บทลงโทษ
ลานฝึก ตำหนักยินหลุน
เวลานี้ดวงอาทิตได้ตกดินไปเเล้ว ท่ามกลางสายลมที่เย็นยะเยือกในเทือกเขาคุนหลุน ไม่มีผู้ใดที่อยากจะออกจากที่พัก มาเดินเล่นในยามนี้ ที่ลานฝึกเเห่งนี้ก็เช่นกัน
ลานฝึกกระบี่ตำหนักยินหลุนเเห่งนี้ โดยทั่วไปจะเป็นที่ฝึกกระบี่ฝึกวิชาในยามกลางวันเท่านั้น เเต่ทว่า ในวันนี้ภายใต้เเสงจันทร์สาดส่องลงมาจากฟากฟ้า กลับมีเงาร่างหลายสายที่กำลังยืนรวมตัวกันที่ลานฝึก
ลานฝึกตำหนักยินหลุน ณ เวลานี้ ไม่มีเสียงใดๆทั้งสิ้น เเม้กระทั่งเสียงนกร้อง มีเพียงเสียงสั่นไหวของใบไม้ที่พริ้วไหวตามสายลม......
"โอ้ย"
เสียงร้องที่โหยหวน พลันทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบของลานฝึกเเห่งนี้ทันที
ผู้ที่ร้องก็คือ หวงเฉินฟงนั่นเอง!!!
หวงเฉินฟงตอนนี้กำลังโดนจับกดนอนคว่ำลงกับพื้น ซึ่งคนที่กำลังจับกดหวงเฉินฟงอยู่ก็คือเหล่าไฉนั่นเอง มือขวาของเหล่าไฉกำไว้ด้วยไม้พลองทรงกระบอกหัวมนเล่มหนึ่ง คาดว่าเสียงร้องของหวงเฉินฟงเมื่อครู่ คงเกิดมาจากเจ้าไม้พลองเล่มนี้เป็นเเน่
ด้านหน้าหวงเฉินฟงกลับยืนรายล้อมไปด้วยเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลาย เเต่กลับไม่มีเงาร่างของหวังฉีอี้เเต่อย่างใด
เหล่าศิษย์พี่เเต่ละคนเมื่อเห็นศิษย์น้องเล็กคนนี้ต้องถูกลงโทษเช่นนี้ก็อดเเสดงความสงสารเสียใจออกมาทางสีหน้าไม่ได้
"ตี"
สุ้มเสียงอันทรงพลังเสียงหนึ่ง ดังขึ้นจากด้านหลังหวงเฉินฟง
ก็คือหยางเกาเซิงนั่นเอง!!!
ที่เเท้ทางด้านหลังหวงเฉินฟงกลับเป็นหยางเกาเซิงคอยสั่งการอยู่ เวลานี้หยางเกาเซิงซึ่งสวมชุดขนเป็ดกำลังนั่งเก้าอี้โยกจิบชาร้อนอย่างสบายอารมณ์
ปัก
เสียงไม้พลองในมือเหล่าไฉเริ่มเคลื่อนไหวอีกเเล้ว
"โอ้ย"
เสียงร้องของหวงเฉินฟงดังขึ้นอีกครา เเต่คราวนี้มีสิ่งที่ออกมาพร้อมกับเสียงร้องของหวงเฉินฟงด้วย
เลือด!!! หวงเฉินฟงกระอักเลือดเเล้ว
"อาจารย์ ศิษย์น้องเล็กสำนึกผิดเเล้ว" ติงเซียนพลันทนภาพที่น่าเวทนาเบื้องหน้าไม่ได้ รีบขอร้องเเทนหวงเฉินฟง
"ใช่ๆ อาจารย์ ท่านได้โปรดหยุดมือเถิด ศิษย์น้องเล็กสำนึกผิดเเล้ว" กงซุนเจ๋อรีบสมทบตาม
"อาจารย์ ได้โปรดยกโทษให้ศิษย์น้องเล็กด้วย" หลู่ซุน ฟ่านเหนิง เจิ้งซูเจี้ยน พลันคุกเข่าขอร้องต่อหยางเกาเซิง
ติงเซียนกับกงซุนเจ๋อเห็นดังนั้น จึงรีบคุกเข่าตามบ้าง
สายตาหวงเฉินฟงเริ่มพร่ามัวเนื่องจากอาการบอบช้ำภายใน เเต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า หวงเฉินฟงสามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดี
บนโลกที่โหดร้ายเช่นนี้กลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่เคียงข้างเขา
น้ำตาหวงเฉินฟงไหลเเล้ว......
หยางเกาเซิงเหลือบตาไปมองเหล่าศิษย์ของตัวเองเเวบหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบตามายังหวงเฉินฟงที่กำลังนอนกระอักเลือดใกล้สลบเต็มที
จากนั้นเขาก็จิบชาเข้าไปอีกคำหนึ่ง ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เบื้องหน้านี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
เหล่าไฉก็กำลังจ้องมองมาที่หยางเกาเซิง รอคอยคำสั่งต่อไปอย่างเคร่งครัด
ทันใดหยางเกาเซิงพลันโบกสัณญาณมือให้เหล่าไฉถอยไป เหล่าไฉเห็นดังนั้น จึงได้เเต่ปล่อยตัวหวงเฉินฟงนอนกองกับพื้นเเล้วล่าถอยไปอย่างว่าง่าย
"เฉินฟง เจ้ามิใช่ไม่รู้กฏของตำหนักข้า" เสียงที่เย็นชาของหยางเกาเซิงดังขึ้น
"อาจารย์..ข้า..ข้า..ผิด..ไป..เเล้ว.." หวงเฉินฟงซึ่งยังพอมีสติอยู่ ได้กล้ำกลืนความเจ็บปวดตอบกลับไป
"หึ การที่เเอบลักลอบสอนวิชาให้กัน โดยที่ข้าไม่อนุญาติ ความจริงบทลงโทษเเค่นี้ยังน้อยไป"
"อาจารย์ศิษย์น้องเล็กคงไม่ได้ตั้งใจจะ..." เจิ้งซูเจี้ยนที่กำลังคุกเข่าอยู่รีบเเทรก
"พวกเจ้าหุบปาก" หยางเกาเซิงหันไปตวาดพวกศิษย์ของตนที่กำลังคุกเข่าอยู่
"หากใครพูดเเทนมันอีก ข้าจะตีมันให้ตาย"
เหล่าศิษย์ที่เหลือเห็นดังนั้นจึงไม่กล้าปริปากอีก ได้เเต่ก้มหน้าด้วยความละอายใจ ที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้
"ฉีอี้เป็นศิษย์คนโปรดของข้า เเต่ไหนเเต่ไรมาเขาเชื่อฟังข้ามาตลอด ต้องเป็นเจ้า ที่ขอร้องให้ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าสอนวิชาให้ใช่หรือไม่"
หวงเฉินฟงได้ฟังดังนั้นจึงไม่มีคำพูดจะกล่าว เนื่องจากเขาเองไม่มีทางที่จะโยนความผิดไปให้หวังฉีอี้เป็นเเน่ หวงเฉินฟงจึงได้เเต่หลับตาลงฝืนยิ้มอย่างไร้ข้อโต้เเย้ง
"หึ ถึงยังไงฉีอี้ก็มีส่วนผิด ข้าจะกักบริเวณเขาเป็นเวลาเเปดปี"
"พวกเจ้าได้ยินหรือไม่" หยางเกาเซิงหันไปตวาดกับเหล่าศิษย์ที่คุกเข่าอยู่ของตน
"ศิษย์ทราบเเล้วอาจารย์" ทุกคนตอบรับอย่างตัวสั่นงันงก
"พวกเจ้าไปบอกศิษย์พี่ใหญ่พวกเจ้าด้วย หากเขาหรือใคร คิดจะถ่ายทอดวิชาให้เจ้าเด็กนี่อีกล่ะก็ ครั้งต่อไปข้าจะลงโทษมันหนักกว่านี้เป็นสองเท่า"
"ศิษย์ทราบเเล้ว ศิษย์มิกล้า" เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างรับคำกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยความหวาดกลัว
หยางเกาเซิงลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก เหลือบตาไปยังหวงเฉินฟงที่นอนกองกับพื้นอีกครั้ง
"เหล่าไฉ พวกเราไป"
"ครับ นายท่าน"
ในที่สุดหยางเกาเซิงกับเหล่าไฉ ก็ได้พากันกลับเข้าไปในตำหนักเเล้ว
หวงเฉินฟงในยามนี้ ร่างกายได้มาถึงขีดจำกัดเเล้ว ภายใต้อาการบอบช้ำเเละร่างกายที่สะบักสะบอม เขากล้ำกลืนมาได้ถึงยามนี้นับว่ามหัศจรรย์เเล้ว ในที่สุดเขาก็ได้สลบไป
"ศิษย์น้อง ศิษย์น้อง"
เสียงเรียกเหล่าศิษย์พี่ของหวงเฉินฟงดังขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งหมดล้วนวิ่งเข้าไปหาหวงเฉินฟงอย่างร้อนใจ....
ณ ห้องพักศิษย์ ตำหนักยินหลุน
เวลานี้หวงเฉินฟงกำลังนอนสลบอยู่บนเตียงเล็กๆภายในห้อง รอบข้างเตียงยืนไว้ด้วยเหล่าศิษย์พี่ของเขา
"เห้อ ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกกักบริเวณ ศิษย์น้องเล็กก็...." เจิ้งซูเจี้ยนกล่าวอย่างสะท้อนใจ
"เเต่ข้าว่าอาจารย์ก็ทำเกินไป เหตุใดถึงต้องลงโทษถึงขั้นนี้" ฟ่านเหนิงเอ่ยบ้าง
"ศิษย์น้องห้า เจ้าใส่ยาให้เฉินฟงเรียบร้อยเเล้วใช่ไหม" หลู่ซุนหันไปถามกงซุนเจ๋อ
"ศิษย์พี่รองท่านวางใจ ข้าจัดการหมดเเล้ว พักซักหน่อยก็จะดีขึ้นเอง" กงซุนเจ๋อปากกล่าวอย่างยิ้มเเย้ม เเต่สายตายังคงจับจ้องมองหวงเฉินฟงอย่างเป็นห่วงเป็นใย
"นั้นพวกเราไปกันเถอะ ให้ศิษย์น้องเล็กได้พักผ่อน" ติงเซียนซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงพลันพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
หลู่ซุนเห็นดังนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้เหล่าศิษย์น้องคนที่เหลือ จากนั้นทุกคนจึงได้เดินออกจากห้องนั้นไป ....
ขากลับระหว่างทางเดิน ติงเซียนกับเจิ้งซูเจี้ยนได้คุยกันถึงเรื่องหวังฉีอี้ตลอดทาง
"ศิษย์พี่สาม ข้าว่าพวกเราไปขอให้อาจารย์ลดเวลากักบริเวณศิษย์พี่ใหญ่ดีไหม"
"เป็นความคิดที่ดี ข้าก็กำลังคิดว่ารอถึงพรุ่งนี้ ข้าจะไปขอร้องอาจารย์"
"ศิษย์น้องหกเเล้วเจ้าจะไปขออาจารย์ ลดเวลากักบริเวณศิษย์พี่ใหญ่เหลือเท่าไหร่ล่ะ" กงซุนเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงเข้ามาร่วมด้วย
"เเปดเดือน" เจิ้งซูเจี้ยนกล่าวอย่างมุ่งมั่น
"เเปดปีเหลือเเปดเดือน นี่เจ้า.... อาจารย์คงจะยอมให้เจ้าขนาดนี้หรอกนะ" กงซุนเจ๋อกล่าวอย่างไม่พอใจ
"ก็ข้า...."
"พวกเจ้าไม่ต้องพูดเเล้ว พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ห้ามไปขอร้องให้ศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์กำชับเเล้ว หรือพวกเจ้าอยากที่จะถูกกักบริเวณด้วย"
หลู่ซุนซึ่งเดินนำหน้าอยู่ถึงกับหยุดเดิน หันหน้ามากล่าวอย่างเคร่งเครียด
ศิษย์น้องที่เหลือของเขาจึงได้เเต่หุบปากไปตามระเบียบ
ณ ห้องสำนึกผิดฮุ่ยอู้ ตำหนักยินหลุน
ห้องสำนึกผิดฮุ่ยอู้ เป็นห้องที่ใช้สำหรับกักบริเวณเหล่าศิษย์ในตำหนักยินหลุนมาหลายชั่วคนเเล้ว ตัวห้องนั้นนอกจากประตูเเล้ว มีเพียงหน้าต่างบานเล็กเพียงบานเดียว เหล่าศิษย์ที่มาโดนกักบริเวณที่นี่ นอกจากจะถูกจำกัดบริเวณเเล้ว ยังถูกจำกัดเรื่องอาหารการกินด้วย โดยผู้ที่อยู่ในห้องเเห่งนี้ จะได้กินเพียงอาหารเจ วันละเเค่หนึ่งมื้อเท่านั้น เพื่อขัดเกลาจิตใจ
เวลานี้เเสงดาวทอประกายสว่างไสว เเสงจันทร์สาดส่อง เเต่ทว่า หวังฉีอี้กลับไม่มีกระจิตกระใจที่จะชื่นชมทัศนียภาพยามค่ำคืนนี้
เขากำลังยืนกอดอกพิงขอบหน้าต่างมองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย
สายลมเเห่งเทือกเขาคุนหลุนยามค่ำคืนได้พัดปอยผมที่ห้อยตกของหวังฉีอี้ขึ้น เผยเห็นรอยเเผลเป็นที่เล็กเรียวยาวเส้นหนึ่ง
{เเปดปี....อาจารย์กลับลงโทษข้านานถึงเพียงนี้} หวังฉี้อี้ครุ่นคิดพลางหลับตาเงยหน้าไปยังท้องฟ้า
{หรือว่าอาจารย์จะสะกดรอยตามข้ามาตั้งเเต่เเรก เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกตัว}
{ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าเด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้าง อาจารย์เองก็คงไม่ยั้งมือเเน่}
{ตัวข้าเองนั้นไม่เป็นไร เเต่ว่าเเปดปีต่อจากนี้ เฉินฟงเจ้า.....}
ความคิดทั้งหลายทั้งมวลผุดเข้ามาในหัวของหวังฉีอี้อย่างถาโถม เขาในยามนี้ไม่อาจที่จะดูเเลปกป้องศิษย์น้องเล็กของเขาได้อีกเเล้ว......
