3
ณัฐวราและสินีกำลังนั่งทานอาหารกลางวันอยู่ในร้านค้าแถวหน้าบริษัท ในร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างก็มาหาความอิ่มใส่ท้องของตนเองด้วยกันทั้งนั้น
“สินิ เมื่อคืนไอ้เอมันโทรมา เสาร์นี้เจอกันที่โรงเบียร์...” ณัฐวราบอกสถานที่นัดพบแก่เพื่อน
“ถ้าไอ้เอเป็นคนนัดทีไร ต้องได้กินเบียร์ทุกทีเลยว่ะน้ำผึ้ง” พูดเสร็จก็ตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“แล้วทีแกล่ะ ก็บรั่นดีไทยทุกรอบเหมือนกันแหละ” หญิงสาวพูดขัดด้วยความหมั่นไส้
“อ้าว ฉันไม่ใช่แกนี่นา ที่นิยมแต่ของนอก”
“ฉันนิยมเป็นบางอย่างย่ะ เออแก ฉันมีอะไรจะเล่าให้แกฟัง เมื่อวานฉันเจอชายในฝันของฉันแล้วแก ทุกอย่างตรงตามสเป็กเป๊ะ ๆ แค่เห็นฉันก็ยอมเทใจให้แล้ว” แล้วก็ทำท่าเคลิบเคลิ้มชวนเพ้อฝัน เรียกเสียงหัวเราะจากสินีได้เป็นอย่างดี
“เหรอ แต่ฉันว่าถ้าแกเห็นว่าที่ท่านประธานคนใหม่ แกคงจะลืมชายในฝันของแกแน่นอน ผู้ชายอะไรไม่รู้ล้อหล่อ ขนาดฉันไม่ชอบของนอกฉันยังใจสั่นเลยแกเอ๊ย ฉันนี้นึกถึงแกเลยนะน้ำผึ้ง อยากให้แกมาเห็นอย่างที่ฉันเห็น”
“ทำไมใคร ๆ ก็บอกว่าท่านประธานคนใหม่หล่อมาก ๆ แต่ฉันยังไม่เคยเห็นสักทีเลยวะ”
“ตอนนี้ไม่เจอเดี๋ยวก็ต้องเจอ เพราะเขาเป็นเจ้าของบริษัทของเรา คงไม่หนีเราไปไหนหรอก”
ณัฐวราหัวเราะคำพูดของเพื่อน “รีบ ๆ กินเถอะ อยากกินผลไม้ เดี๋ยวพี่แกจะไปซะก่อน” เธอหมายถึงผลไม้รถเข็นที่จอดขายอยู่บริเวณด้านหน้าของบริษัท
ภายในห้องทำงานของท่านประธาน เควินกำลังยืนมองลงไปที่ถนนที่มีพนักงานบริษัทต่าง ๆ เดินข้ามไปมาพลุกพล่าน และหยุดสายตาอยู่ที่หญิงสาวคู่หนึ่ง ที่กำลังยกมือขอทางจากรถที่วิ่งสวนไปมา พร้อมกับก้มศีรษะขอบคุณ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ตรงรถเข็นขายผลไม้ คนหนึ่งคือเลขาหน้าห้องของบิดา ส่วนอีกคนคือคนที่วิ่งเข้ามาอยู่ในความรู้สึกของเขาตั้งแต่ที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ เขายืนมองพวกเธอจนกระทั่งเดินหายเข้าไปภายใต้อาคารแห่งนี้
“เควี่พ่อจะออกไปพบคุณประสาน ลูกจะไปด้วยไหม”
ชายหนุ่มหันไปทางบิดา “ไปก็ได้ครับ แต่คงไม่นานใช่มั้ย เพราะผมนัดกับแม่ไว้แล้ว”
“ไม่นานหรอก เพราะพ่อก็นัดกับแม่ไว้เหมือนกัน” สมิธพูดติดตลกแล้วพากันออกไปจากห้อง และเจอกับสินีที่เดินขึ้นมาพอดีจึงสั่งงานไว้
“ฉันจะออกไปพบเพื่อน วันนี้ไม่เข้ามาแล้วนะ ถ้ามีอะไรด่วนที่ตัดสินใจแทนไม่ได้ก็โทรหาฉันได้เลยนะ”
“ค่ะท่าน”
ห้องทำงานของณัฐวรา
“สวัสดีค่ะท่าน” ณัฐวรากดรับโทรศัพท์ แล้วกล่าวทักทายไปตามสายอย่างนอบน้อม
“หนูน้ำผึ้ง ป้าจะโทรมาเตือนว่าเย็นนี้อย่าลืมนัดของเรานะจ๊ะ แล้วบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกป้า ทำไมชอบทำให้ป้าเสียใจอยู่เรื่อยเชียว” คุณกานดาตอบกลับมาตามสาย และต่อว่าไม่จริงจังนัก
“ขอโทษค่ะคุณป้า น้ำผึ้งลืมตัวตลอดเลยค่ะ น้ำผึ้งบอกเด็ก ๆ ไว้แล้วค่ะว่าวันนี้จะพาไปหาคุณยาย เด็ก ๆ ดีใจกันใหญ่เลยค่ะ” เธอค่อนข้างจะสนิทใจกับคุณกานดามากกว่าคุณสมิธผู้เป็นสามีของท่าน จึงกล้าเรียกตามที่ท่านต้องการ แต่กับสามีของท่านเธอไม่กล้าเรียกท่านว่าลุง อาจเป็นเพราะต้องทำงานร่วมกัน จึงไม่อยากให้คนอื่นมองเธอว่าได้อภิสิทธิ์เหนือกว่า
“แม่น้ำผึ้งขา แวะซื้อขนมไปฝากคุณยายด้วยนะคะ” วลาลีบอกกับมารดาที่กำลังขับรถ
“ค่ะ เดี๋ยวแม่แวะให้นะคะ”
“ให้น้องวากับพี่คิมเป็นคนเลือกขนมนะคะ” เด็กหญิงต่อรอง
“ค่ะลูก” ปากตอบแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ถนนข้างหน้า
หญิงสาวพาเด็ก ๆ ทั้งสองแวะที่ร้านเบเกอรี่ เพื่อซื้อขนมไปฝากคุณยายตามที่ได้รับปากไว้
ซื้อขนมเสร็จแล้วก็พาเด็ก ๆ กลับขึ้นรถ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินทางถึงที่หมาย เธอเปิดประตูพาเด็ก ๆ ลงจากรถ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็ได้ยินเสียงทักทายอย่างยินดีดังขึ้น
“น้องวาน้องคิมมาแล้วเหรอลูก มาหายายมาลูก ยายคิดถึงจังเลย” ปากร้องเรียกแต่เท้าก็ไม่หยุดเดิน รีบก้าวไปหาเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเข้าไปหาเช่นเดียวกัน คุณกานดาคุกเข่าลงรับไหว้จากเด็ก ๆ แล้วกอดพวกเขาไว้ในอ้อมแขน หอมแก้มสลับไปมาอย่างรักใคร่ ถึงไม่ใช่ลูกหลานแท้ ๆ แต่นางก็รักและเอ็นดูเด็กทั้งคู่มาก กอดจูบจนพอใจแล้วจึงพยุงตัวขึ้นยืนโดยมีสาวใช้คอยช่วยประคอง
“สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะน้าวรรณ” ณัฐวราไหว้เจ้าของบ้านแล้วไหว้คนดูแลท่านด้วย
“สวัสดีจ้ะ งานยุ่งมากเหรอลูก ถ้าป้าไม่บอกให้มาหาก็คงไม่มาใช่มั้ย” เจ้าของบ้านบ่นน้อยใจ
“ไม่ใช่หรอกค่ะคุณป้า แต่ตอนนี้น้ำผึ้งปวดเมื่อยมากเลยค่ะ” เธอแสร้งทำท่าบีบนวดขาตัวเอง ทำหน้าละห้อยแต่ปากกลับส่งยิ้มแบบน่ารัก ๆ ไปให้
“ป้ารู้สึกผิดจังเลยที่ให้คนป่วยมาหา รีบเข้าบ้านไปนั่งเก้าอี้นวดสักหน่อยดีกว่านะ” กานดาแกล้งหยอกกลับไปบ้าง ก่อนจะชวนเธอเข้าบ้าน
ทั้งหมดจึงย้ายเข้าไปภายในบ้าน ตรงไปยังห้องพักผ่อนของครอบครัว ไม่ใช่ห้องรับแขกเหมือนที่ใช้ต้อนรับคนอื่น…
เด็ก ๆ กำลังนั่งดูซีดีการ์ตูน และนั่งทานขนมที่ซื้อมาฝากเจ้าของบ้านอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่หญิงสาวก็นั่งคุยสัพเพเหระกับคุณกานดาอย่างออกรส
“แม่น้ำผึ้งขา” น้องวาลุกจากเบาะนั่งมายืนข้างหน้าหน้ามารดาและคุณยาย “น้องวากับพี่คิมดูการ์ตูนไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
“ทำไมคะลูก” มารดาถามลูกสาวตัวน้อยด้วยความสงสัย
“ก็แม่น้ำผึ้งกับคุณยายคุยกันแล้วหัวเราะเสียงดังนี่คะ” คำพูดของเด็กหญิง และอาการพยักหน้ายืนยันของเด็กชาย ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมองหน้ากัน..ก่อนที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“คุณป้าคะ น้ำผึ้งคุยเสียงดังหรือว่าคุณป้าหัวเราะดังกันแน่คะ โดนเด็กเอ็ดเลยเรา”
“เป็นเพราะหนูนั่นแหละไม่มาหาป้าบ่อย ๆ พอนาน ๆ เจอกันทีก็เลยคุยซะลืมเกรงใจลูกหลานเลย” คุณกานดาพูดกลั้วหัวเราะ
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูกระจกดังขึ้นก่อนที่จะเปิดออกด้วยฝีมือของสาวใช้ “คุณท่านคะ อาหารเรียบร้อยแล้ว จะให้ตั้งโต๊ะเลยมั้ยคะ”
“คุณสมิธกับลูกชายฉันกลับมาแล้วหรือยัง” เพราะมัวแต่คุยเพลินจึงไม่ได้สนใจ
“กลับมาแล้วค่ะ กลับมาพร้อมกันเลย” สาวใช้รายงาน
“งั้นก็ไปตั้งโต๊ะเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
“ค่ะคุณท่าน”
