ตอนที่2-1 พันธะซ่อนเร้น
พิลาสินีใจเต้นแรง มองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนเฉไฉตอบไป “คุณจำคนผิดแล้วค่ะ ปล่อยฉัน”
“ผมมั่นใจว่าไม่ผิด” เขากดน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำเน้นย้ำว่าเขาจำเธอได้
เป็นเวลาเดียวกับที่คุณหมอเอริคเดินเข้ามาพร้อมเครื่องมือที่ออกไปหยิบจากห้องพักแพทย์ ใบหน้าระบายยิ้มจางหายนัยน์ตาคมกล้าภายใต้แว่นตามองมือหนาของคนไข้ที่จับมือผู้ช่วยของตนมันเป็นลักษณะของการยื้อเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
เอริคเดินยิ้มสบายๆเข้ามา
“ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องตื่นเต้นนะครับคุณไทเลอร์ ปล่อยมือที่จับผู้ช่วยของหมอออกก่อนก็ได้”
ไทเลอร์หรี่ตามอง เห็นชัดว่าไอ้หมอนี่ต้องคิดอะไรกับผู้ช่วยตัวเองเหมือนกัน เขามองพิลาสินีอย่างฝากไว้ก่อน แล้วปล่อยมือที่รัดแน่นราวกับคีมเหล็กออก
“ขอโทษทีครับ ผมกลัวมากไปหน่อยเลยเผลอไปจับมือผู้ช่วยหมอเข้า” ไทเลอร์พูดยิ้มๆกับเอริค แต่พิลาสินีรู้ดีว่ามันเป็นการเสแสร้งจึงขึงตาใส่
เอริคยิ้มกว้าง แต่ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไม่เป็นไรครับ หมอเคยไปนั่งรอเพื่อนที่เป็นหมอเด็ก หมอเห็นเด็กเล็กๆเวลามาหาหมอก็มักจะมีอาการหวาดกลัวกันทุกคน แต่นั่นเป็นเฉพาะกับเด็กนะครับ แต่กับผู้ใหญ่หมอไม่ค่อยเห็น”
ไทเลอร์ขบกรามแน่น หมอคนนี้ดูมีอารมณ์โกรธมากเกินปกติ สาเหตุจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากคนตัวเล็กที่ยืนหน้าตึงอยู่ข้างเตียงเขา
พิลาสินีเห็นบรรยากาศระหว่างคนไข้กับหมอเริ่มไม่ค่อยดีจึงพูดขึ้นเบรคความอึมครึม
“คุณหมอคะ นั่น-คน-ไข้... รอตรวจนานแล้วค่ะ” พิลาสินีเตือนสติ เน้นย้ำคำว่าคนไข้ให้เอริคฟัง
บรรยากาศที่ปั่นป่วนเมื่อครู่จึงสงบลง เอริคสาวเท้าไปที่เตียงคนไข้
“คุณไทเลอร์ครับ หมอขอตรวจแค่ไม่นาน ทำตัวตามสบาย” เอริคพยายามรักษากิริยาและบรรยากาศให้เป็นไปตามปกติขัดกับภายในใจที่ขุ่นมัวหากเขาไม่ได้สวมบทบาทหมอก็ไม่แน่ใจนักว่าแฟ้มคนไข้ในมือจะคงอยู่นิ่งๆ หรือขยับไปฟาดหัวใคร
แต่เมื่อเอริคเห็นว่าคนไข้ที่เขาตั้งใจทำการตรวจไม่ได้มองเขาเลยแต่สายตาคมกริบอีกฝ่ายไปหยุดอยู่ที่ร่างของผู้ช่วยสาว เขาก็กระแอมขึ้น
“เดี๋ยวเชิญคุณผู้ช่วยออกไปก่อน แล้วปิดม่านให้ผมด้วย” เอริคบอกอย่างสุภาพ
พิลาสินีรับคำ หมุนตัวเดินออกไปไม่ลืมที่จะปิดม่านให้ อดโล่งใจไม่ได้ที่เอริคให้ออกมา หัวใจดวงน้อยยังเต้นระรัวหากเมื่อครู่หมอเอริคเข้ามาไม่ทันเธอคงถูกเขาจู่โจมหนักกว่านี้
ฝ่ายไทเลอร์ไม่คิดจะพูดอะไรอีก เพราะรู้ว่าคงไม่สามารถเค้นความจริงอะไรจากพิลาสินีได้ในตอนนี้ จึงยอมปล่อยเธอไป แต่เขารู้ดีว่าเขาจะต้องกลับมาอีก
“คุณไทเลอร์ครับ แต่งตัวแล้วเชิญคุยกับผมที่โต๊ะ” เอริคเรียก
ไทเลอร์เห็นว่าอีกฝ่ายใช้น้ำเสียงระมัดระวังกับเขา และระหว่างที่ทำการตรวจก็ตั้งใจทำหน้าที่หมออย่างดี เขาจึงทำตามที่อีกฝ่ายสั่ง มือหนาหยิบกางเกงที่วางอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียงมาสวม เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จแล้วก็ออกไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะหมอ
“อาการของผมเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“อาการของคุณไม่มีอะไรต้องกังวลครับ...” เอริคอธิบายต่ออย่างละเอียด ไม่ว่าคนไข้ถามอะไรมาเขาก็ตอบได้หมด และให้ความมั่นใจกับไทเลอร์ว่าจะต้องหายขาดได้ “ผมจะให้ยาคุณไปลองกินดู แล้วค่อยมาคุยกันอีกครั้งหลังจากคุณกินยาชุดแรกหมด เชิญคุณรอรับยาที่ด้านนอกได้เลยนะครับ จะมีเจ้าหน้าที่พาคุณไป”
ไทเลอร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหมอเอริคอีกครั้ง อีกฝ่ายนับว่าแยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวออกได้ดี เห็นดังนั้นไทเลอร์จึงลุกขึ้นลาอีกฝ่ายแล้วเปิดประตูออกไป
เจ้าหน้าที่ที่มาพาเขาไปรับยาไม่ใช่พิลาสินี แต่ไทเลอร์ก็ยินยอมเดินตามเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นไปแต่โดยดี กระทั่งจ่ายเงินเสร็จและไปรับยาที่เคาน์เตอร์เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพิลาสินี
ฟากพิลาสินีลอบมองไทเลอร์ที่รับยาแล้วเดินกลับไปที่ลานจอดรถด้วยแววตาสับสน กระทั่งเขาขึ้นรถยนต์แล้วขับออกไปจากหน้าคลินิก พิลาสินีก็ยังว้าวุ่น กระวนกระวาย ความหลังดำมืดที่ผ่านมาทำให้เธอไม่เปิดใจรับใคร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่เคยลืมคนรักเก่า
ใช่ คนๆนั้นคือไทเลอร์ เครก
พิลาสินีกัดริมฝีปากแน่น เมื่อหวนคิดถึงอดีต เรื่องทุกอย่างมันควรจะจบลงไปแล้วตามที่พิลาสินีเข้าใจ แต่เขาจะเข้าใจเหมือนเธอหรือเปล่า ดูจากท่าทางของเขาตอนที่มองหน้าเธอ เขาทำท่าเหมือนผีมาทวงแค้นยังไงไม่รู้ เธอกลัวเขาจะมาขุดคุ้ยเรื่องของเธอ หากความลับที่เธอปิดบังซ่อนไว้ถูกเขาสงสัยและตามค้นหาจนเจอ เธอจะทำยังไง
ไม่ได้การแล้ว พิลาสินีบอกตัวเองในใจ เธอต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อผนึกความลับที่ซ่อนเร้นให้เป็นความลับต่อไป
‘คุณกับฉันไม่น่าจะมาเจอกันอีกเลย...ไทเลอร์’
ลีโอผู้ช่วยของไทเลอร์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ไทเลอร์รับแฟ้มเอกสารที่รวบรวมข้อมูลของ พิลาสินี วอร์วิค มาดู จากการที่นักสืบหาข้อมูลมาได้ เขาออกจะประหลาดใจนิดๆ ที่เธอไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่นั่นก็เรื่องของเธอ เขาไม่สนใจ เพราะมีเรื่องอื่นที่อยากรู้มากกว่า
