บท
ตั้งค่า

ฉากเปิด

ยามเมื่อตะวันลับฟ้า แสงจันทร์สีเงินยวงทอประกายลงมายัง เมืองหลวงเจี้ยนคัง ความ繁華 (fán huá - ความเจริญรุ่งเรือง) ในยามกลางวันค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบสงบ แต่ภายใต้เงามืดมิด กลับซ่อนไว้ซึ่งความเคลื่อนไหวของผู้คนในยุทธภพ

เฉิงหลงในชุดสีดำเนื้อดี ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุม เดินทางเข้าสู่เมืองหลวงอย่างเงียบเชียบราวภูตพราย ข้อมูลที่เขาได้รับจากอาจารย์เทียนอู๋เซิง ชี้เป้าไปยังขุนนางผู้หนึ่ง นามว่า หวังจง อดีตขุนศึกคนสนิทของบิดาเขา ผู้แปรพักตร์และมีส่วนสำคัญในการเปิดประตูค่ายให้ตระกูลเหยียนบุกเข้าสังหารตระกูลเฉิง

ดวงตาคมกริบของเฉิงหลงจับจ้องไปยังจวนสกุลหวัง ตึกรามโอ่อ่าบ่งบอกถึงอำนาจและทรัพย์สินที่ได้มาจากการทรยศ ความแค้นในอกพลุ่งพล่านจนยากจะควบคุม แต่เขายังคงยับยั้งชั่งใจ รอคอยจังหวะที่เหมาะสม

คืนนั้นเอง เงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ป่ายปีนกำแพงสูงเข้าไปในจวนสกุลหวังอย่างง่ายดาย ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของความมืดมิด เฉิงหลงอาศัยวิชาตัวเบาที่ร่ำเรียนมา หลบหลีกทหารยามที่เดินตรวจตราอย่างเข้มงวด มุ่งตรงไปยังเรือนพักของหวังจง

ภายในห้องนอนอันหรูหรา หวังจงในชุดนอนผ้าไหม กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ หารู้ไม่ว่ายมทูตกำลังมาเยือน เงาดำทมึนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเตียงนอน แสงเย็นเยียบของคมกระบี่วาววับในความมืด

"เจ้า... เจ้าเป็นใคร!" หวังจงสะดุ้งตื่น ตะโกนถามด้วยความตกใจ

เฉิงหลงไม่ตอบโต้ คมกระบี่ในมือพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ดุจสายฟ้าฟาด ผ่าอากาศเข้าใส่ลำคอของหวังจง เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูด เปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอนสีทอง

ความตายมาเยือนอย่างรวดเร็วและไร้ความปราณี หวังจงได้แต่กระตุกสองสามครั้ง ก่อนลมหายใจจะดับสิ้น

เฉิงหลงก้มลงมองใบหน้าของผู้ทรยศ แววตาของเขาไม่ได้มีความสะใจ แต่กลับว่างเปล่า ความแค้นที่เคยลุกโชน กลับมอดไหม้ลงเล็กน้อย ราวกับเผาผลาญเชื้อเพลิงไปจนหมดสิ้น

เขาเก็บหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ถึงความเกี่ยวข้องของหวังจงกับการล่มสลายของตระกูลเฉิง ก่อนจะหายตัวไปจากจวนสกุลหวังอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณของผู้ทรยศ และร่องรอยแห่งความตาย

ในขณะที่เฉิงหลงกำลังหลบหนีออกจากเมืองหลวง เขาได้สังเกตเห็นร่างสตรีในชุดสีม่วงเข้ม กำลังเดินอยู่ในตรอกเปลี่ยว ท่าทางของนางดูรีบร้อนและแฝงไว้ด้วยความกังวล แม้ในความมืดมิด เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า

สัญชาตญาณบางอย่างกระตุ้นให้เฉิงหลงติดตามนางไปอย่างลับๆ จนกระทั่งนางหยุดอยู่ที่หน้าเรือนหลังเล็กที่ดูทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ

ประตูเปิดออก ปรากฏร่างของหญิงชราใบหน้าเศร้าสร้อย หญิงสาวชุดม่วงรีบเข้าไปโอบกอดหญิงชราด้วยความเป็นห่วง

เฉิงหลงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด สังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างคนทั้งสอง แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสตรีผู้นี้เป็นใครและมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของเขาหรือไม่

ในคืนเดียวกันนั้นเอง ที่มุมหนึ่งของโรงเตี๊ยมเก่าแก่ หญิงสาวชุดม่วง หรือ หลิงเฟย กำลังนั่งอยู่คนเดียวบนโต๊ะมุมใน แสงตะเกียงสลัวๆ ส่องกระทบใบหน้าของนาง เผยให้เห็นดวงตาที่คมเฉียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าหมอง

นางกำลังใช้พู่กันจุ่มลงในขวดน้ำหมึก เขียนบางสิ่งบางอย่างลงบนกระดาษด้วยลายมือที่อ่อนช้อย แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น

เฉิงหลงเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ สั่งสุรามาจอกหนึ่ง พลางสังเกตการณ์นางอย่างเงียบๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ไหลเวียนในร่างของนาง ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

"ท่านมีเรื่องในใจหรือ?" เฉิงหลงเอ่ยถามเสียงเรียบ

หลิงเฟยเงยหน้าขึ้น มองเฉิงหลงด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "มิใช่ธุระของท่าน"

"ในยุทธภพนี้ การพบพานอาจมิใช่เรื่องบังเอิญ" เฉิงหลงกล่าวต่อ "ข้าสัมผัสได้ถึงความทุกข์ในดวงตาของท่าน เช่นเดียวกับที่ข้าเคยประสบ"

หลิงเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา "บางครั้ง... การแบกรับความลับ ก็หนักอึ้งเกินกว่าคนๆ หนึ่งจะทนไหว"

เฉิงหลงไม่ได้เซ้าซี้ต่อ แต่ยกจอกสุราขึ้นดื่มอย่างเงียบๆ บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองเต็มไปด้วยความเงียบ แต่กลับมิได้อึดอัด กลับกลายเป็นความเข้าใจบางอย่างที่สื่อถึงกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำ

ในคืนนั้นเอง ที่เฉิงหลงได้พบกับหลิงเฟย สตรีผู้ลึกลับที่กุมความลับบางอย่างไว้ในใจ โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่า โชคชะตากำลังนำพาคนทั้งสองไปสู่เส้นทางที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

และเบื้องหลังของเมืองหลวงเจี้ยนคัง เงาของ ตระกูลเหยียน เริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังซุ่มรอเหยื่อ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel