บทที่ 4 สติ๊กเกอร์สีนีออน (2)
บทที่ 4
สติ๊กเกอร์สีนีออน (2)
“นายพี่คือใคร” เธอยังกังขา และไม่มีทีท่าจะวางใจง่าย ๆ หากเป็นงานอื่นเธอคงไม่เซ้าซี้ถามให้มากมาย ลางสังหรณ์บางอย่างก่อเกิดความหวั่นกลัวที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดกับเจ้านายของพี่ชายว่าคงไม่ใช่คนคนนั้น
“แกจะรู้ไปทำไม รู้แค่ว่าแกปิดปากให้เงียบสนิทก็พอ ถ้าแกปากโป้งชีวิตพี่จบเห่แน่” จบเห่ที่ว่าไม่ใช่อนาคตดับมืด หากแต่เป็นความตายที่มาเยือนต่างหาก
วงการสีดำเข้าแล้วออกไม่ได้ นอกเสียจากความตายที่จะเอามาแลกเปลี่ยนกับการเป็นอิสระ
“เลิกเถอะนะพี่รุต แพงขอร้อง เลิกทำงานแบบนั้นเถอะ” พระแพงเอ่ยทั้งน้ำตารื้น มองไม่เห็นหนทางเลยว่าพี่ชายของเธอจะหลุดพ้นมาได้ยังไง ขึ้นชื่อว่างานสกปรกย่อมไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว เธอเติบโตมาจากการดูแลของพี่ชายต่างมารดาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้พี่ชายของเธอมีลูกชายน่ารักคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าแม่เด็กจะทิ้งไปเพราะความไม่พร้อม แต่เธอก็เชื่อว่าการอยู่กันสองคนพี่น้องและเด็กตัวน้อยอีกคนหนึ่งไม่ใช่ความลำบากข้นแค้นอะไร
“พี่เลิกไม่ได้แพง พี่เลิกไม่ได้จริง ๆ”
“พี่เลิกได้ ถ้าพี่จะเลิกยังไงพี่ก็เลิกได้อยู่แล้ว แพงขอนะพี่รุต มาทำงานสุจริตเถอะ พี่ก็รู้ว่างานพวกนั้นมันไม่ยั่งยืน พระพายก็บ่นคิดถึงพี่ทุกวัน ลูกพี่อยู่ในวัยกำลังโตนะพี่รุต ลูกพี่ต้องการความรักจากพ่อ”
ไม่ต้องร่ำรวยเหมือนใครเขา ขอเพียงแค่ชีวิตธรรมดาแบบมนุษย์ทั่วไปคนหนึ่ง ที่เธอรับจ็อบหลายงานก็เพราะอยากแบ่งเบาภาระพี่ชาย แต่ในเมื่อรู้ความจริงว่าเงินที่จุนเจือค่าใช้จ่ายและกินอยู่คือเงินสกปรกเธอแทบไม่อยากรับ
เธอยอมทำงานหนักกว่านี้ขอแค่มารุตเลิกทำงานแบบนั้น มาช่วยกันทำมาหากินกันสองพี่น้องเธอเองก็คิดว่าน่าจะอยู่ได้อย่างสุขสบายแบบไม่ลำบาก อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่มีความสุขแน่นอนเธอมั่นใจ
ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลามันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด
“พอเถอะแพง ยังไงพี่ก็เลิกทำไม่ได้ แกเข้าไปในร้านเถอะ พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว” มารุตตัดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น ถึงน้องสาวจะร้องไห้อ้อนวอนหรือกราบกรานแทบเท้า เขาก็ทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้
ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ เพียงแต่ทำไม่ได้ต่างหาก...
นอกจากงานรีดผ้าพระแพงก็ยังขอป้านงไปส่งผ้าให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง เธอเห็นว่าช่วงนี้ผ้าที่ร้านไม่ได้เยอะอย่างที่ควร เลยอยากหารายได้เพิ่มเพราะอย่างไรแล้วป้านงก็ขี่รถไปส่งผ้าเองไม่ไหวอยู่ดี
พระแพงนำตะกร้าผ้าวางบนเบาะมอเตอร์ไซค์ ใช้เชือกขึงและผูกอย่างแน่นหนาป้องกันไม่ให้ร่วงหล่นหรือเสียหาย โชคดีที่ผ้าของลูกค้าคนนี้นำมาส่งซักอย่างเดียวเลยพับใส่ตะกร้าไม่ต้องกลัวยับ
“แพงไปนะป้า” เสียงเล็กตะโกนบอกคนด้านในร้านที่กำลังงุ่นง่วนกับหน้าเตารีด เธอได้ยินคำตอบรับและคำเตือนให้ระมัดระวังในการขับขี่ที่ดังกลับมา พยักหน้าส่งกลับน้อย ๆ แล้วก็จัดการสวมหมวกกันน็อกเต็มใบกระทั่งขี่รถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของตัวเองออกไปในที่สุด
เส้นทางตรอกซอยในเชียงรายเธอรู้แทบทุกจุด นอกจากจะเกิดและเติบโตจนคุ้นชิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรับจ็อบเสริมอย่างเช่นไรเดอร์และส่งอาหารประจำร้านเมื่อปีก่อนเลยรู้จักหนทางเป็นอย่างดี
หญิงสาวนำผ้าไปส่งถึงมือลูกค้าโดยสวัสดิภาพ มีแค่จำนวนเงินที่ได้รับกลับมาเพียงอย่างเดียวซึ่งต้องเอาเงินไปให้ป้านงแล้วถึงจะได้รับค่าจ้างเป็นการตอบแทน ข้อมือขาวยกขึ้นดูเข็มนาฬิกา เห็นว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงจะได้เวลาที่ต้องไปรับหลานที่โรงเรียนอนุบาลเลยรีบบิดคันเร่งหวังให้กลับไปถึงไว ๆ
ตัวรถมอเตอร์ไซค์ขี่ซิกแซกอย่างชำนาญ ปาดซ้ายเลี้ยวขวา คล่องแคล่วประหนึ่งนักแข่งครองแชมป์ ระยะทางจากที่นี่กลับไปที่ร้านซักรีดใช้เวลาประมาณสิบห้านาที แต่กว่าจะวกไปที่โรงเรียนหลานอีกก็คงต้องใช้เวลาอีก เธอไม่อยากปล่อยให้เด็กชายพระพายต้องรอ
จำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอทำงานติดพันจนไปรับหลานช้า เด็กชายพระพายร้องไห้จ้าเพราะเพื่อนกลับบ้านกับพ่อแม่กันหมดแล้ว เห็นสภาพที่เด็กตัวเล็ก ๆ นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียวก็นึกใจสลาย ถึงจะไม่เคยปล่อยให้ต้องรอนาน ๆ เป็นชั่วโมงแต่ก็เข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันฝังลึกอยู่ในใจของเด็กไปอีกนาน
เพราะแบบนี้เธอถึงเลือกที่จะทำงานที่ไม่รบกวนเวลาไปรับไปส่งหลานชาย แค่ปมเรื่องบ้านจนกับมีแค่พ่อเลี้ยงดูก็นับว่าเป็นปัญหาสำหรับเด็กมากพอแล้ว ในฐานะอาเธอก็อยากจะดูแลประคับประคองเด็กคนนี้ให้เติบโตอย่างดีที่สุด
หากเด็กชายพระพายโตขึ้นก็คงถามถึงแม่แท้ ๆ ตอนนั้นเธอคงต้องปรึกษาพี่ชายว่าจะอธิบายยังไง
จังหวะคันเร่งเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ เห็นว่าถนนโล่งเลยบิดเต็มกำลังหวังให้ไปถึงจุดหมายเร็ว ๆ แต่ทว่าหนทางฝั่งซ้ายซึ่งเป็นทางออกของประตูโรงพยาบาล กลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับออกมา และมันก็เป็นช่วงที่รถมอเตอร์ไซค์ของพระแพงพอดี
“เฮ้ย!” ดวงตาหวานภายใต้หมวกกันน็อกสีดำเต็มใบเบิกโพลง เพราะความเร็วเลยทำให้อัตราการมองเห็นลดน้อยลงจึงไม่ทันสังเกตว่าด้านข้างเป็นทางออกที่มีรถสัญจร
เธอกำเบรกมือไว้แน่น เช่นเดียวกับตัวรถยนต์ที่เหยียบเบรกจนสะเทือนถึงคนด้านใน ทุกอย่างควรเป็นไปอย่างปกติที่อาจจะมีการขอโทษขอโพยกันและกัน หากแต่เหตุการณ์ปัจจุบันกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะตัวรถมอเตอร์ไซค์สะบัดผิดจังหวะจนเทกระจาดล้มสู่พื้นเพราะการเบรกอย่างรวดเร็วและรุนแรง
เบรกหน้าทำงานอย่างดีที่ดันสวนทางกับความเร็วที่ชะงักกะทันหัน เลยส่งผลให้ตัวรถส่ายสะบัดและเสียหลักล้มในที่สุด
โครม!
“โอ๊ย...ฉิบ!” ร่างเล็กกระเด็นออกจากเบาะมอเตอร์ไซค์และล้มกลิ้งอยู่บนพื้นถนนห่างตัวรถไปราวสองเมตร
