บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 สติ๊กเกอร์สีนีออน (3)

บทที่ 4

สติ๊กเกอร์สีนีออน (3)

โครม!

“โอ๊ย...ฉิบ!” ร่างเล็กกระเด็นออกจากเบาะมอเตอร์ไซค์และล้มกลิ้งอยู่บนพื้นถนนห่างตัวรถไปราวสองเมตร

ความรู้สึกแรกและความรู้สึกเดียวที่เกิดขึ้นตอนนี้คือความเจ็บ ร่างกายกระแทกกับพื้นถนนอย่างรุนแรง แต่โชคดีมากที่สวมใส่หมวกกันน็อกเลยไม่ได้มีเรื่องน่าอดสูเกิดขึ้น

“เป็นอะไรไหมครับ!” เสียงเข้มร้องตะโกนและรีบปรี่เข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว

พระแพงถูกจับให้ยืนขึ้น เธอกำลังมึนงงเพราะจับจุดไม่ถูกว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไร กวาดสายตามองร่างกายตัวเองและลากไปยังรถมอเตอร์ที่ล้มระนาด กระทั่งภาพในหัวค่อย ๆ ไหลมาเป็นฉากเป็นตอนก็รับรู้ว่าคนคนนี้คือคู่กรณีของเธอ

“เอ่อ...ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไร” หญิงสาวส่ายหน้าให้คำตอบ เจ็บตัวแต่ก็ไม่คิดโทษว่าเป็นความผิดเขา เธอซิ่งมาอย่างเร็วเขาคงไม่ทันเห็นเลยขับออกมา แล้วอีกอย่างก็อยากรีบกลับด้วยเพราะกลัวว่าจะไปรับหลานไม่ทัน

เธอเชยใบหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ ครั้นเห็นเต็มตาก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเขาคือนายอัศผู้ปกครองไร่กมลที่เธอเคยรับจ็อบไปขนผักที่นั่น ใครบ้างจะไม่รู้จักนายอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ พอนึกถึงความโหดเหี้ยมและบารมีก็นึกหวั่นขึ้นมาหากเขาเอาเรื่องเธอคงจบเห่แน่

“นายอัศ...” เสียงเล็กบ่นพึมพำภายใต้หมวกกันน็อก ซึ่งอีกฝ่ายที่กำลังถามไถ่อาการและสำรวจอาการบาดเจ็บก็ถึงกับทำหน้าแปลกใจเพราะได้ยินไม่ชัด

“ครับ? คุณว่าไงนะ”

“อ้อ...เปล่าค่ะเปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เดือดร้อน” พระแพงถอยหลังมาสองก้าวรีบบอกอาการตัวเอง จู่ ๆ ความเจ็บก็หายเป็นปลิดทิ้งจนแทบจะกระโดดให้เขาดูว่าไม่ระคายแม้แต่นิดเดียว

“เป็นไงบ้างวะพี่อัศ” อีกเสียงหนึ่งดังต่อจากนั้น มันมาจากทิศทางด้านหลังของคนตรงหน้าเธอ สายตาเคลื่อนไปมองโดยอัตโนมัติก็เห็นว่าเป็นคนที่เธอเคยเห็นหน้ากำลังเดินเข้ามาหา โดยที่แขนถูกดามเฝือกยึดเอาไว้

“นั่นมัน...คนที่เจอที่ไร่กมลนี่นา” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เข้ามาใหม่

เขาคนนั้นเป็นคนที่เธอเจอหน้าตอนไปรับผักที่ไร่กมลครั้งล่าสุด ตอนนั้นเธอเกือบสะดุดล้มแต่ได้มือของเขาช่วยคว้าไว้ หากจำไม่ผิดจากที่ได้ยินผู้จัดการไร่เรียกหาเขาน่าจะชื่อคุณวรรษ

“ว่าไงนะ คุณพูดอะไรผมไม่ได้ยิน” คนตรงหน้าถามและขยับเข้ามาใกล้

“เปล่าค่ะเปล่า ไม่ได้พูดอะไร ฉันโอเคค่ะ ปกติดีไม่เจ็บตรงไหนเลย” คำพูดลนลานหลุดออกมาพร้อมกันกับศีรษะที่สั่นระรัว เธอแค่ตกใจที่เห็นเขาทั้งสองคนเท่านั้น

“ถอดหมวกก่อนดีไหม จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย” คนที่เพิ่งลงมาจากรถเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดดุ เขาเท้าเอวด้วยแขนข้างเดียวเพราะอีกข้างกำลังใส่เฝือก ความหงุดหงิดน่ากลัวที่สะท้อนออกมาทำให้เธอรีบถอดหมวกกันน็อกออกอย่างรวดเร็วราวกับโดนฝ่ายปกครองออกคำสั่ง

และเมื่อใบหน้าไร้การบดบัง อีกฝ่ายมองเห็นเธอชัด ๆ ดวงตาคมก็เกิดอาการตกใจเล็กน้อย

“เธอ...เธอที่มากับลูกใช่ป้ะ”

พระแพงทำได้เพียงพยักหน้ารับน้อย ๆ ไม่ได้แปลกใจที่เขาจำเธอได้

“ไม่เจ็บตรงไหนจริงเหรอ เมื่อกี้ล้มแรงมากนะ” อัศวินถามเข้าประเด็นสำคัญ ได้ยินเธอย้ำชัดถึงอาการตัวเองสองครั้งแต่เขาก็ไม่อยากปล่อยผ่านเพราะเธอล้มกระแทกรุนแรงมากจริง ๆ

“เจ็บนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันต้องรีบไปแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา” เธอโบกไหวมือปฏิเสธและเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ตัวเองที่ล้มกระจาดน่าสงสาร

มันเป็นเครื่องมือทำมาหากินอย่างเดียวของเธอ นอกจากร่างกายก็มีรถสองล้อคันนี้นี่แหละที่เป็นสมบัติล้ำค่าช่วยหาเงินได้

เธอสวมหมวกกันน็อกอีกครั้ง เดินสำรวจมอเตอร์ไซค์ตัวเองเพื่อดูว่าเสียหายตรงไหนบ้าง แต่ทว่าข้อแขนกับถูกคว้าหมับตามด้วยแรงกระชากจากคนตัวสูงที่เดินผ่านมา

พระแพงทำหน้าเหวอทันที รู้สึกถึงแรงบีบคั้นที่ผิวเนื้อและไฟโทสะที่ส่งผ่านมาจากเขา

“อ๊ะ คะ...คุณ...” เบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อแรงบีบทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร กระชากตัวเธอเข้าหาและบีบอย่างรุนแรงแบบนี้น่าจะโมโหมากพอสมควร

“ไอ้วรรษ มึงทำไรวะ” คนที่มองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เดินเข้ามาตบไหล่พลางดึงตัวออก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฝ่ามือใหญ่คลายการบีบรัดลงเลยสักนิด

ดวงตาคมกดมองแววตาภายใต้หมวกกันน็อกก่อนจะเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่ลวดลายสติ๊กเกอร์สีนีออนเด่นสะดุดตา มันเป็นคำคมเหมือนที่รถพ่วงชอบติดท้ายรถ ช่างสุดแสนจะธรรมดาทว่าในสายตาของเขากลับเป็นภาพสะท้อนระลึกถึงคืนนั้นอย่างชัดเจน

“เธอ” คำคำเดียวที่เอ่ยออกมาจากปากเจ้าของแรงบีบ นัยน์ตาหนักแน่นคาดคั้นยังตัวหญิงสาวที่มีแต่ความแปลกใจกับอากัปกิริยาที่แปลกไป

หมวกกันน็อกแบบนี้

เสื้อคลุมแบบนี้

รูปร่างแบบนี้

มันเหมือนกับคนที่เข้ามาขวางในค่ำคืนนั้น

คนคนนั้นเข้ามาถูกจังหวะเวลาก่อนที่เขาจะถูกฆ่าตาย เขาจำได้ว่าเป็นเสียงผู้หญิงที่ร้องเรียกห้ามปราม แม้จะไม่ได้เห็นหน้าแต่เขาจดจำฝังลึกว่าเธอสวมใส่หมวกกันน็อกลักษณะแบบนี้

ลวดลายของมันรวมถึงเสื้อผ้าที่เป็นแบบเดียวกันกับเธอในคืนนั้น มันเหมือนกันมากจนเขาคิดกับตัวเองว่าเป็นคนเดียวกัน

“คุณ ฉันเจ็บ!” เสียงเล็กร้องขึ้นด้วยใบหน้าเหยเก เธอทนความเจ็บไม่ไหวแล้ว เขาออกแรงบีบมากขึ้นเหมือนกับกระดูกจะแหลกละเอียด

“ไอ้วรรษ มึงทำอะไร ปล่อยเขา!” อัศวินเข้ามากระชากจนฝ่ามือปล่อยให้แขนของหญิงสาวเป็นอิสระ

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีธุระสำคัญมาก ขอโทษอีกครั้งนะคะ” พระแพงตั้งสติกับตัวเองก่อนจะค้อมศีรษะและขึ้นประจำนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ เธอแปลกใจกับท่าทีของเขา แต่พอเห็นเวลาที่เหลืออีกไม่มากก็ลืมเลือนทุกอย่างไปทันที

สิ่งเดียวที่ควรสนใจก็คือการรีบกลับเอาเงินไปให้ป้าซักรีดและรีบไปรับหลานที่โรงเรียนเท่านั้น

ตัวรถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนออกไปกระทั่งพ้นระยะสายตา หากแต่ความนิ่งงันเคลือบแคลงยังคงเกิดขึ้นดังเดิม “เหมือนมาก โคตรเหมือนเลย...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel