คนคุ้นเคย
ตำหนักฟ่งเฉียว
เวลานี้ภายในตำหนักฟ่งเฉียวที่เรียบง่าย กลับคล้ายกับเป็นศาลไต่สวนนักโทษก็มิปาน ฟางจื่อหลานนั่งบนเเท่นเจ้าสังกัดเหมือนกับเป็นผู้พิพากคดีอะไรซักอย่าง ข้างล่างเเท่นในห้องโถงสองฟากข้างยืนไว้ด้วยเหล่าศิษย์สตรีตำหนักฟ่งเฉียว ซึ่งซ่งไป๋เหลียนก็ยืนอยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย
ที่ว่างกลางห้องโถงยืนไว้ด้วยหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี ซึ่งก็คือหวงเฉินฟงกับตู้กูหงนั่นเอง หวงเฉินฟงมีสภาพอ่อนล้าจากการต่อสู้กับซ่งไป๋เหลียนเมื่อสักครู่ คาดว่าเขาคงจะถูกตู้กูหงช่วยฟื้นคืนสติมาจากการสลบตอนนั้น ขณะเดียวกันซ่งไป๋เหลียนก็ยังคงมองหวงเฉินฟงไม่คลาดสายตา ราวกับว่าชาติที่เเล้วเขาไปทำอะไรกับนางไว้
"เฉินฟง ที่เจ้าพูดเมื่อครู่เป็นความจริงเหรอ" ฟางจื่อหลานกล่าวเสียงราบเรียบอย่างช้าๆ
"เรื่องทั้งหมดที่ข้าพูด.... เป็นเรื่องจริง.. ข้ากล้าสาบานได้" หวงเฉินฟงตอบไปอย่างทุลักทุเล เนื่องจากอาการบาดเจ็บ
"อาจารย์อาจื่อหลาน เรื่องนี้ข้ารับประกันได้ เฉินฟงเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น" ตู้กูหงที่ยืนอยู่ข้างกายหวงเฉินฟงช่วยออกหน้า
ฟางจื่อหลานเองความจริงก็มีความเวทนาต่อหวงเฉินฟงมาตั้งเเต่ที่พบกันครั้งเเรกเมื่อเเปดปีก่อนเเล้ว ดังนั้นนางจึงหวังว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายได้ด้วยดี
หวงเฉินฟงเห็นเเววตาฟางจื่อหลานก็ทราบว่า นางเองก็ไม่อยากจะเอาเรื่องกับตน เพียงเเต่ว่านางเองยังหาทางถอยในเรื่องนี้ยังไม่ได้
หวงเฉินฟงจึงคิดว่าการขอโทษต่อคู่กรณีนั้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เมื่อเขาคิดได้ดังนั้น เขาจึงพยายามมองหาไปยังซ่งไป๋เหลียน
ทันใดนั้นเขาถึงกับขนลุกซู่ทันที เนื่องจากเขาพบซ่งไป๋เหลียนเเล้ว เเละนางก็กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน ด้วยสายตาทียังไม่ประสงค์ดีอยู่
"เเม่นางไป๋เหลียน ข้าหวงเฉินฟงผิดไปเเล้ว ถึงเเม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นอุบัติเหตุก็ตามเเต่ ข้าต้องขอโทษเเม่นางด้วยใจจริง" หวงเฉินฟงถึงกับก้มกายลงทำท่าคำนับให้กับซ่งไป๋เหลียน
ซ่งไป๋เหลียนเห็นหวงเฉินฟงทำเช่นนั้นจึงรู้สึกเหนือความคาดหมายอย่างมาก นางคิดว่าโจรราคะผู้นี้ จะไม่มีทางทำเรื่องสุภาพบุรุษเช่นนี้เเน่
ช่วงเวลานี้ซ่งไป๋เหลียนจึงยังคงนิ่งงงงันกับการกระทำของหวงเฉินฟงอยู่ ไม่มีปฎิกิริยาโต้ตอบอะไรกลับมา
"ไป๋เหลียน เฉินฟงเขาก็ขอโทษเจ้าขนาดนี้เเล้ว เจ้าจะว่ายังไง" ฟางจื่อหลานเห็นหวงเฉินฟงยอมทำขนาดนี้เเล้ว จึงคิดว่าเรื่องนี้คงจะได้ข้อยุติเเล้ว
"หึ" ซ่งไป๋เหลียนเชิดหน้าหนี
หวงเฉินฟงเห็นดังนั้นจึงคิดว่า นางเองคงจะไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งถือกระบี่จะมาเอาชีวิตตนอีกเเล้ว เขาจึงคล่อยคลายใจลง
"เฉินฟง งั้นเรื่องนี้ก็ถือว่าให้จบในนี้เลยเเล้วกัน ข้าจะไม่เเพร่งพรายออกไป ถือเป็นการให้เกียรติอาจารย์ของเจ้าด้วย ข้าเห็นเจ้าได้รับบาดเจ็บถึงขั้นนี้เเล้ว ข้าไม่อยากให้อาจารย์เจ้าลงโทษเจ้าอีก" ฟางจื่อหลานกล่าวอย่างห่วงใย
"ขอบคุณครับอาจารย์อา" หวงเฉินฟงรีบกล่าวขอบคุณฟางจื่อหลาน
"อั๊ก" ทันใดนั้นร่างกายหวงเฉินฟงพลันพยุงตัวไม่ไหวกำลังจะทรุดร่วงลงกับพื้น เเต่โชคดีที่ตู้กูหงยื่นมือมาประคองไว้ทัน
"อาจารย์อาจื่อหลานคะ งั้นศิษย์หลานขอพาหวงเฉินฟงไปก่อนนะคะ" ตู้กูหงกล่าวกับฟางจื่อหลาน
"พวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ส่งนะ" ฟางจื่อหลานโบกมือเป็นสัณญาณให้คนทั้งสองรีบไป
ตู้กูหงประคองหวงเฉินฟงเดินออกจากห้องโถงอย่างช้าๆ หวงเฉินฟงยามนั้นกำลังเดินกระโผลกกระเผลกผ่านหน้าซ่งไป๋เหลียน เขารู้สึกได้ถึงประกายตาอันคมกริบที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ ซึ่งเขาก็รับรู้ได้ถูกต้องเเล้ว เพราะว่าซ่งไป๋เหลียนยังคงจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่คลาดสายตา หวงเฉินฟงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกตำหนักเมื่อครู่ยังหวาดผวาไม่หาย เขาไหนเลยจะกล้าสบตากับนางอีก
ไม่นานหวงเฉินฟงกับตู้กูหงก็ได้พากันออกมาจากตำหนักฟ่งเฉียวจนได้......
ถ้ำหมิงลู่ หลังเขาคุนหลุน
ตู้กูหงกับหวงเฉินฟงกำลังนั่งพิงผนังถ้ำกันอยู่ ตู้กูหงกำลังหยิบยาทาเเผลให้หวงเฉินฟงอยู่ หวงเฉินฟงได้เเต่นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว
"เด็กโง่ เหตุใดเเค่เรื่องที่จะบอกข้าเกี่ยวกับงานประลอง เจ้าถึงกับต้องไปตามหาข้าเเต่เช้า ทำไมเจ้าไม่รอมาเจอกับข้าที่ถ้ำหมิงลู่ล่ะ" ตู้กูหงร่ายยาวใส่
"ข้ารอไม่ไหว....... ข้าเพียงอยากเห็นท่านตื่นเต้นตกใจเร็วๆ" หวงเฉินฟงยังคงหลับตาตอบไปอย่างช้าๆ
"ข้าตื่นเต้นสิ ตื่นเต้นมากเลย ที่เจ้าก็จะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้" ตู้กูหงกล่าวอย่างยินดี
"เพียงเเต่...ด้วยพลังฝีมือของเจ้าข้าคิดว่า.." ตู้กูหงกล่าวอย่างตะกุกตะกักต่อ
"ศิษย์พี่ท่านก็ไม่เชื่อในตัวข้าเหรอ" หวงเฉินฟงพลันรู้สึกใจสั่นสะท้านเจ็บเเปลบปลาบ ต่อคำพูดนี้ของตู้กูหง
เนื่องเพราะว่าในช่วงเวลาหลายปีมานี้ หวงเฉินฟงได้คลุกคลีฝึกวิชาอยู่กับตู้กูหงทุกวัน ทำให้ในใจของหวงเฉินฟงเริ่มบ่มเพาะเป็นความรักต่อตู้กูหงอย่างเเนบเเน่นขึ้นทุกวันๆ เมื่อนางในดวงใจของเขาถึงกับกล่าวเช่นนี้ออกมา ย่อมทำให้ตัวเขานั้นรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
"เฉินฟง ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ ข้าเพียงเเค่เป็นห่วงเจ้า กลัวเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ"
"ข้าเข้าใจดี ข้ารู้ ข้าสู้ใครก็ไม่ได้ เเม้เเต่นภากระบี่ข้าก็ยังใช้ไม่ได้เลย" หวงเฉินฟงกล่าวอย่างตัดพ้อ
"เฉินฟง เจ้าอย่าโทษตัวเองสิ เจ้าสู้ให้เต็มที่ก็พอ ถึงเเต่เเพ้ก็เเพ้อย่างสมศักดิ์ศรี"
{เเพ้ เเพ้ เเพ้ ทำไมนางจึงมองข้าเช่นนี้} หวงเฉินฟงได้เเต่คิดอย่างปวดร้าวในใจ
"เฉินฟง สองสามวันนี้ เจ้าไม่ต้องมาฝึกวิชากับข้านะ เจ้าไปพักรักษาตัวก่อน ส่วนข้านั้นก็จะให้ท่านพ่อสอนวิชาใหม่ให้กับข้า เพื่อไว้ใช้ในวันประลอง"
หวงเฉินฟงหลับตาพยักหน้าให้กับตู้กูหงอย่างเงียบงัน ....
สองวันต่อมา
หวงเฉินฟงได้พักรักษาตัวมาหนึ่งวันเต็มๆ ถึงตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาก็ดีขึ้นมากเเล้ว เเต่ยิ่งกว่าเเผลบาดเจ็บภายนอก ก็คือคำพูดของตู้กูหงวันก่อนที่ยังคงเเทงไปในใจของเขาอยู่ทุกเวลา
ขณะนี้เป็นเวลายามเช้า หวงเฉินฟงเดินออกนอกตำหนักยินหลุนมานั่งสูดอากาศที่ริมธารน้ำเล็กๆสายหนึ่ง
ช่วงเวลานี้เหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายของหวงเฉินฟงก็กำลังคร่ำเคร่งต่อการฝึกฝีมือกันอยู่ ส่วนหยางเกาเซิงนั้นเวลานี้ก็ไม่ได้บีบคั้นหวงเฉินฟงมากมาย ให้อิสระหวงเฉินฟงในการฝึกกระบี่ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ ส่วนหนึ่งพูดได้ว่า หยางเกาเซิงคงกลัวหวงเฉินฟงทำเขาขายหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องเขาคนอื่นๆมากกว่า
หวงเฉินฟงมองดูธารน้ำเล็กๆสายนั้น เห็นเหล่าปลาเล็กปลาน้อยเเหวกว่ายไปมาอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นน้ำในลำธารก็เกิดสั่นไหวขึ้นมา กลับกลายเป็นใบหน้าพี่ชายของเขาหวงอวี้ถังขึ้นมา
"นี่อ่ะนะที่พี่บอกว่า อะไรสนุกๆ"
"การตกปลาถือเป็นการฝึกจิตใจอย่างหนึ่ง เจ้าจำไว้" เสียงของหวงอวี้ถังดังก้องอยู่สองข้างหู
ภาพของหวงอวี้ถังปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าราวกับเป็นความจริง
"พี่อวี้ถัง" หวงเฉินฟงพลันเรียกหาเงาภาพนั้น ทันใดเงาภาพใบหน้าของหวงอวี้ถังก็สลายหายไปกับสายลม
หวงเฉินฟงรู้สึกตัวอีกที ก็ปรากฏหยาดน้ำตาลงบนใบหน้าเเล้ว
หวงเฉินฟงเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า เหมือนกับว่าตัดพ้อต่อโชคชะตาของตน
ฟิ้ว
เสียงกระบี่เเหวกฝ่าอากาศมายังด้านหลังของหวงเฉินฟง หวงเฉินฟงยามเคลิบเคลิ้ม เมื่อกระบี่นั้นเเทงเข้ามาใกล้ตัวเขาเพียงสองเชียะหวงเฉินฟงจึงพึ่งรู้สึกตัว
หวงเฉินฟงได้เเต่กลิ้งตัวหลบไปตามพื้นดินอย่างทุลักทุเล
"ชักกระบี่" สุ้มเสียงของบุคคลผู้นั้นดังขึ้นมาอย่างกังวาน
หวงเฉินฟงจึงรีบชักกระบี่จากฝักเอวข้างตัวเเทงสวนไปหนึ่งกระบวนท่า
ฟึบ ฟับ ฟึบ ฟับ
หวงเฉินฟงสวนกระบี่ดวลกับคนผู้นั้นไปหลายกระบวนท่า
ในที่สุดคนทั้งคู่ก็ถอยหลังออกจากวงต่อสู้เเละตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาอีกระลอก
ยามนี้หวงเฉินฟงได้เห็นผู้ที่มาอย่างไม่ประสงค์ดีนั้นอย่างชัดเจน คนที่ลอบทำร้ายเขานั้น เป็นเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ใบหน้าเด็ดเดี่ยวเฉลียวฉลาด รูปร่างสมส่วน สวมใส่ชุดศิษย์สำนักนภาสวรรค์เช่นกัน ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ หวงเฉินฟงรู้สึกคุ้นเคยอย่างมากเหมือนกับเคบพบพานที่ไหนมาก่อน เเต่ก็ไม่สามารถนึกออกได้
"เมื่อกี้ข้าเเค่ขู่เจ้าเล่น คราวนี้ข้าจะเอาจริงเเล้วนะ"
"เจ้าเป็นใครกันเเน่" หวงเฉินฟงตวาดถาม
"ไว้เจ้ารับกระบี่นี้ของข้าได้ก่อน เเล้วข้าจะบอกเจ้า"
ยามนี้ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันอย่างไม่ลดราวาศอกให้เเกกัน
"เข้ามา" เด็กหนุ่มผู้นั้นกล่าวท้าทายหวงเฉินฟง
หวงเฉินฟงเห็นดังนั้นจึงรู้สึกขุ่นข้องใจ จึงถือกระบี่พุ่งตัวเข้าไป ตวัดฟันเฉียงเป็นเกลียวคลื่นใส่เด็กหนุ่มผู้นั้น
"หึ เเค่วิชาพื้นฐาน เจ้านี่ดูถูกข้ามากไปเเล้ว" เด็กหนุ่มผู้นั้นหัวเราะร่า
ทันใดนั้น ประกายตาเด็กหนุ่มผู้นั้นพลันเด็ดเดี่ยว เเละท่าร่างพลันขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกระโดดสวนเข้ามาในม่านกระบี่ของหวงเฉินฟง
"อั๊ก" เสียงร้องดังขึ้น
เป็นเสียงร้องของหวงเฉินฟง!!!
หวงเฉินฟงถึงกับกระเด็นถอยหลังไปกระเเทกกับต้นไม้ต้นหนึ่งดังสนั่นหวั่นไหว
เคร้ง
เสียงกระบี่ที่อยู่ในมือหวงเฉินฟงร่วงหล่นลงกับพื้นอีกครั้งนึงเเล้ว
"เจ้า...." หวงเฉินฟงพยายามจะกล่าว
"เฉินฟง เจ้าจำข้าไม่ได้จริงๆเหรอเนี่ย" สุ้มเสียงของเด็กหนุ่มผู้นั้นพลันเเปรเปลี่ยนไปอย่างเป็นมิตร
"เจ้าคือ...ม่ออิง"
