บท
ตั้งค่า

4

ผ่านไปสักพักคุณกานดาก็ชวนทุกคนย้ายไปที่โต๊ะอาหาร เพื่อกินข้าวเย็นร่วมกัน ทั้งหมดเดินมาถึงห้องกินข้าว และได้พบกับสมิธที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว

เด็ก ๆ ยกมือทำความเคารพคุณตาอย่างนอบน้อม ท่านจึงอุ้มเด็กหญิงไปนั่งที่ตัก และเอาแขนอีกข้างโอบเด็กชายเอาไว้ พูดคุยถามไถ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะปล่อยให้เด็กไปนั่งเก้าอี้เพื่อเตรียมกินข้าว

“คุณคะ แล้วลูกชายเราไม่ลงมาทานด้วยกันเหรอคะ”

“นั่นสิ ทำไมยังไม่ลงมานะ วรรณไปดูเขาหน่อยซิ”

“ผมมาแล้วครับ”

เสียงที่คุ้นหูทำให้หญิงสาวที่นั่งหันหลังให้ต้องหันไปมอง แต่ก็ยังช้ากว่าวาคิมที่นั่งอยู่ข้างคุณกานดาและเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา

“ลุงเควี่!” เขาทักอย่างแปลกใจและดีใจปะปนกันไป

“ลุงเควี่จริง ๆ ด้วยแม่ผึ้งขา” วลาลีที่นั่งอยู่ด้านข้างเขย่าแขนมารดา

“สวัสดีครับคุณน้ำผึ้ง” เขาเองก็ประหลาดใจมากเมื่อได้พบกับแขกที่มารดาอยากให้รู้จัก และดีใจอย่างมากที่ได้เจอเธอที่นี่ ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้เข้าใกล้เธออีกหนึ่งก้าว และจะก้าวได้ไวขึ้นกว่านี้ถ้ามารดาของเขาช่วย

“สะ สวัสดีค่ะคุณเควิน” หญิงสาวตอบรับเสียงตะกุกตะกัก เธอนึกออกแล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้น ๆ หน้าเขา.. ก็ถอดแบบบิดามาซะขนาดนี้ จะมีก็แต่ผิวใสเรียบเนียนไร้ไฝ ฝ้าเหมือนฝรั่งทั่วไปนั่นแหละที่ได้จากคุณกานดา ส่วนชื่อของเขานั้นก็เคยได้ยินจากเพื่อนรัก แต่เธอดันลืม

“รู้จักกันแล้วเหรอเควี่” คุณสมิธถามด้วยความสงสัย ซึ่งเป็นคำถามที่ตรงกับใจคุณกานดา

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของบิดา เพียงแค่ยิ้ม ๆ แล้วมองหญิงสาวที่นั่งอยู่คนละฝั่งกับตน

“รู้จักสิครับคุณพ่อ โดยเฉพาะน้องคิมน้องวา ใช่มั้ยเด็ก ๆ” ปากตอบคำถามของบิดา แต่สายตายังไม่ได้ละไปจากหญิงสาว และท้ายประโยคยังหันไปถามเด็กทั้งสอง

“คุณยายคะ น้องวากับพี่คิมเคยเจอลุงเควี่ที่ลิฟต์ค่ะ น้องวาพาลุงเควี่ไปหาแม่น้ำผึ้งที่ห้องทำงานด้วยค่ะ เพราะลุงเควี่อยากให้แม่วาดรูปบ้านให้ เน้อพี่คิมเน้อ” วลาลีรายงานถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตามความเข้าใจของตัวเอง และขอเสียงยืนยันจากพี่ชาย ซึ่งวาคิมก็พยักหน้าตอบรับเห็นด้วย

คุณสมิธเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเด็กหญิงตัวน้อย ก็เดาได้ทันทีว่าคงเป็นเมื่อวานนี้แน่ แต่ที่น่าคิดกว่านั้นก็คือคำถามที่หลุดออกมาจากปากของลูกชาย

พ่อเชื่อรักแรกพบหรือเปล่าครับ

“คุณยิ้มอะไรคะสมิธ” คุณกานดาหันไปเห็นสามียิ้มเหมือนกำลังขำอะไรอยู่จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“แล้วผมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ” กระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน “ทานข้าวกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวค่อยไปคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า”

ทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากจบมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว แต่คนที่แปลกไปกว่าทุกครั้งก็คือณัฐวรา เธอพูดน้อยลงมาก ถ้าไม่ถามก็แทบไม่ตอบโต้ ส่วนเด็ก ๆ นั้นก็นั่งต่อ เลโก้ไม่ได้สนใจผู้ใหญ่สักนิด

เควินชวนเธอคุยอย่างเป็นกันเอง และได้ถามถึงอาการของพี่ชายเธอ พร้อมกับขออนุญาตไปเยี่ยมบ้างแต่คงต้องให้เธอพาไป เธอจึงบอกกับเขาว่าเธอไปเยี่ยมพี่ชายทุกวันอาทิตย์ช่วงเช้า เพราะวันอื่นต้องทำงานและต้องให้เวลากับเด็ก ๆ ซึ่งเขาก็ตกลง

“หนูน้ำผึ้งเป็นอะไรรึเปล่า” คุณกานดาถามพร้อมเอามือวางไปที่บ่าของหญิงสาว เริ่มคิดว่าเธออาจจะป่วยอย่างพูดจริง ๆ

“เปล่านี่คะคุณป้า ทำไมเหรอคะ” ถามอย่างสงสัย

“ป้าเห็นหนูไม่ค่อยคุย ดูไม่ค่อยร่าเริงสักเท่าไหร่”

“น้ำผึ้งแค่อยากเป็นผู้ฟังที่ดีบ้างก็เท่านั้น” จะให้เธอบอกได้ยังไงล่ะว่าที่พูดไม่ออกก็เพราะลูกชายของท่านนั่นแหละ ที่ทำให้เธอหน้าแตกปล่อยไก่ทั้งเล้าไปเมื่อวานนี้ ทำงานอยู่บริษัทเขาแท้ ๆ มาบ้านเขาก็หลายครั้ง รูปของเขาก็แขวนโชว์ไว้ในห้องที่เธอนั่งอยู่ตอนนี้ เห็นก็บ่อยแต่ดันจำเขาไม่ได้ โถ ๆ ๆ อยากจะด่าตัวเองเหลือเกินว่าทำไมถึงโง่อย่างนี้

แล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ดันมาปิ๊งเจ้านายตัวเองอีก อยากรู้นักถ้าคนอื่นมาเจอแบบเธอยังจะคุยได้อยู่หรือไม่ คิด ๆ แล้วก็สงสารตัวเองยิ่งนัก เจอคนที่ใช่แต่ก็ต้องกินแห้วแทนข้าวเสียแล้ว

เฮ้อ..ชาตินี้คงหมดหวัง ชาตินี้คุณคงเป็นได้แค่สามีในฝันของฉัน เอาไว้ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ละกันนะคะคุณเควิน คิดแล้วน้ำตาตกในจริง ๆ

“น้องคิม น้องวา ปิดเทอมเมื่อไหร่จ๊ะหนูน้ำผึ้ง” คุณกานดาถามเข้าเรื่องที่ตั้งใจไว้เมื่อพูดคุยกันได้พักใหญ่แล้ว

“วันนี้เรียนวันสุดท้ายแล้วค่ะคุณป้า”

“งั้นเอาเด็ก ๆ มาอยู่ที่นี่นะ น้องคิม น้องวา มาอยู่กับตากับยายนะลูก” คุณกานดารีบขอความเห็นกับเด็กทั้งสองแทนหญิงสาว เพราะรู้ว่าเธอต้องปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง “มาอยู่กับยายแม่น้ำผึ้งจะได้ไม่เหนื่อยมาก แล้วยายจะให้พี่ไก่ กับพี่วัน พาไปเล่นของเล่นที่สนามที่พวกหนูเคยไปทุกวันเลยดีมั้ยลูก” ท่านหมายถึงสวนสาธารณะของห้างแห่งหนึ่งที่มีทั้งสนามเด็กเล่น สถานที่ออกกำลังกาย มีบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ที่สามารถให้อาหารปลาได้ ส่วนพี่วันกับพี่ไก่นั้นก็คือสาวใช้ที่บ้านหลังนี้นั่นเอง

“คุณป้าคะ หนูว่า...”

“ให้เด็ก ๆ ตัดสินใจดีกว่านะจ๊ะ.. ว่าไงจ๊ะน้องคิม น้องวา มาอยู่กับยายกับตาแล้วก็ลุงเควี่นะลูกนะ”

วาคิมหันมายิ้มให้ทุกคน เด็กชายโตพอที่เข้าใจอะไรได้แล้ว เขารู้ว่าแม่น้ำผึ้งของเขานั้นคงเหนื่อยอย่างที่คุณยายบอกจริง ๆ เพราะต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร อาบน้ำแต่งตัวให้น้องสาว ส่วนตัวของเขานั้นเขาขอทำเองเพราะโตแล้ว

เสร็จแล้วก็พาเขากับน้องไปส่งที่โรงเรียนแล้วจึงไปทำงาน แม่ไม่มีเวลาแม้กระทั่งนั่งทานอาหารเช้าพร้อมเขากับน้อง แม่ต้องเตรียมข้าวใส่กล่องไปกินที่ออฟฟิศ เพราะถ้ากินที่บ้านพร้อมกันจะทำให้พวกเขาไปโรงเรียนสาย เขาสงสารแม่มาก การที่มาอยู่กับคุณยายก็จะทำให้แม่ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูแลเขากับน้องวา แม่จะได้เหนื่อยน้อยลงในช่วงปิดเทอม

“น้องคิมจะมาอยู่กับคุณยายครับแม่น้ำผึ้ง น้องคิมคิดถึงคุณยาย อยากอยู่กับคุณยาย” แล้วเดินไปนั่งแทรกตรงกลางระหว่างมารดากับคุณยายพร้อมส่งยิ้มให้ทั้งสองคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel