บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 เสนอหน้า (1)

บทที่ 6

เสนอหน้า (1)

บ้านหลังใหญ่ท้ายไร่ถูกใช้เป็นสถานที่รวมพลของเหล่านายตำรวจและทีมไล่ล่าแก๊งค้ายานรก

ศตวรรษเปิดบ้านต้อนรับเตวินทร์และพวกพ้องในทีมเดียวกัน สายสืบรายงานว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าตัวพ่อค้ายานรกจะมีนัดส่งของล็อตสำคัญ เขาในฐานะหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมก็ยินดีที่จะใช้บ้านตัวเองเป็นที่หารือและวางแผนสำหรับการจับกุมที่จะเกิดขึ้น

“ครั้งที่แล้วที่พวกมันไหวตัวทันเป็นเพราะมีหนอนหรือเปล่า” เจ้าบ้านถามถึงประเด็นที่อยากรู้หลังนั่งฟังแผนการจากหัวหน้าอย่างเตวินทร์อย่างครบถ้วนแล้ว ในเมื่อเขารับรู้แผนการทั้งหมดก็ถึงเวลาตั้งคำถามในสิ่งที่ค้างคามาตลอดร่วมเดือนสักที

“ทีมกูไว้ใจได้ทุกคน” เตวินทร์มองหน้าทุกคนในทีม เขามั่นใจว่าลูกน้องของเขาไว้ใจได้ อีกทั้งยังรู้ถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้การดักจับครั้งนั้นล่มไม่เป็นท่า “นายกูแม่งเป็นพวกไอ้หิรัญ”

“ฮะ?” ศตวรรษดีดตัวขึ้นจากที่เอนหลังพิงเก้าอี้ เขาได้ยินชัดเจน แต่ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เพื่อนพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่

“นายกูเป็นพวกของไอ้หิรัญ ตำรวจยศสูง ๆ ก็เลียแข้งเลียขามันทั้งนั้นแหละ ครั้งที่แล้วที่มันไหวตัวทันเพราะนายกูเป็นคนบอก” ไม่ได้พูดถึงชื่อหรือตำแหน่งของผู้เป็นนาย แต่ศตวรรษก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาที่เพื่อนรับคำสั่ง

ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่เพราะ ‘หิรัญ’ ที่พูดถึงนั้นเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ เบื้องหน้าทำตัวเป็นพวกใจบุญสุนทาน ก่อสร้างธุรกิจถูกกฎหมายเพื่อฟอกขาวความเหม็นคาวที่ตัวเองทำ คนในพื้นที่ย่อมรู้ว่าท่านหิรัญโหดเหี้ยมและทรงอำนาจ แถมยังมีพี่ชายต่างมารดาที่เป็นระดับบิ๊กในภาคเหนือ

ไม่แปลกเลยที่ใครต่อใครต่างก็เกรงกลัว ตำรวจยศใหญ่ก็ได้เศษเงินมาจากคนเลวพวกนี้ทั้งนั้น

“แล้วครั้งนี้มึงจะบอกนายมึงไหม”

“บอกก็เหี้ยแล้ว ไว้ค่อยบอกตอนจับตัวมันได้ทีเดียว ไม่งั้นกูกับลูกน้องโดนสอบอ่วมแน่” ขั้นตอนราชการเป็นไปตามแบบแผนและพิธีรีตอง การจะทำการใดย่อมต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเสมอ หากแต่ครั้งนี้สารวัตรเตวินทร์ตัดสินใจที่จะทำภารกิจโดยพลการ

รู้ทั้งรู้ว่ามันเสี่ยงต่อหน้าที่การงาน แต่เขาจะปล่อยให้คนเลว ๆ ลอยหน้าลอยตาทำผิดกฎหมายต่อไปไม่ได้

“มีตำรวจดี ๆ แบบมึงสักร้อยคนประเทศเราคงเจริญกว่านี้ว่ะ แม่ง...ภูมิใจฉิบหายที่มีเพื่อนอย่างมึง” ศตวรรษเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อน มองเห็นอุดมการณ์อันแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวก็รู้สึกภาคภูมิราวกับเป็นฝีมือตัวเอง

เขาเป็นเพื่อนกับเตวินทร์มาตั้งแต่สมัยเรียน ลอกข้อสอบ ปีนกำแพงโดดเรียน ทำตัวเกเร แต่พอจบชั้นมัธยมก็เติบโตรู้ความจนเปลี่ยนนิสัย คงต้องขอบคุณโรงเรียนนายร้อยที่สั่งสอนให้เพื่อนเขาเป็นคนดีขนาดนี้ แม้ว่าจะรายล้อมด้วยควันสีเทาของความโสมมก็ตาม

“แล้วมึงจำหน้าไอ้คนที่ทำร้ายมึงได้ไหมวะ” เตวินทร์ถามพลางหยิบเครื่องดื่มสีอำพันตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม

“จำได้แม่นเลยไอ้สัส! ครั้งนี้กูจะลากตัวมันมาเข้าคุกให้ได้ แม่งทั้งยิงทั้งแทงกูเกือบตาย นี่ดีนะที่มีคนมาขวางไว้ก่อน” พอนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นแรงโทสะก็ปะทุขึ้นมาพัลวัน เขาจดจำใบหน้าของไอ้บาร์เทนเดอร์คนนั้นได้ มันเป็นลูกน้องของหิรัญที่ปั่นหัวให้เขาสับสน สุดท้ายมันก็ลวงเขาไปลอบฆ่า แต่โชคดีมากที่มีคนมาขวางไว้ก่อนจะถูกปลิดชีพ

“ลูกน้องกูสืบมาแล้ว มันชื่อมารุต ไอ้เหี้ยรุต มันเป็นลูกน้องของไอ้หิรัญ มันทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ร้านนั้นแล้วก็คอยส่งยาให้ไอ้หิรัญด้วย ฝีมือมันไม่ธรรมดา”

“รุตงั้นเหรอ...”

“แค้นฝั่งหุ่นเลยสิมึง”

“มันเกือบฆ่ากูตาย ไม่ให้แค้นได้ไงวะ ครั้งนี้กูต้องจับมันให้ได้ กูจะเอาคืนอย่างสาสมเลย!” เสียงเข้มตวาดกร้าวแผดความโหดเหี้ยมที่ฝังลึกไม่จางหาย

“อย่าให้มันถึงตายแล้วกัน ตำรวจอย่างพวกกูต้องโดนสอบอีกเยอะ” เตวินทร์รับรู้ถึงความแค้นของเพื่อน แต่ถ้าศตวรรษเผลอบันดาลโทษจนถึงชีวิตขึ้นมา ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเขานี่แหละจะยุ่งเพราะต้องถูกสอบสวน

แค่ใช้กระสุนแต่ละนัดก็คิดแล้วคิดอีก นี่ถ้ามีคนตายขึ้นมาเขาคงต้องวุ่นวายทำรายงานหาคำอธิบายกันยกใหญ่

“ไม่ตายหรอกน่า มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ”

“เป็นคนเหี้ยไง” ตอบแบบไม่คิดจนลูกน้องที่นั่งฟังรอบข้างอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“ไอ้เพื่อนเวร...” ศตวรรษสบถด่าพึมพำเบา ๆ ก่อนจะปล่อยทิ้งทุกความสนใจของตัวเองลงไปกับแก้วเหล้าสีอำพันที่เป็นเครื่องดื่มชโลมใจในค่ำคืนนี้

เขาใจดีรินเทใส่แก้วให้กับลูกน้องของเตวินทร์ด้วย ถึงอย่างไรแล้วตอนนี้เขาก็แทบจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในทีม ถึงจะไม่ได้รับข้ารายการตำรวจ แต่การเข้าไปมีส่วนร่วมมีบทบาทตัวละครก็เรียกได้ว่าเขาคือสมาชิกด้วยเช่นกัน

“มา! หมดแก้ว แด่ชัยชนะของเรา!” มือใหญ่ถือแก้วเหล้าของตัวเองยกขึ้นเหนือศีรษะ ตั้งใจจะเรียกขวัญและกำลังใจที่จะพานพบชัยชนะในอีกไม่ช้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel