บท
ตั้งค่า

ตอนที่1-6

เอริคเก็บมายื่นให้แล้วสังเกตความผิดปกติบนใบหน้า “คุณไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ”

“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ” พิลาสินีตอบเอริค แต่ดวงตาอดเหลือบมองไปที่คนนอนบนเตียงไม่ได้

เมื่อครู่เธอมองเห็นร่างคุ้นตาของเขากำลังสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกำยำนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง แล้วหน้าที่ของเธอก็คือวัดความดัน และช่วยให้คุณหมอตรวจคนไข้ให้ได้รับความสะดวกที่สุดเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ

เธอไม่เคยเชื่อทฤษฎีโลกกลมมาก่อน จนกระทั่งมาเจอเข้ากับตัวเอง ถึงแม้เขาจะมีผ้าปิดจมูกคาดทับใบหน้าไปกว่าครึ่งแต่แค่เพียงเสี้ยวหน้าด้านบนเธอก็จำเขาได้

ใบหน้าสวยหวานเครียดจัดแต่ต้องขยับตัวเข้าไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังหวาดกลัว ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ยิ่งเห็นดวงตาที่คุ้นเคยมองมาราวกับจะจำเธอได้อย่างไม่วางตา ก็แทบหยิบจับอะไรไม่ถูก

แพตตี้ ไทเลอร์ครางออกมา เขาตกใจมากเหมือนกันที่เห็นพิลาสินีที่นี่ เมื่อครู่เขาเดาว่าที่เธอทำอุปกรณ์หล่นจากมือก็คงเพราะตกใจที่เจอเขาเหมือนกัน แต่ไทเลอร์ก็เลือกที่จะเงียบเพื่อดูสถานการณ์ ร่างสูงกำยำแข็งค้างอยู่ท่าเดิม มีเพียงดวงตาสีสนิมเท่านั้นที่มองคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย มีคำถามและความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่ในนั้น

มือที่จับอุปกรณ์วัดความดันสั่นเทา เธอเพิ่งเห็นชื่อคนไข้ที่พิมพ์อยู่ในแฟ้มประวัติ เพราะมิเชลเป็นคนไปหยิบมาให้ พิลาสินีทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าตั้งสติ แล้วหยิบผ้าปิดจมูกมาสวม เพราะหน้าที่ความรับผิดชอบทำให้เธอปฏิเสธคนไข้ไม่ได้ และต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์

“สวัสดีค่ะ” เสียงผู้ช่วยแพทย์เอ่ยขึ้น “ขอวัดความดันหน่อยนะคะ”

“สวัสดีครับ” ไทเลอร์ตอบกลับ

เขานึกขำอีกฝ่ายในใจ ท่าทีงุ่มง่ามที่เธอพยายามฝืนข่มมันไว้เธอยังทำได้ไม่ดีเท่าไร และที่เอาผ้าปิดจมูกมาปิดตอนนี้คิดว่ามันทันหรือ เขาจำเธอได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้ากัน

แต่ในเมื่อพิลาสินีทำเป็นไม่รู้จักเขา เขาก็จะเล่นตามน้ำ คอยดูท่าทางของเธอต่อไป มือเรียวบางที่ยังสั่นระริกสอดอุปกรณ์วัดความดันเข้ามากับท่อนแขนกำยำของเขา แล้วพิลาสินีก็กดปุ่มเริ่มวัดความดัน

ไทเลอร์ดึงผ้าปิดจมูกที่เขาคาดไว้อยู่ออก ทำให้คุณผู้ช่วยสาวตกใจ

“ผมรำคาญไม่อยากสวมหน้ากากอนามัยแล้ว”

อีตาบ้า ตกใจหมดเลย พิลาสินีคิดในใจ ตอนนี้เขาขยับตัวหรือจะทำอะไรกลายเป็นว่าเธอขวัญอ่อนไปหมด

ตั้งสติเข้าไว้แพตตี้ อย่าขวัญอ่อนเกินไป พิลาสินีเตือนสติตัวเอง แล้วมองตัวเลขที่หน้าจอเล็กๆ บนเครื่องวัด เธอนึกอยากให้เครื่องทำงานเร็วกว่านี้เสียเหลือเกินจะได้ไม่ต้องทนยืนอยู่ใกล้ๆ เขาให้อึดอัดใจ

ฝ่ายไทเลอร์เองหลังจากดึงผ้าปิดจมูกออกแล้ว เขาก็ไม่ได้ขยับตัวทำอะไรอีก พิลาสินีค่อยรู้สึกหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย

กระทั่งเครื่องวัดความดันทำงานเสร็จ พิลาสินีรีบถอดสายรัดตรงท่อนแขนกำยำออกมา เขาไม่ได้ทำให้เธอทำงานยาก ตรงกันข้ามเขาช่วยยกแขนขึ้นให้เธอดึงสายรัดออกโดยง่าย

“ความดันปกตินะคะ”

“แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ปกติ”

“ไม่ปกติยังไงคะ”

“ผมรู้สึกว่าใจเต้นเร็ว ความดันน่าจะขึ้นสูง อีกอย่างผมเองก็สงสัย”

“สงสัยอะไรคะ”

“สงสัยว่าทำไมคุณถึงมายืนอยู่ตรงนี้ในคลีนิคแห่งนี้”

พิลาสินีแทบเข่าอ่อน เมื่อถูกเขาจู่โจมด้วยคำถาม สงสัยเธอต้องขอให้มิเชลมาทำหน้าที่ช่วยเอริคแทนเสียแล้ว ทว่ากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี เสียงเอริคก็ดังขึ้นราวกับระฆังช่วยชีวิต

“คนไข้ความดันเป็นยังไงบ้าง”

“เอ่อ ปกติค่ะ...” พิลาสินีรีบควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นตอนตอบออกไป

เอริคเหมือนจะอยากถามอะไร เมื่อเห็นสายตาคู่คมกริบของคนไข้ที่มองผู้ช่วยของเขา

“ขอบคุณมากแพตตี้”

“สวัสดีครับคุณไทเลอร์ ผมหมอเอริค ผมอ่านประวัติของคุณแล้ว คิดว่าอาการของคุณไม่มีอะไรต้องกังวลครับ แต่ขอหมอตรวจและก็ซักถามอะไรนิดหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ ผมยินดีตอบคำถามทุกอย่าง ขอให้คุณหมอรักษาให้หายขาดก็พอ”

พิลาสินีกำลังว้าวุ่นใจอยู่ จึงไม่ได้สนใจนักว่าเขามารักษาด้วยอาการอะไร แต่พอคาดเดาได้จากการที่เขาเลือกมาที่คลีนิคเฉพาะทางแห่งนี้ ก็เดาได้อย่างรวดเร็วว่าต้องมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลับของท่านชายจำได้ว่าตอนนั้นที่เลิกกับเขา เขาเล่าให้ฟังว่ามีปัญหาเรื่องขนาด

ฝ่ายเอริคจากการลอบสังเกตคร่าวๆก็ไม่เห็นว่าคนไข้มีท่าทีผิดปกติอะไร เมื่อครู่เขาคงคิดมากไปเองที่นึกว่าคนไข้จะลวนลามผู้ช่วยสาวของเขา

เอริคยิ้ม “แพตตี้เดี๋ยวอยู่ช่วยผมตอนตรวจด้วย คุณดูความเรียบร้อยของคนไข้ให้เรียบร้อย ผมขอไปหยิบเครื่องมือสักครู่”

ทันทีที่ได้ยินเสียงเอริคสั่ง ก็เท่ากับดับฝันของพิลาสินีให้พังลงตรงหน้า ตอนแรกจะบอกคุณหมอว่าต้องการเปลี่ยนตัวกับมิเชล แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว เอริคเดินออกนอกห้องตรวจไปแล้ว

พิลาสินีรู้ว่าเธอต้องทำอะไรบ้างในการอยู่ช่วยแพทย์ที่ทำการตรวจ คำว่าตรวจดูความเรียบร้อยนั่นก็คือการตรวจดูว่าคนไข้ได้ปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงออกเรียบร้อยหรือยังเพื่อให้สะดวกต่อการตรวจของแพทย์ บางครั้งก็ต้องทำความสะอาดด้วย งานในหน้าที่เหล่านี้เธอทำจนชินอย่างไม่ได้คิดอะไรนอกจากเป็นงาน

“ได้ค่ะคุณหมอ” พิลาสินีตอบออกไปในที่สุด พร้อมกับหันไปหยิบถุงมือยางมาสวม

ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะหนักใจเท่าครั้งนี้ ใบหน้าขาวอมชมพูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ โชคดีที่มีผ้าปิดจมูกคาดปิดไว้จึงเบาใจว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็น พิลาสินีเรียกสติตัวเองให้พร้อมทำงาน

“ขอตรวจดูความเรียบร้อยหน่อยนะคะ”

“เชิญตามสบาย” เสียงไทเลอร์ตอบกลับเรียบๆ

พิลาสินีขยับเข้ามาใกล้ เปิดผ้าคลุมออกอย่างสุภาพตามหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ที่ดี ทว่าความอลังการที่ถูกเปิดเผยออกมาหลังจากที่เธอเลิกผ้าคลุมออกก็ทำให้ผู้ช่วยสาวไม่อายไม่ได้

“อ้าว คุณถอดกางเกงรอไว้แล้วนี่นา”

“ก็ใช่น่ะสิ ผมถอดรอไว้ตั้งนานแล้ว จนน้องชายผมหนาวไปหมด”

“คนลามก ทำไมไม่บอกกันก่อนว่าถอดแล้ว” พิลาสินีอดว่าไม่ได้ ทีแรกเธอนึกว่าเขายังไม่ได้ถอดกางเกงออก จึงไม่ได้เผื่อใจว่าจะได้เห็นอะไรที่ใหญ่โตขนาดนั้นต่อหน้าต่อตา

“ที่คลีนิคแห่งนี้เขาทำงานกันยังไง เจ้าหน้าที่ข้างนอกบอกให้ผมถอดรอเลยแต่คุณกลับตกใจที่เห็นผมถอดรอ ถ้าทำงานกันแบบนี้ คนไข้อย่างผมมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้นะ”

“ใจเย็นก่อนค่ะ เป็นฉันเองที่เข้าใจผิด ในเมื่อคุณถอดเองก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาฉัน”

พิลาสินีข่มความโมโห ถ้ารู้ว่าเขาจะมาที่นี่เธอจะรีบโทรมาลางานแต่เช้า

“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวคุณหมอจะกลับเข้ามาตรวจ”

“เดี๋ยว”

ข้อมือเรียวถูกคนที่นอนบนเตียงดึงเอาไว้ ร่างที่กำลังจะหมุนกลับออกไปถึงกับซวนเซแต่โชคดีที่ไม่ล้มลงไป

ไทเลอร์ดึงหน้ากากที่อยู่บนดวงหน้าสวยออกอย่างรำคาญ “ถึงคุณจะสวมหน้ากากอนามัย แต่ผมรู้ว่าภายใต้หน้ากากคุณเป็นใคร”

พิลาสินีตกใจ ขืนตัวออกพร้อมกับยื้อเอาผ้าปิดจมูกคืนแต่กลับถูกเขาดึงกลับไปได้อีกครั้ง มือเรียวรีบยันอกแกร่งเอาไว้ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกเขาสวมกอดแน่น

“ปล่อยฉัน ปล่อยค่ะ”

ไทเลอร์จำความใจร้ายของพิลาสินีได้ดี เธอหลอกให้เขารักและก็ตีจากไปแต่งงานกับคนอื่น ทำความมั่นใจในเรื่องเพศของเขาเหลวแหลกแตกกระเจิง ไทเลอร์เลิกคิ้วสูงมองอย่างว่างเปล่า พิลาสินี วอร์วิค อดีตนักศึกษาแพทย์แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงเรียนไม่จบและเป็นได้แค่ผู้ช่วยแพทย์ เวลานี้เธออยู่ใต้จมูกของเขาแท้ๆ แต่กลับไม่เคยพบกัน และหลังจากนี้เธอต้องชดใช้ให้เขาอย่างสาสม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel