่เหิงเห็นท่าทีของสหายรัก นางถึงกับหัวเราะออกมา กู่ม่านชิงนั้นทำให้นางยิ้มได้เสมอ
"เจ้าดีใจเพราะข้าจะเป็นโสดเหมือนเจ้าใช่หรือไม่ชิงเอ๋อร์"
ด้านเจ้าตัวที่ถูกรู้ทันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ที่ผ่านมาตนต้องไปเดินตลาดเพียงคนเดียวลำพัง เพราะสหายตนใช้เวลากับคู่หมั้นเสียส่วนใหญ่ แต่นับตั้งแต่นี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้ไปเดินตลาดกับสหายตนเองอีกแล้ว
"ฝ่าบาททรงออกราชโองการถอนหมั้นให้อาเหิงพรุ่งนี้" เสียงชายชราบอกกล่าวกับหญิงสาวทั้งสองคน
เฟิ่งอวี่เหิงและกู่ม่านชิงที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นได้หันไปตามเสียงทุ้มที่เอ่ยเรื่องน่ายินดีให้ฟังทันที
"ท่านพ่อ///ท่านลุง"
"ลูกคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"
"หลานคารวะท่านลุงเจ้าค่ะ"
"นั่งลงเถิดชิงเอ๋อร์ ลุงมีเรื่องบอกกล่าวกับอาเหิงเจ้าก็นั่งฟังด้วยสิ"
กู่ม่านชิงพยักหน้าราวไก่จิกข้าวสาร จากนั้นรีบนั่งลงข้าง ๆ สหายของตนเองทันที
เฟิ่งอวี่เหิงมองสายตาบิดารู้สึกสบายใจ เพราะสายตาของบิดาที่มองมาหาตนนั้น เป็นแววตาที่มีความดีใจปะปนอยู่
"อาเหิง ฝ่าบาททรงรับปากว่าจะออกราชโองการถอนหมั้นของเจ้ากับองค์ชายในวันพรุ่งนี้"
"จริงหรือเจ้าคะ"
"ย่อมเป็นเรื่องจริง"
สตรีสองนางที่ได้ยินเช่นนั้นก็กุมมือกันอย่างดีใจ
"ฝ่าบาทยังทรงมีพระเมตตาว่าราชโองการให้เจ้าอีกเรื่องด้วย"
