2
“การช่วยโจรเป็นหนทางไปสู่หายนะ”
“ปวดกบาล” พงศ์พิทัยตบหน้าผากตัวเอง
“เอ๊ะ!”
ยัยตัวแสบที่เดินไปเก็บโทรศัพท์และหนังสติ๊กหันขวับมามอง
“ฉันเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ”
“ใครจะไปเชื่อนาย”
“แล้วเธอล่ะ อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านมีหลักฐานอะไร”
“ก็ ก็ ก็...”
เธอก็ไม่มีหลักฐานหรอก เฌอปรางค์ทำหน้าขึงขัง แต่เรื่องอะไรเธอจะเสียหน้าล่ะว่าพูดจาโกหก
“บ้านหลังนี้เป็นของคุณลุงกับคุณป้า”
“อ้อ...”
พงศ์พิทัยครางเหมือนรับรู้ พาร่างที่ปวดระบมลุกขึ้นนั่ง
“มาช่วยประคองหน่อย”
“ก็ลุกเองได้นี่นา”
“เคยมีคนบอกไหม นอกจากหน้าตาขี้เหร่แล้วยังใจดำอีก”
“ใครขี้เหร่ พูดให้ดีๆ นะ”
“พูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับไปเถอะ”
คนพูดเหยียบยืนขึ้นมาเสียเอง ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน
“นี่จะไปไหน บุกรุกบ้านคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามีโทษอะไรบ้าง”
“รู้” พงศ์พิทัยยังมีแก่ใจหันมาตอบ
“รู้แล้วยังจะทำ”
เธอเดินตามติดๆ กระชากมือของเขามาหา พงศ์พิทัยหันขวับมามอง เขารวบร่างเล็กเอาไว้
“โอ๊ย! ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย”
เธอดิ้นรนแต่ไม่หลุด พงศ์พิทัยแค่อยากแกล้งแต่พอเห็นยัยเด็กแสบดิ้นเป็นไส้เดือดกิ้งกือ เขาก็เลยแกล้งรัดแรงๆ
“ไม่ปล่อยมีอะไรไหม”
เขายื่นหน้าเข้าไปหา เธอเม้มปากแน่น
“ไม่ปล่อยแน่ใช่ไหม”
“เรื่องอะไรจะปล่อย โอ๊ย!”
พงศ์พิทัย ร้องเสียงหลง ปล่อยเด็กสาวในทันที หลังจากเธอกัดแขนเขาเข้าเต็มๆ
“สมน้ำหน้าอยากลามกดีนัก”
“ฉันนี่นะลามก”
พงศ์พิทัย ชี้ตัวเองมองเด็กสาวหน้าตาน่ารักแต่แสบระดับล้าน ตาปริบๆ
“ห้ามบุกรุกเข้าไปในบ้านนะ ไม่งั้นยิง”
เธอเอาหนังสติ๊กยกขึ้นเล็งขู่เขา หลังจากล้วงเข้าไปหยิบลูกกระสุนที่ทำจากดินเหนียวมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ และตากแดดจนแห้งสนิทแล้วขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนอย่ายิง”
พงศ์พิทัยยกมือขึ้นอย่างตกใจ เขาโดนเข้าที่แขนยังปวดระบมอยู่เลย ระยะไม่ไกลแบบนี้เขารู้ว่ามันจะเจ็บสักแค่ไหน
“เอาบัตรประชาชนออกมาดูก่อนว่าชื่อสกุลอะไร”
“ทำไมต้องเอาบัตรประชาชนออกมาด้วย”
พงศ์พิทัยเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ไม่ฉลาดเลยนะ ฉันรู้จักชื่อเจ้าของบ้าน ถ้านายเอาบัตรประชาชนออกมาล่ะก็ ฉันจะได้รู้ว่านายเป็นเจ้าของบ้านหรือเปล่าไง โง่จริงๆ เลย”
พงศ์พิทัยสะดุ้งมองตาปริบๆ เขายอมรับก็ได้ว่ายัยเด็กนี่ฉลาด แต่เดี๋ยวนะ เขาโดนเด็กเมื่อวานซีนด่าว่าโง่เต็มๆ เลย
“นี่บัตร”
เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา ชูบัตรประชาชนให้เธอดู
“มองไม่เห็น โยนบัตรมาด้วย เร็วๆ”
เสียงขู่ฝ่อทำให้พงศ์พิทัยโยนบัตรไปให้เธอ คอยดูว่าเธอจะทำหน้ายังไง เมื่อรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของบ้าน
“พงศ์พิทัย ธนาภิวัฒน์”
เธอทวนก่อนจะลดหนังสติ๊กลง เดินเข้ามาหาเขา ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จนพงศ์พิทัยงง
“สวัสดีค่ะคุณพงศ์พิทัย เซอร์ไพร้ส์ใช่ไหมคะ”
เธอยิ้มกว้างทำท่าทะเล้น เขามองเด็กสาวไม่วางตา
“หมายความว่ายังไง”
“หนูรู้แล้วล่ะค่ะว่าคุณเป็นเจ้าของบ้าน แต่หนูแค่แกล้งน่ะค่ะ”
เฌอปรางโกหกคำโต ยิ้มประจบทันที พงศ์พิทัยอยากจะจับมาหวดก้น แต่สภาพเขาตอนนี้สะบักสะบอมตั้งแต่เดินทางจะถึงบ้านเสียอีก
“เธอเป็นใคร”
“หนูเหรอคะ”
คนถามตีเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินตามเขาไปไขกุญแจบ้าน
นอกจากบัตรประชาชนแล้ว มีกุญแจเข้าบ้านด้วยพงศ์พิทัย เจ้าของแน่ๆ เด็กสาวลอบผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ เกือบไปแล้วเชียว
“อือ... ถามเรานั่นแหละ อยู่กันแค่สองคนจะให้ถามแมวที่ไหน”
“อ้อ...”
เธออุทาน เห็นว่าเป็นเจ้าของบ้านหรอกนะ หนอย... แดกดันเธอกลับซะด้วย
“หนูเป็นหลานของป้าทับทิมกับลุงชัชค่ะ”
“ลุงกับป้าไปไหนเสียล่ะ”
“ไปธุระต่างจังหวัดหลายวันกว่าจะกลับค่ะ หนูเลยคอยช่วยดูแลบ้านให้”
“บ้านเรียบร้อยดีนะ”
เขาเอ่ยชม เพราะเดินเข้าไปในบ้านมันทั้งสะอาดสะอ้าน ของวางเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ไม่เสียแรงที่เขาเสียเงินจ้าง
“ฝีมือหนูเอง”
คนพูดยิ้มแป้นแล้น พงศ์พิทัยหันไปมอง เขาชะงักกับรอยยิ้มพิมพ์ใจนั้น ก่อนจะกระแอมเบือนหน้าหนี พร้อมทั้งเดินหนีด้วย
เขาเดินไปทรุดนั่งลงบนชุดรับแขกกลางบ้าน ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้นมาดู เห็นรอยเขียวช้ำจากการโดนลูกกระสุนหนังสติ๊กที่เธอยิง
“โหย... เขียวช้ำจังค่ะ คุณคงเจ็บมาก”
คนทำผิดเริ่มหันรีหันขวาง ก่อนจะไปหาอะไรมาประคบให้ เธอคุกเข่าลงตรงหน้า เอ่ยขออนุญาตเบาๆ
“เดี๋ยวหนูประคบสมุนไพรให้นะคะ”
“เปลี่ยนสีเร็วนะ”
