บท
ตั้งค่า

2

เด็กทั้งสองไหว้ลาชายหนุ่ม ส่วนหญิงสาวก็ส่งยิ้มให้ รอยยิ้มของเธอทำให้เขานึกอยากจะเข้าไปจูบลาเสียเหลือเกิน เพราะเธอยิ้มแล้วดูสวยสดใสมาก

หลังจากส่งแขกแล้วณัฐวราก็พาเด็ก ๆ เข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง แล้วปล่อยให้พวกเขาทบทวนบทเรียนเพื่อรอเวลาเลิกงาน ส่วนเธอก็ทำงานของตัวเองไปเรื่อย ๆ

แต่ก็มีเผลอใจนึกถึงชายหนุ่มที่ชื่อเควิน สาเหตุเพราะถูกใจอย่างแรง และรู้สึกคุ้นกับชื่อของเขาเหลือเกิน หน้าตาก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนคนรู้จักแต่นึกไม่ออก สุดท้ายเลยสรุปกับตัวเองว่าเป็นเพราะเขาถูกสเป็กเธอมาก เธอจึงรู้สึกแบบนี้

โธ่เอ้ย! ถ้าจะบ้านะแก อยู่มาจนครึ่งคนแล้วจะมาหวั่นไหวอะไรตอนนี้วะ เธอด่าตัวเองในใจแล้วเริ่มกลับมาสนใจงานตรงหน้าอย่างจริงจัง

             เควินคุยกับบิดาอยู่ในห้องทำงานของท่าน เขาคุยกับท่านไปเรื่อย ๆ เกี่ยวกับงานแต่ละสาขาที่ได้ไปดูมา จนกระทั่งมาถึงเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจ

  "พ่อครับ ตอนที่ผมขึ้นลิฟต์มาผมเห็นเด็กเล็ก ๆ สองคนขึ้นมาพร้อมผม พวกเขาไปที่ชั้นสาม มีอะไรที่ผมยังไม่รู้หรือเปล่าครับ" 

"แกนี่เซ้นต์ดีจริง ๆ เลยนะ" คุณสมิธรู้ทันทีว่าเด็กที่ลูกชายเขาพูดถึงคือคิมกับวา หลานของณัฐวรา เพราะมีเพียงเด็กสองคนนี้เท่านั้นที่ได้รับอภิสิทธิ์เหมือนเป็นพนักงานของบริษัท 

"ผมกำลังรอฟังอยู่ครับ"    

"หลานของหนูน้ำผึ้งเขาน่ะ"    

ชายหนุ่มถึงกับใจเต้นแรงเมื่อได้ยินบิดาบอกว่าเด็กสองคนนั้นเป็นหลานของน้ำผึ้ง และแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่ให้บิดารู้

เขาคิดว่าเขาสนใจเธอมาก และตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่แม่ของเด็กสองคนนั้น แบบนี้เขาก็มีสิทธิ์ที่จะพิชิตใจเธอ   

"พ่อครับพ่อเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ยครับ"   

 "อะไรของแกเควี่ พ่อตามแกไม่ทันจริง ๆ นะเนี่ยะ อยู่ ๆ ก็มาถามเรื่องรักแรกพบ" คุณสมิธงงกับลูกชายเป็นอย่างมาก ที่อยู่ ๆ ก็ถามประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันอยู่เลยออกมา

เควินรู้สึกตัวว่าปล่อยไก่ออกไปก็รีบกลบเกลื่อนทันที "เปล่าครับพ่อ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย เมื่อกี้พ่อบอกผมว่าหลานของใครนะครับ แล้วทำไมต้องพามาที่บริษัทด้วย แบบนี้มันจะไม่เสียระบบหรือครับพ่อ"      

"ยิ่งกว่าให้เขาเอาหลานมาเลี้ยงที่นี่แม่แกยังทำเลย แกรู้มั้ยตลอดสามปีที่ผ่านมา ถ้าโรงเรียนปิดเทอมเมื่อไหร่ แม่ของแกเอาเด็ก ๆ ไปอยู่ด้วยที่บ้านทุกครั้ง พ่อกับแม่รักพวกเขาเหมือนลูกหลานของตัวเองก็ไม่ผิด อยากจะให้พวกเขามาอยู่ด้วย แต่น้ำผึ้งเขาปฏิเสธ เขาขอแค่ให้พ่อยอมให้เด็ก ๆ มารอเขาที่บริษัทได้เขาก็พอใจแล้ว มันก็เลยกลายเป็นแบบที่แกได้เห็นนั่นแหละเควี่"

"แล้วทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ดีกับเขาขนาดนั้นครับ" ถามด้วยความสงสัยอย่างมาก

"แกฟังพ่อให้ดีนะเควี่ น้ำผึ้งเขามีพี่ชายชื่อวายุ แล้ววายุเขาเคยช่วยชีวิตแม่แกไว้ไม่ให้ถูกรถชน วายุเขาช่วยแม่แกได้แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาถูกรถชนหัวกระแทกพื้น กลายเป็นเจ้าชายนิทราตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็สามปีกว่าแล้ว วายุเขาเป็นสถาปนิกที่บริษัทเรามาเป็นสิบปีก่อนเกิดเรื่อง ส่วนน้ำผึ้งก็ทำงานกับเรามาเกือบสิบปีแล้วเหมือนกัน

สองพี่น้องทำงานอยู่กับเรา แล้วพี่ชายเขาก็เป็นแบบนี้เพราะเรา ถ้าเป็นแกจะทำยังไง ในเมื่อเขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือเรื่องเงินจากเราเลย ทุกวันนี้ที่พ่อจ่ายให้เขาอยู่ก็เป็นแค่ค่ารักษาพยาบาลของพี่ชายเธอเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้แม่แกก็ถึงกับต้องขอร้องว่าวายุเขาเจ็บเพราะเรา ขอให้เราได้มีส่วนรับผิดชอบบ้างเธอถึงยอม เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ เป็นแกจะยอมให้อภิสิทธิ์กับเธอไหมล่ะ" 

"ผมเข้าใจแล้วครับ เลยเวลาเลิกงานแล้ว ผมว่าเรากลับบ้านกันดีกว่า"

"พ่อว่าแกกลับไปให้แม่เห็นหน้าบ้างก็ดีนะ ไปอยู่เมืองนอกเป็นสิบ ๆ ปี กลับมาหาพ่อแม่ปีละสองสามครั้ง พอถึงเวลากลับมาดูแลธุรกิจของตัวเอง กลับมายังไม่ทันให้แม่ได้หายคิดถึงก็ไปทัวร์ทั่วไทยซะนี่ แม่แกบ่นกับพ่อจนหูชาหมดแล้ว"        

"พ่อครับ ผมไปดูธุรกิจของเรานะครับ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แล้วต่อไปนี้ก็จะกลับบ้านทุกวัน ตั้งใจว่าตั้งแต่พรุ่งนี้จะเริ่มเข้ามาเรียนรู้งานกับพ่อที่บริษัทด้วย" เควินอธิบายให้บิดาฟัง แล้วก็ชวนท่านให้กลับไปคุยกันต่อที่บ้าน

         ณัฐวรานั่งลงที่โต๊ะทำงานภายในห้องนอน หลังจากที่พาเด็ก ๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว วันนี้เธอมีงานที่ต้องแก้ไขบางจุดตามคำสั่งของลูกค้า เธอจึงมาทำที่บ้านเพราะไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องรอนาน

เธอสงสารหลาน ๆ ของตัวเองมาก กำพร้าแม่ยังไม่พอ พ่อก็ต้องมานอนเป็นเจ้าชายนิทราอีก แต่เด็ก ๆ ไม่เคยรับรู้เรื่องแม่ของพวกเขาหรอก คิดว่าเธอเป็นแม่มาตลอด ซึ่งเธอก็เต็มใจที่จะรับหน้าที่นี้ เพื่อความสุขของหลานเธอทำได้ทุกอย่าง

         หญิงสาวยังไม่ทันได้เริ่มงานโทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงดังขึ้น เธอเดินไปหยิบกระเป๋าทำงานที่วางไว้บนเตียงนอน

“ทำอะไรอยู่วะน้ำผึ้ง กว่าจะรับสายได้” ทิวารีหรือเอต่อว่าเพื่อนสาวที่ปล่อยให้ฟังเพลงรอสายอยู่นาน 

“ก็รีบแล้ว แต่กระเป๋าฉันมันใบใหญ่ รกไปหมด มีอะไรวะ” เธอถามเข้าประเด็น 

“จะโทรมาบอกว่าเสาร์นี้เจอกันที่โรงเบียร์...”  ทิวารีบอกสถานที่นัดพบและเวลา

ในแก๊งเพื่อนสนิทของเธอนั้นมีอยู่ทั้งหมดเจ็ดคนด้วยกัน จะนัดเจอกันทุกวันเสาร์สิ้นเดือน ซึ่งทำแบบนี้ต่อเนื่องมาเป็นเวลาแปดปีแล้ว 

“โอเค เดี๋ยวฉันบอกสินีให้นะ” หญิงสาวรับอาสาเพราะทำงานที่เดียวกัน

         “โอเค แกพาน้องคิมกับน้องวามาให้ไวหน่อยนะ เพราะพี่นัทเขาจะพาเด็ก ๆ ไปดูหนัง” ทิวารีหมายถึงสามีของเธอ สามีของเธอรู้เรื่องราวของเพื่อนรักดี เขาจึงให้ความรักและความเอ็นดูหลานของเพื่อนมาก ทุกครั้งที่มีนัดสังสรรค์กับเดอะแก๊ง เขาจึงรับอาสาดูแลเด็ก ๆ ให้เสมอ 

         บ้านของเควิน

         “จะไปไหนลูก แต่งตัวหล่อเชียว” กานดาถามลูกชายสุดหล่อที่เดินมากอด พร้อมกับเอียงแก้มให้

“ตั้งใจจะเข้าไปที่บริษัทครับแม่ ไปทดลองงานให้คุณพ่อดูก่อนว่าผ่านหรือเปล่า” เขาพูดหยอกกับมารดา

         “แล้วจะกลับเร็วมั้ยลูก” 

“คุณแม่จะไปไหนเหรอครับ งั้นผมยังไม่เข้าบริษัทวันนี้ก็ได้”  

“ไม่ได้ไปไหนหรอก ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบไปไหน ไปทีไรกลับมาก็ป่วยทุกที แต่วันนี้แม่มีคนจะแนะนำให้ลูกรู้จัก เลิกงานแล้วรีบกลับมานะ”

“ใครเหรอครับแม่”

“ตอนเย็นกลับมาก็รู้เองแหละลูก รีบไปทำงานเถอะไป” กานดารีบรวบรัดตัดความเพราะไม่อยากให้ลูกชายถามมาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel