บทที่ 5 แม่ค้ายำแซ่บ (1)
บทที่ 5
แม่ค้ายำแซ่บ (1)
“พวกมึงจะไปซื้ออะไรก็ไปซื้อกันเลย เสร็จแล้วก็กลับมาที่รถ อย่าให้นานนักล่ะ” ศตวรรษบอกกับคนงานในไร่หลังจากที่อาสาเป็นคนขับรถพามาตลาดในตัวเมืองเชียงราย
วันนี้เป็นวันเงินเดือนออก ศตวรรษที่รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของนายใหญ่ผู้ปกครองไร่ก็ถือโอกาสชวนคนงานมาเปิดหูเปิดตา ส่วนมากไม่ค่อยมีรถยนต์ใช้กัน เวลาจะเข้าเมืองมาซื้อของทีก็ต้องเกณฑ์คนทีละมาก ๆ เพื่อหาคนหารค่ารถเหมา แต่วันนี้คุณศตวรรษเกิดใจดีมีเมตตา ออกปากชวนมาเที่ยวตลาด แถมตกเย็นก็จะตั้งวงก๊งเหล้าเอาให้เมาหัวทิ่มกันไปข้าง
“ครับคุณวรรษ ไปเว้ย ๆ พวกเรา ไปหาซื้อผักซื้อเนื้อมาทำกับแกล้มเย็นนี้กัน”
“เออ กูไปซื้อกับข้าวให้เมียก่อน เดี๋ยวตามไป”
ศตวรรษเดินแยกออกมาเพื่อซื้อข้าวของในส่วนของตัวเอง แบ่งหน้าที่กันแล้วว่าให้เหล่าคนงานซื้อของทำกับแกล้ม ส่วนเขาเป็นฝ่ายซื้อเหล้า
ร่างสูงเดินแยกไปยังร้านค้าขายส่งซึ่งเป็นร้านประจำ แทบไม่ต้องอ้าปากสั่งเจ้าของร้านก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร
“รอแป๊บนะคุณวรรษ เวลานี้ลูกค้าเยอะ ลูกจ้างมันทำไม่ทัน” เจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอยเขียนออร์เดอร์ลงบิลเอ่ยบอกยิ้ม ๆ
“รอได้ครับเจ๊”
“แล้วนายอัศไม่มาด้วยกันเหรอ ปกติเห็นตัวติดกันจะตาย” ถามถึงอัศวินนายใหญ่ของไร่กมลที่มักจะตัวติดกับศตวรรษตลอด สองคนนี้เป็นตัวตึงของเชียงราย เวลามาเฉิดฉายแต่ละทีมักจะเรียกสายตาและความสนใจได้ตลอด
“นายใหญ่เขาไม่มาสุงสิงกับคนงานอย่างพวกผมหรอกเจ๊” ศตวรรษตอบพลางกลั้วขำ ขนาดมาคนเดียวก็ยังมีคนถามถึง ใส่ไฟให้คะแนนพี่ชายติดลบไปซะเลยโทษฐานที่ชอบแย่งซีนดีนัก
“ระดับคุณวรรษไม่ใช่คนงานสักหน่อย” เจ๊เจ้าของเอ่ยแซว แต่ก็เป็นจังหวะที่ลูกจ้างเดินมาแจ้งรายการสินค้าพอดีเลยทำให้การสนทนายุติลง
ชายหนุ่มเลือกที่จะพาตัวเองออกมาด้านนอกไม่อยากยืนให้เกะกะขวางทางการทำงาน และรอไม่นานก็ได้รายการที่สั่งอย่างครบถ้วนพร้อมกับบิลค่าเสียหายที่ต้องจ่ายเกือบสี่พัน
“แบ่งหน้าที่ยังไงให้กูเสียเปรียบแบบนี้วะ” เสียงเข้มบ่นกับตัวเองขณะมองบิลกระดาษในมือ
เขาเสียเงินค่าเหล้าไปหลายพันในขณะที่คนอื่นรับหน้าที่ซื้อของมาทำกับแกล้มในราคาหลักร้อย คิดแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะจริงจังเพราะมันเป็นแบบนี้เสมอชวนคนอื่นก๊งเหล้า
เขามีกำลังจึงอาสาออกเงินในส่วนนี้แทน ไม่ได้จริงจังหรือคิดว่าตัวเองเสียเปรียบอย่างที่ปากพูดจริง ๆ
ศตวรรษเดินกลับเข้าไปในตลาดเพื่อดูว่ามีของอะไรน่าซื้อบ้าง ตอนนี้เขาได้ดาวเด่นอย่างเหล้ามาแล้วก็เหลือของเสริมอื่น ๆ จำพวกของกินเล่นไว้แกล้ม ถึงจะแบ่งหน้าที่การซื้อไว้แล้วแต่ก็เข้าใจดีว่ากำลังเงินของคนงานไม่ได้มีมากเท่าตัวเอง ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชวนก็คิดว่าจะเลี้ยงให้อิ่มหนำ ถือว่าซื้อความสนุกหลังตรากตรำทำงานตลอดทั้งเดือน
“อ้าวคุณวรรษ ซื้อเหล้ามาแล้วเหรอครับ มาครับผมช่วยถือ” ยอดผู้จัดการไร่รีบเดินมาคว้าของในมือเจ้านายไปถือ
“คนอื่นล่ะ”
“ยังเดินซื้อของกันอยู่เลยครับ”
“ที่นี่มีอะไรน่ากินบ้าง ไม่ได้มานานมีอะไรอัปเดตบ้างวะ” ปกติมาตลาดทีไรก็ไม่เคยเดินเลือกซื้อกับข้าวสักที ส่วนมากมื้อเย็นเขาก็จะกลับไปกินข้าวที่บ้าน บางครั้งก็แวะไปฝากท้องที่เรือนใหญ่ซึ่งก็เป็นบ้านของพ่อกับแม่ที่อยู่ไม่ไกลกัน
“มีเยอะเลยคุณวรรษ แต่พวกคนงานเรามันไปซื้อยำร้านน้องแพงกัน ตั้งใจไปอุดหนุนน้องเขาน่ะ เห็นว่าเพิ่งมาขายวันแรก” พูดแล้วก็พยักพเยิดไปยังร้านที่อยู่ไกล ๆ แต่ก็เห็นสะดุดตาได้ง่าย ๆ เพราะมีคนยืนมุงจนเกิดความวุ่นวายขนาดย่อม
ศตวรรษพยายามหรี่ตามอง ประชากรที่ยืนล้อมล้วนเป็นคนในไร่ทั้งนั้น สีหน้าท่าทางอิ่มสุขชื่นบาน ไม่เหมือนคนกำลังต่อแถวซื้อของเลยสักนิด
“ทำไมคนเยอะแบบนั้น แล้วน้องแพงนี่ใครวะ” แปลกใจที่คนงานในไร่ไปมุงต่อแถวกัน แล้วคำเรียกว่าน้องแพงนั่นอีกเหมือนรู้จักกันดิบดีทั้งที่ชื่อนี้ไม่คุ้นในสารบบเลยด้วยซ้ำ
ใครวะน้องแพง...
“ก็น้องที่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยไงคุณวรรษ ที่วันนั้นเห็นน้องเขาขับรถมาเอาผักในไร่เราน่ะนั่นแหละครับน้องแพง”
“ลูก...” พึมพำทวนคำเบา ๆ พลางหันไปมองอีกครั้ง กระทั่งเห็นใบหน้าของแม่ค้าที่ฉายเด่นออกมาจากดงคนรุมก็ร้องอ๋อกับตัวเองในใจ
เป็นเธอคนนั้นเองที่เจอกันล่าสุดเมื่อเดือนก่อนหน้าโรงพยาบาล พี่ชายของเขาขับรถออกไปแล้วมอเตอร์ไซค์ของเธอก็ขับปาดหน้ามาพอดี วันนั้นเขาตกใจกับลายหมวกกันน็อกและชุดคลุมแขนยาวที่สวมใส่บนตัวเธอ มันเหมือนกับคนคนนั้นที่เข้ามาขวางในตอนที่เขาเกือบถูกฆ่าจากลูกน้องของคนค้ายา
แต่สุดท้ายก็บอกกับตัวเองว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เธอคงไม่ใช่คนเดียวกับคนในค่ำคืนนั้น
สติกลับคืนหลุดจากห้วงความคิดก็ตอนที่เดินมาหยุดอยู่หน้าร้านยำ ตอนนี้เขากำลังยืนต่อแถวโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าพาตัวเองมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่และมาทำไม
