ตอนที่ 2 ปัญหา 1
"วันนี้มาคนเดียวหรือครับ"
"ค่ะ พอดียายฟ้าไม่ว่างค่ะ"
ขวัญเอยโกหกคำโต เพราะแท้ที่จริงเธอแค่อยากนั่งฟังเพลงคิดอะไรเพลินๆ คนเดียวเท่านั้น จึงไม่ได้ชวนเพื่อนสนิทอย่างฟ้าใสมาด้วย
"อยากได้เพลงอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะร้องให้ฟัง เห็นหน้าคุณเอยดูเครียดๆ จังเลยวันนี้"
เธอเผลอยกมือทั้งสองข้างขึ้นตีแก้มตัวเองเบาๆ เมื่อถูกทักว่าทำน่าเครียด แม้จะจริงก็เถอะ
"คุณโซนร้องเพราะทุกเพลงอยู่แล้วค่ะ เอยไม่รู้จะขอเพลงอะไรเลย"
"งั้นเดียวผมร้องเพลงที่คุณเอยเคยขอครั้งแรกให้ฟังดีไหมครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เธอจึงได้แต่เอ่ยขอบคุณ และหลังจากที่นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อเดินจากไปไม่นานเพลงที่ดังขึ้นก็เป็นเพลงที่ครั้งหนึ่งครั้งแรกเมื่อปีกลายเธอเคยเขียนโน้ตเล็กๆ ใส่กระดาษส่งไปขอให้นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อคนนั้นร้อง
หลังจากนั้นอีกหลายครั้งที่เธอมานั่งทานข้าวที่นี่ เพลงนี้ก็ดังขึ้นในทุกครั้ง จนเธอมีโอกาสได้ทักทายเขาและรู้ในเวลาต่อมาว่าไอ้หนุ่มนักร้องหน้าหล่อนั่นก็คือเจ้าของร้านแห่งนี้
"ดูท่าทางเหมือนคนรู้จักกันเลยว่ะ"
อิฐยังตั้งข้อสงสัยแม้ว่าไอ้หนุ่มนั่นจะเดินกลับไปที่หน้าเวทีแล้ว แต่ทุกครั้งที่อิฐหันไปมองก็ยังเห็นไอ้บ้านั่นแอบมองเมียเพื่อนอยู่ทุกครั้ง
"มันมองเมียมึงตลอดเลยนะ"
"ก็ช่างมันสิ เกี่ยวเหี้ยอะไรกับกูล่ะ"
"นั่นเมียมึงนะ"
"แล้วไง"
"เออๆ งั้นก็ช่างมันเหอะ มาชนแก้วดีกว่า"
เบียร์สดเหยือกที่สามหมดลงแล้วในเวลาเกือบจะห้าทุ่ม ความคิดฟุ้งซ่านในหัวก็คล้ายจะโปร่งโล่งหรือเพราะความเมาก็ไม่แน่ใจ
หลังจากคิดเงินเสร็จ เธอก็ลุกออกจากโต๊ะ ระหว่างที่เดินออกจากร้านถ้าเธอจะสังเกตคงได้เห็นใครบางคนที่โต๊ะตรงกลางถัดช่องทางเดินไปนิด
"แล้วมึงไม่กลับไปเข้าหอหรือวะ"
เกื้อไม่ตอบคำถามเพื่อนได้แต่เหลือบสายตามอง อิฐจึงได้หุบปากลงทั้งที่อยากจะพูดต่ออีกสักคำสองคำ
"คุณเอยขับรถไหวนะครับ วันนี้เหมือนดื่มเยอะเลย"
เจ้าของร้านคนหล่อคงจะทิ้งเวทีออกมาต้อนรับลูกค้าหรือส่งลูกค้าอยู่แถวนั้น ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงรถจึงได้เห็นโซนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
"ไหวค่ะ สบายมาก"
"ถ้าวันหลังไม่สบายใจ ก็มานั่งฟังเพลงที่นี่ได้นะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นสักอาทิตย์ คำพูดต่อท้ายคำขอบคุณ เธอคงจะหยอดคำหวานตอบกลับเขาบ้างเช่นกัน แต่ในวันนี้มันต่างออกไป เธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้อีก
กว่าครึ่งชั่วโมงที่เธอกลับมาถึงคอนโดหรูของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี กดลิฟต์ขึ้นมาชั้นบนสุดของตึกยังไม่ทันจะก้าวออกจากลิฟต์ก็เหมือนกับตัวเองคิดอะไรบางอย่างได้
เธอไม่รู้รหัสเข้าห้องเขา แถมยังไม่มีคีย์การ์ด นึกอยากจะตบกบาลตัวเองก็ตอนนี้ ครั้นจะโทรศัพท์หาเจ้าของห้องก็ไม่รู้แม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์เขา
เธอได้แต่ด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าประตู จ้องมองแผงตัวเลขอย่างพยายามดูว่าตรงเลขไหนมันจะมีรอยนิ้วมือหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ทุกอย่างก็เรียบเนียนราวกับเขาไม่เคยใช้รหัสตัวเลข
'สงสัยจะใช้แต่ลายนิ้วมือ'
คิดได้แค่นี้ ด้วยความโมโหเธอจึงได้จิ้มตัวเลขสุ่มๆ ลงไปจนเสียงสัญญาณแจ้งเตือนว่ารหัสผิด หลายครั้ง
เกื้อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อสัญญาณแจ้งเตือนบางอย่างดังขึ้น แอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับความปลอดภัยบางอย่างที่แจ้งเตือนคงเพราะผู้หญิงหน้าห้องที่ยืนใช้มือบีบขมับตัวเองอยู่หมุนไปมาอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไร
เขามองภาพนั้นจากกล้องวงจรปิดตัวจิ๋วที่แอบซ่อนอยู่หน้าประตูห้อง เพราะคนเมาที่ไม่รู้รหัสและเธอคงเดาสุ่มกดมั่วจนสัญญาณมันแจ้งเตือนมาถึงเขา และไอ้ท่าทางเดินหมุนวนอยู่หน้าห้องก็อดทำเกื้อถึงกับกดยิ้มที่มุมปาก
ไม่ได้ขำแต่สมน้ำหน้า
"อ้าว เฮ้ยจะไปไหนวะ"
อิฐเอ่ยถาม เมื่อเห็นเพื่อนลุกออกจากโต๊ะไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"โทรศัพท์แป๊บ"
โทรศัพท์ของเกื้อคงเป็นการพูดผ่านกล้องวงจรปิดบอกรหัสผ่านเข้าห้องให้เธอ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะติดต่อเธอได้อย่างไร
เสียงบอกตัวเลขดังขึ้นในตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี จะกลับไปนอนบ้านก็คงไม่ได้ จะรอเขาอยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ คิดแม้กระทั่งจะไปหาโรงแรมนอน แต่เพราะเสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอตกใจจนเซเกือบล้ม ก่อนจะได้สติคิดได้ว่าเสียงมันควรจะมาจากไหน แต่ถึงตอนนี้เธอก็จำตัวเลขหลายตัวที่เขาบอกเมื่อครู่ไม่ได้เสียแล้ว
ขวัญเอยแหงนหน้าขึ้นมองหากล้องวงจรปิด แต่ก็ไม่เห็นไม่รู้ว่ามันแอบอยู่ตรงไหน จึงได้แต่ส่งเสียงออกไปมั่วๆ อย่างไร้ทิศทาง
"คุณทวนให้ฉันอีกรอบสิคะ เมื่อกี้ฟังไม่ถนัด"
ตัวเลขหกหลักดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอตั้งใจฟังจนจำได้ขึ้นใจ ก่อนจะกดรหัสหน้าประตูอีกครั้ง เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นพร้อมเสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าประตูปลดล็อกเธอจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะขอบคุณเจ้าของห้องที่ยังอุตส่าห์บอกรหัสให้เธอ
"ซื่อบื้อ"