บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงของคนคนหนึ่งดังขึ้นมา

"พ่อจะทูลขอกับฝ่าบาทเรื่องถอนหมั้นให้เจ้าเอง"

"ท่านพี่//ท่านพ่อ"

ทั้งสองคนหันหน้าไปตามเสียงทุ้มที่เอ่ย ปรากฏว่าเป็นประมุขของจวนสกุลเฟิ่ง 'เสนาบดีเฟิ่งจินหยวน'

ความจริงเฟิ่งจินหยวนกลับมาถึงจวนได้สักพักแล้ว เนื่องจากได้ยินข่าวลือของบุตรสาวที่เกิดขึ้นในวันนี้ จึงรีบกลับมาที่จวนทันที

เมื่อมาถึงจวนก็ได้ยืนมองดูสองแม่ลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจของตนเองกอดกันร้องไห้ คนเป็นพ่อเห็นบุตรสาวของตนเองร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะเรื่องที่คู่หมั้นของตนเองไปกับหญิงอื่น เมื่อเฟิ่งอวี่เหิงรู้จึงตามไปอาละวาดถึงขั้นลงไม้ลงมือ จนองค์ชายสามได้ประกาศว่าจะแต่งอี้

หลิงฟางเข้าวัง ทำให้เป็นข่าวลือทั่วทั้งเมืองหลวง

"ลูกพ่อ"

"ท่านพ่อ... ฮือออ" เฟิ่งอวี่เหิงเห็นเช่นนั้นก็วิ่งเข้าไปสวมกอดบิดาทันที ทางเสนาบดีเฟิ่งก็อ้าแขนรับอ้อมกอดของลูกสาวที่ตนรัก พร้อมลูบหัวเพื่อปลอบโยน

"เจ้าไม่ต้องคิดสิ่งใดให้ปวดหัว เรื่องถอนหมั้นพ่อจะไปทูลขอกับฝ่าบาทเอง"

"ฝ่าบาทจะทรงยอมให้ถอนหมั้นหรือเจ้าคะ"

เสนาบดีเฟิ่งไม่พูดเปล่า นำนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลใสของบุตรสาวตนเองอย่างเบามือ ในใจนึกโกรธแค้นฟู่อวิ้นหลงคนนั้นที่ทำให้บุตรสาวตนเองเสียน้ำตาขนาดนี้

ตนเลี้ยงนางมาด้วยความรักและอย่างทะนุถนอมไม่เคยให้บุตรสาวมีเรื่องเสียใจ องค์ชายสามนั้นกล้าดียังไงมาทำให้นางเสียน้ำตาเช่นนี้ ยิ่งคิดยิ่งแค้น นึกแล้วโกรธตัวเองไม่น่ายอมให้นางไปหมั้นกับผู้ชายใจโลเลแบบนั้นเลย

หากไม่ใช่เพราะบุตรสาวมาขอร้องว่าชอบพอกับฟู่อวิ้นหลง มีรึที่ตนจะยินยอมให้หมั้นหมาย เพราะตนนั้นไม่ได้คิดอยากให้บุตรสาวที่รักปานดวงใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าวังหลังนั้น สตรีแก่งแย่งกันเพียงใด เพื่อให้ได้เป็นที่โปรดปราน

ฮึ!! ดีเหมือนกันที่เกิดเรื่องแบบนี้ ทำให้บุตรสาวของตนคิดได้

"เจ้าไม่ต้องกังวลไม่ว่าฝ่าบาทจะกล่าวเช่นไร พ่อจะเป็นคนรับไว้เอง"

เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นก็กอดพ่อของตนเองอีกรอบพร้อมทั้งคุกเข่าขอโทษต่อหน้าบิดามารดา ทำเอาทั้งสองคนตกใจกับการกระทำของบุตรสาว

"ข้าขอบคุณท่านพ่อกับท่านแม่มากเจ้าค่ะ ลูกอกตัญญูยิ่งนักทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นทุกข์ ได้โปรดอภัยให้ลูกที่ไม่เอาไหนคนนี้ด้วยนะเจ้าคะ"

"โธ่... อาเหิงลูกแม่ลุกขึ้นเถิด พ่อกับแม่ไม่ได้โกรธเจ้าเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้พ่อกับแม่เองก็มีความผิดที่ปล่อยให้เจ้าได้เจอเรื่องเจ็บปวด เจ้าอย่าโทษตัวเองเลยนะ" เฟิ่งฮูหยินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

"ท่านพ่อ ท่านแม่"

ภาพของสามคนพ่อแม่ลูกที่กอดกันอย่างรักใคร่ บ่าวในจวนถึงกับพากันเช็ดน้ำตา เรื่องข่าวลือเหล่านั้นจริงเท็จเพียงใดพวกเขารู้ดี คุณหนูของพวกเขาไม่ได้มีนิสัยร้ายกาจแบบที่ผู้คนเขาลือกัน

ยิ่งมาเห็นภาพแบบนี้ยิ่งทำให้พวกบ่าวรู้สึกสงสารคุณหนูจับใจ แต่อีกใจก็รู้สึกยินดี ในไม่ช้าคุณหนูกำลังจะได้ถอนหมั้นกับชายที่ไม่เห็นคุณค่าความรักที่มอบให้สักที

เช้าวันใหม่

เสนาบดีเฟิ่งรีบเดินทางออกจากจวนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าวังและขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว เพราะวันนี้เขาจะทูลขอราชโองการถอนหมั้นบุตรสาวของตนกับองค์ชายสามด้วยตนเอง!

ถึงการหมั้นของบุตรสาวเขาจะไม่ใช่สมรสพระราชทาน แต่เพราะเป็นการหมั้นกับเชื้อพระวงศ์ ยังไงเสียเขาก็ต้องเข้ามากราบทูลขอพระราชโองการการถอนหมั้นกับฮ่องเต้

วังหลวง

"ถวายบังคมฝ่าบาท"

"ไม่ต้องมากพิธี ใต้เท้าเฟิ่งมาหาข้าแต่เช้าขนาดนี้ คงเป็นเรื่องคุณหนูเฟิ่งบุตรสาวของท่านใช่หรือไม่"

น้ำเสียงกังวานเอ่ยถามฟังดูน่าเกรงขามแก่ผู้ที่ได้ยิน เบื้องหน้าเฟิ่งจินหยวนมีบุรุษนั่งทรงงานอยู่ด้วยท่าทางที่สง่าสมกับเป็นโอรสสวรรค์

"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมบังอาจทูลขอให้ออกราชโองการถอนหมั้นของบุตรสาวของกระหม่อมกับองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงพ่ะย่ะค่ะ"

คนที่กำลังอ่านฎีกาอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมา คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ เสนาบดีเฟิ่งรักลูกสาวตนเองยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งหมดเป็นเพราะบุตรชายที่โง่เง่าของตนไปคว้าก้อนกรวดแต่กลับทิ้งเพชรในมือไป

แทนที่จะเอาใจคนที่สามารถเพิ่มอำนาจให้แก่ตัวเองในภายภาคหน้า แต่กลับเลือกคนที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เสียอย่างนั้น ช่างสมองหมูยิ่งกว่าผู้ใด

"ได้ ข้าจะออกราชโองการถอนหมั้นให้เองและเพื่อเป็นการขอโทษจากข้า แทนลูกชายที่ไม่เอาไหนข้าจะออกราชโองการให้เลือกคู่ครองได้ด้วยตนเองไปด้วยดีหรือไม่"

เสนาบดีเฟิ่งได้ยินแบบนั้นถึงกับคุกเข่าลงด้วยความดีใจ องค์ฮ่องเต้ทรงออกราชโองการให้บุตรสาวสามารถเลือกคู่ครองได้ด้วยตนเองได้ ก็แปลว่าไม่มีใครจะมาบังคับให้บุตรสาวตนออกเรือนด้วยได้หากบุตรสาวของตนเองไม่ยินยอม แม้แต่องค์ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถออกราชโองการสมรสพระราชทานให้ได้ ดี ดี เหลือเกิน

"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตาบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"

"เอาเถิดๆ ลุกขึ้นได้แล้วจะคุกเข่าไปทำไมกัน ไม่ใช่ความผิดของบุตรสาวเจ้า แต่เป็นความโง่เขลาของบุตรชายข้าเอง พรุ่งนี้ข้าจะให้ฉินกงกงไปว่าราชโองการถอนหมั้นที่จวนให้ก็แล้วกัน"

"ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"

"เอาล่ะ ท่านไปได้แล้วข้าจะอ่านฎีกาต่อ"

"กระหม่อมขอกราบทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากที่เสนาบดีเฟิ่งเดินออกไปจากห้องทรงอักษร องค์ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงก็หันไปพูดคุยกับขันทีคนสนิทของตนเอง

"ฉินกงกง เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร"

ฮ่องเต้ถามคนสนิทของตนเองด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

"ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยได้พระปรีชาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ออกราชโองการให้คุณหนูเฟิ่งเลือกคู่ได้ด้วยตนเองเพื่อกันไม่ให้เกิดการแก่งแย่งจากเหล่าองค์ชาย ฝ่าบาทตัดสินพระทัยถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

"ใช่ ที่ข้าต้องออกราชโองการนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะสงสาร อีกส่วนเพื่อกันความวุ่นวาย เฮ้อ... ข้าอยากพักแล้ว วันนี้ข้าไม่อยากพบใคร หากไม่ใช่เรื่องตายไม่ต้องให้ผู้ใดเข้ามาพบข้า"

องค์ฮ่องเต้รู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อคิดถึงความวุ่นวายที่กำลังจะเกิด แค่คิดว่าหากฮองเฮาและบรรดาพระชายาของตนได้ยินราชโองการถอนหมั้นของฟู่อวิ้นหลงกับคุณหนูเฟิ่ง คงต้องรีบพากันมาเข้าเฝ้าเพื่อขอพระราชทานสมรสกับเหล่าบุตรชายของตนแน่ ๆ

ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ เจ้าสามนี้โง่งมจริง ๆ มีเพชรอยู่ในกำมือแต่กลับไปคว้าเอาก้อนกรวด เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าได้ยินราชโองการถอนหมั้นแล้วจะเป็นอย่างไร

ฮ่องเต้พอจะคิดภาพของบุตรชายโง่เง่าของตนเองออก ก็ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

‘หึ ต่อให้เจ้าเป็นบุตรชายข้า ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะ เจ้ามันโง่เอง ช่างสมองหมูจริง ๆ’

จวนสกุลเฟิ่ง

หญิงสาวในชุดเขียวอ่อนหน้าตางดงามล่มเมืองกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาสระบัวในจวนของตนเองอย่างเงียบ ๆ

ทบทวนนึกเรื่องราวที่ผ่านมา มันเริ่มจากตอนไหนกัน

ตอนไหนกันที่ตนหลงรักฟู่อวิ้นหลง

ตอนที่เขาช่วยในขณะกำลังตกบันไดที่โรงน้ำชา

หรือตอนที่เขาขอผ้าเช็ดหน้าจากนาง หลังจากที่เขาเก็บได้ไปเป็นของตนเอง

แล้วชื่อเสียงร้ายกาจของนางเริ่มจากตอนไหนกัน นางไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงคิดว่านางร้าย ที่ไปตบตีสตรีอื่นเพื่อแย่งชิงของที่เป็นของตนเองกลับคืนมา

แล้วเหตุใดถึงไม่มีใครกล่าวโทษคนที่ทำให้ข้ากลายเป็นเช่นนี้?

หญิงสาวนั่งหลับตานึกถึงคำพูดในอดีตที่ฟู่อวิ้นหลงเคยให้สัญญากับนาง

"อวี่เหิง ข้าว่าเจ้าใส่ชุดสีแดงดีหรือไม่ดูเหมาะสมกับเจ้าดี"

"อวี่เหิง ข้าไม่ชอบสายตาบุรุษที่มองดูเจ้าเลย เจ้าหมั้นกับข้าได้หรือไม่"

"อวี่เหิง ข้าจะมีแค่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว ข้าจะไม่มองหญิงอื่น แต่เจ้าสัญญาได้หรือไม่ว่า ว่าเจ้าจะมีข้าแค่คนเดียว"

"อวี่เหิง เจ้าเลิกตามข้าได้หรือไม่ บางทีข้าก็อยากอยู่คนเดียวเพียงลำพัง"

"อวี่เหิง เจ้าไม่ต้องทำสิ่งของส่งมาให้ข้าอีกแล้ว เพราะข้ามีทุกอย่างที่เจ้าทำมาให้แล้ว"

"เพคะ องค์ชาย..."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel