ตอนที่ 4 แวะรับ
แม้จะยังทำใจไม่ได้ แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงานเต้ก็กลับมารับเพื่อนสนิทในวัยเด็ก รอยยิ้มที่พยายามจะยิ้มให้ได้เหมือนเดิมส่งให้หญิงสาวที่กำลังจะเปิดประตูรถตัวเอง
"อ้าว นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว"
"ต้องมาสิ เราสัญญากับเอยไว้แล้วนี่"
สัญญาทุกอย่างเขาจำได้ดี สัญญาตั้งแต่วัยเด็ก หรือแม้แต่สัญญาที่เธอไม่ได้ใส่ใจ ว่าเขาจะดูแลเธอไปตลอด
"ไปกินร้านไหนดี เดี๋ยวเราขับรถตามไป"
"ไปด้วยกันเถอะ เดี๋ยวเราขับรถไปส่ง ถ้าไม่มีรถมาทำงานเดี๋ยวตอนเช้าเราไปรับเอง"
"ไม่เป็นไร แค่ไปส่งก็พอ"
ขวัญเอยจึงยอมปิดประตูรถตัวเองลง แล้วก็เดินไปทางรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ไม่ห่างนัก
"ทำไมมันถึงกะทันหันนักล่ะ"
เต้เกริ่นขึ้นและเธอก็รู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องไหน
"ผู้ใหญ่เขาตกลงกันน่ะ ขนาดเราเองยังรู้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ไม่ได้เชิญใครเลยสักคน เต้ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ"
มันเสียใจไปแล้วต่างหาก
เต้ละสายตาจากถนนมามองคนข้างๆ เพียงนิดก่อนจะหันสายตากลับ
แล้วก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหายเสียใจ
"ใครหรือ คนที่เอยแต่งงานด้วย"
"คุณเกื้อน่ะ เกื้อ โชติวรพงษ์" เต้พยักหน้ารับรู้
"เขาดีกับเอยไหม"
"ก็...ยังไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่เคยคุยกันจริงจังๆ สักที"
"หมายความว่ายังไง"
"ก็ยังไม่เคยคุยกันเลยนั่นแหละ"
"เอยย้ายไปอยู่กับเขาแล้วไม่ใช่หรือ"
"อือ ก็ต่างคนต่างอยู่ นอนก็นอนคนละห้อง เหมือนเขาไม่ค่อยชอบเรามั้ง หรืออาจจะเกลียดที่โดนบังคับแต่งงานก็ได้"
"แล้วเอยล่ะ"
"เราหรือ...ไม่รู้สิ เราไม่รู้จะทำยังไงได้"
ดวงตาคู่สวยหม่นลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่ไม่รู้จะทำยังไง ดูเหมือนมันจะมีหลายเรื่องไปเสียเหลือเกิน
เต้พอเข้าใจสถานการณ์ของคนทั้งคู่ อยากจะถามเยอะกว่านี้ให้หายข้องใจถึงความสัมพันธ์ของเธอในอนาคต แต่เมื่อนึกได้เขาก็ควรใจเย็นกว่านี้ก่อน
"แล้วเรื่องงานล่ะ"
"ไม่ค่อยดีเท่าไรช่วงนี้"
"ถ้ามีอะไรให้เราช่วยบอกได้นะเอย ห้ามเกรงใจเด็ดขาด"
"อืม ถ้าเราไม่ไหวจริงๆ จะขอความช่วยเหลือจากเต้นะ"
"ได้"
"ขอบคุณคร๊าบ...เพื่อนรัก"
เต้หันไปมองคนข้างๆ อีกครั้ง เพราะสรรพนามที่เธอใช้เรียกเขา เพราะคำนี้คำเดียวมันถึงทำให้เธอไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
รถคันหรูแล่นมาถึงร้านอาหารกลางกรุง ร้านเดิมที่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเขาได้ลงมากรุงเทพ เต้ก็มักจะเลือกร้านนี้เสมอ
แค่เพียงพนักงานรับออร์เดอร์คล้อยหลังเดินไป เต้ก็ยิงคำถามใส่ขวัญเอยทันที
"เอย เล่าให้เราฟังอย่างละเอียดเลยนะ"
"ก็อย่างที่เราพูดให้ฟังนั่นแหละ ผู้ใหญ่เขาตกลงกัน"
"แล้ว เขาไม่ชอบเอยหรือ"
"คงงั้นแหละ"
"ลองคุยเรื่องหย่ากับเขาหรือยังล่ะ ถ้าเกิดต่างคนต่างไม่ได้รักกัน"
"ทางเขาเราไม่รู้ แต่ทางเราน่าจะยากพอจดทะเบียนเสร็จพ่อก็เก็บทะเบียนสมรสไปเลย ไม่รู้ถ้าจะหย่าไม่มีใบสำคัญนั่นไปด้วยจะเป็นไรไหม"
แม้อยากจะพูดอะไรต่อจากนั้น แต่เห็นสีหน้าของเพื่อนไม่สู้ดีนัก เต้จึงเลือกที่จะหยุดเรื่องไว้แค่นี้ก่อน คงต้องให้เวลาเธอสักพัก
"แล้วงานเป็นไงบ้าง"
"ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ลูกค้าแคนเซิลออร์เดอร์ล็อตใหญ่"
"มีอะไรให้เราช่วยไหม เรื่องเงินหรือเรื่องอะไรก็ได้นะเอย อย่าเห็นเราเป็นคนอื่น"
"ถ้าไม่ไหวจริงๆ เราจะบอกเต้เป็นคนแรกเลย"
"โอเค"
คิดว่าเปลี่ยนเรื่องคุยจะทำให้สีหน้าเธอดีขึ้น แต่เหมือนเรื่องงานเพื่อนสนิทก็คล้ายจะมีปัญหา เรื่องบนโต๊ะอาหารต่อจากนั้นจึงกลายเป็นเรื่องสัพเพเหระ จึงพอได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ เสียงหัวเราะเบาๆ ของเธอขึ้นได้บ้าง
"พรุ่งนี้ให้เรามารับกี่โมง"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราให้เลขามาแวะรับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ นะ ไว้วันเสาร์เจอกันที่บ้านนะ"
"โอเค"
ขวัญเอยยืนมองรถคันหรูแล่นออกไปแล้ว จึงได้กลับขึ้นห้อง
ที่จอดรถสำหรับชั้นเพนต์เฮาส์ในวันนี้จึงไร้รถสัญชาติญี่ปุ่นของเธอจอดอยู่ เจ้าของห้องที่กลับมาดึกดื่นไม่เห็นรถสีขาวคุ้นตาจึงได้แต่ยกยิ้มเย้ยหยันเธออยู่ในที
สงสัยจะหนีกลับบ้านไปแล้วมั้ง
ที่คิดว่าเธอคงจะหนีกลับไปนอนบ้าน เกื้อจึงได้รู้ในตอนเช้าว่าเธออยู่ที่ห้องเขานี่แหละ เพราะอาหารเช้าง่ายๆ สไตล์อเมริกันที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมกาแฟดำในแก้วที่ยังอุ่นๆ อยู่ แต่เขาก็ไม่เห็นคนทำอยู่ในห้องแล้ว
เกื้อหยิบแก้วกาแฟขึ้นมองอย่างชั่งใจก่อนจะจิบไปเพียงนิด แล้วก็ต้องจิบซ้ำด้วยอึกที่ใหญ่กว่าเดิม ต้องยอมรับว่าเธอเลือกเมล็ดพันธุ์กาแฟได้ดี กลิ่นหอมติดจมูกรสชาติขมปลายลิ้นอย่างที่เขาชอบ
จากที่ยืนกินเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งหน้าจานอาหารหั่นไส้กรอกกับไข่ดาวเข้าปากไปเสียหลายคำ แล้วก็ปล่อยจานกับแก้วกาแฟไว้อย่างนั้น