ตอนที่ 5 ทำตัวดีๆ 1
"คุณเกื้อครับ คุณเอยยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ครับ"
เกื้อเงยหน้ามองไอ้คนขับรถตาดีผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะหันสายตาไปทางป้ายรถเมล์ ที่จอดรถที่ว่างอยู่จนเขาคิดว่ายายนั่นหนีกลับบ้านไปแล้วเสียอีก
"ให้จอดรับไหมครับ"
นึกอยากด่าไอ้คนคุณธรรมสูง แต่ถ้าเขาปฏิเสธมันจะดูโหดร้ายไปสินะ ในชั่วโมงเร่งด่วนแม้แต่รถแท็กซี่ยังหายาก
ประตูรถตู้คันหรูค่อยๆ เลื่อนเปิดช้าอยู่ตรงหน้า เธอจำได้ว่ารถของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่ไม่คิดว่าเขาจะจอดรับ
กำลังจะก้าวขยับขาแต่เมื่อเห็นสีหน้าคนที่นั่งอยู่บนรถเธอจึงได้แต่ยืนนิ่ง
เขาอาจจะแค่แวะพูดอะไรกับเธอหรือเปล่า
"สมพงษ์ออกรถ"
เมื่อเห็นเธอยังยืนนิ่ง เขาจึงสั่งคนขับรถเสียงเข้ม
"เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ"
ถ้าคุณสมพงษ์ตีนผีอีกสักนิดเธอคงก้าวเท้ากระโจนขึ้นนั่งบนรถตู้คันหรูไม่ทัน
"ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะแวะรับด้วย"
เขาไม่ใช่คนที่จะแวะรับ จึงไม่ตอบ ส่วนคนที่ตั้งใจแวะรับจึงเอ่ยถามภรรยาของเจ้านายแทน
"คุณเอยให้ผมส่งที่ไหนครับ"
เธอบอกถนนเส้นทางของเธอเหมือนจะแยกกับเจ้านายตัวเอง สมพงษ์แหงนหน้ามองกระจกสบตากับเจ้านายพอดี สายตาเข้มๆ คล้ายอยากด่านั่นเป็นคำตอบได้ดี เมื่อคุณเกื้อไม่เอ่ยอะไร ก็หมายความว่าจะแวะส่งเมียเจ้านายได้ก่อน
เกื้อมองดูสำนักงานให้เช่าพร้อมโกดังขนาดไม่ใหญ่นัก แอบเหล่สายตามองชื่อบริษัทของเธอ
"ขอบคุณมากนะคะ"
คำขอบคุณนั่นยังเอื้อนเอ่ยไปถึงคนขับรถด้วย
เกื้อกลับมาถึงบริษัทสายกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ชาญวิทย์เลขาคนสนิทถึงกับมองด้วยความสงสัย
"ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องฉันด้วยนะ"
"แต่แม่บ้านเพิ่งเข้าไปเมื่อวานเองนี่ครับ"
คนสั่งไม่ตอบคำถามแต่กลับใช้สายตามองกลับ
"ครับ เข้าใจแล้วครับ"
"อ้อ ช่วยตรวจสอบบริษัทนี้ให้ฉันหน่อย"
เกื้อจดชื่อบริษัทที่เห็นตอนจอดส่งเธอที่หน้าออฟฟิศส่งให้เลขา "ขอแบบละเอียดๆ หน่อยนะ ถ้าจะให้ดีขอประวัติรายชื่อผู้ถือหุ้นมาด้วย"
"ได้ครับ"
อาหารเย็นที่ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน โดยมีเพียงบุญผู้เป็นแม่เป็นคนจัดเตรียม ส่วนเธอและเต้ก็เพียงช่วยหยิบจับตามคำสั่งอยู่ในครัวหลังบ้าน
เพราะความสนิทสนมของทั้งสองครอบครัว เมื่อครั้งหนึ่งเต้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของครัวเธอ และเธอก็เข้านอกออกในกับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามได้ราวกับเป็นลูกสาวอีกคนของพ่อแม่เต้
แต่เมื่อกิจการโรงแรมของครอบครัวเต้ใหญ่โตขึ้นและขยายสาขาไปทางภาคเหนือครอบครัวของเต้จึงได้ย้ายหลักปักฐาน ในขณะที่พ่อเธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นถึงอธิบดีกรม แต่เพราะที่บ้านไร้ธุรกิจและบ้านหลังนี้ก็ไม่ถือว่าอึดอัดจนต้องขยับขยาย เธอจึงยังคงอยู่ที่เดิมแม้ตอนนี้จะมีกิจการเล็กๆ เป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังซบไออุ่นอยู่ใต้ชายคาบ้านที่อยู่มาแต่อ้อนแต่ออก
จนถึงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง
"พ่อเขาน่าจะกลับดึก เรามาทานข้าวกันก่อนดีกว่า"
คุณแม่จัดโต๊ะอาหารเสร็จก็เรียกลูกมืออีกสองคนที่ยังอยู่ในครัวให้มาทานข้าว
คนที่คิดว่าจะกลับดึกกลับมาถึงบ้านตอนที่เธอกำลังช่วยแม่เก็บโต๊ะอาหารพอดี
"อ้าว ยายเอย ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ"
"พอดีเต้ลงมาจากเชียงใหม่น่ะค่ะ เลยอยากมาเยี่ยมแม่กับพ่อ"
จรัสชัยยกมือรับไหว้เพื่อนเล่นของลูกสาวตั้งแต่วัยเด็กที่คุ้นเคยกันมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ทั้งที่เมื่อก่อนก็ออกจะเอ็นดูลูกชายของบ้านฝั่งตรงข้าม แต่ในเมื่อวันนี้ลูกสาวตัวเองออกเรือนไปแล้ว และเวลานี้ก็ควรที่จะอยู่บ้านของเจ้าสัวมงคลด้วยซ้ำ
"ขึ้นไปคุยกับพ่อบนห้องหน่อย"
เสียงเรียบของผู้เป็นพ่อ จึงทำให้เต้ต้องเอ่ยร่ำลาขอตัวกลับก่อนอย่างมีมารยาท ออกจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้ดี
เธอยืนส่งเพื่อนอยู่ที่หน้าบ้านก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องทำงานชั้นสองของผู้เป็นพ่อ
"ทำไมวันนี้มาอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปบ้านเจ้าสัวมงคลหรือ"
"เปล่าค่ะ"
"งั้นแกก็รีบไปบ้านเจ้าสัวตอนนี้เลย"
"ทำไมคะ"
"วันนี้พ่อไปตีกอล์ฟกับเจ้าสัวเขาเชิญพ่อไปกินข้าวที่บ้านด้วย บอกว่าลูกกับลูกชายเขาก็จะเข้ามา"
ขวัญเอยยั้งปากไว้ได้ทัน 'ก็เขาไม่ได้ชวน' แต่เมื่อเห็นสายตาของพ่อเธอจึงได้แต่รับฟังเงียบๆ แต่สีหน้าเธอก็คงไม่พ้นสายตาของผู้เป็นพ่ออยู่ดี
"รีบไปเดี๋ยวพ่อจะให้คนขับรถไปส่ง"
"แต่..."
"พ่อสั่งให้รีบไป"
"ค่ะ"
คงเพราะกลัวว่าแค่รับปากแต่เจ้าตัวจะไปไม่ถึงบ้านเจ้าสัว คนขับรถของท่านอธิบดีจึงมาจอดรอลูกสาวเจ้านายตัวเองอยู่ที่หน้าบ้านเรียบร้อย
เธอถูกส่งจนถึงหน้าประตูบ้านเจ้าสัว ดูจากที่พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าบ้านเปิดประตูให้เข้ามาได้ง่ายๆ รวมถึงแม่บ้านที่รีบวิ่งมาต้อนรับและยังพยักหน้าทักทายกับคนขับรถของพ่อเธอ ก็ทำให้เธอพอจะเข้าใจได้บ้างว่าพ่อคงจะสนิทกับคนบ้านนี้ไม่น้อย หรืออาจจะเคยมาที่นี่บ่อยครั้ง
"คุณขวัญเอยใช่ไหมคะ"
แม่บ้านที่มาต้อนรับหน้าบ้านเอ่ยทัก พอดีกับคนขับรถของพ่อขับรถออกไปโดยทิ้งเธอไว้ที่นี่
"ใช่ค่ะ"
"ท่านเจ้าสัวกับคุณเกื้ออยู่ที่ห้องอาหารค่ะ"