บทที่ 3 คนเจ็บ (2)
บทที่ 3
คนเจ็บ (2)
“ผมเป็นพลเมืองดีไงครับแม่ แม่คิดดูว่าถ้ามีคนดี ๆ แบบผมอีกสักล้านคนประเทศเราคงเจริญกว่านี้”
“ไอ้วรรษ” เสียงณัฐเศรษฐ์กดต่ำ เห็นทีว่าลูกชายตัวดีคงเล่นไม่เลิก หากไม่ปรามสักทีคงได้เห็นเมียตรอมใจจริง ๆ
“ขอโทษครับ ผมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พ่อกับแม่เสียใจนะครับ” มือใหญ่ยกไหว้พ่อและแม่ เห็นความชอกช้ำจากทั้งคู่แล้วก็รู้ซึ้งว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ “ผมแค่อยากช่วยไอ้เตมันเฉย ๆ แม่ก็รู้ว่าช่วงนี้ยาบ้ามันระบาดหนัก คนในไร่เราก็ติดยากันหลายคน พอผมรู้ว่ามันกำลังตามจับผมก็เลยอาสาไปช่วย”
ศตวรรษเป็นเพื่อนสนิทของเตวินทร์ซึ่งเป็นสารวัตรที่กำลังทำคดีเรื่องยาเสพติด เขาได้ยินและรู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แล้วก็เห็นเต็มตาว่ายานรกทำร้ายคนใกล้ตัวของเขาจนสูญเสียอะไรมากมาย เห็นว่าทีมของเพื่อนต้องการคนก็อาสาเต็มใจ เข้าไปเป็นสายสืบบ้าง ปลอมตัวบ้าง หากแต่เขาภูมิใจทุกครั้งที่ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำลายล้างยานรกพวกนี้
แต่เหตุการณ์เมื่อคืนนี้เกินคาดไปหน่อย รู้อยู่แล้วว่ากำลังเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย แต่ก็ไม่ได้คิดไปถึงขั้นที่ว่าจะถูกปั่นหัวหลอก เขาเดินตามคนพวกนั้นโดยไม่เอะใจสักนิด นึกถึงตรงนี้ก็อย่าเขกหัวตบกบาลตัวเองสักทีสองทีที่โง่เง่าไม่ได้เรื่อง
“เอ่อ...สวัสดีครับ” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นหลังเปิดประตูเข้ามา เป็นคนในเครื่องแบบที่ต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี
“เข้ามาสิสารวัตร เพื่อนกำลังโดนเฉ่งเลย” พ่อเลี้ยงอิฐผายมือเชื้อเชิญให้เข้ามาด้านใน
“สวัสดีครับทุกคน อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะครับ” สารวัตรหนุ่มยิ้มแห้งที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมา ตั้งใจจะเอากระเช้ามาเยี่ยมเพื่อนที่บาดเจ็บแต่ไม่คิดว่าคณาญาติจะอยู่กันครบองค์แบบนี้
เป็นถึงระดับสารวัตรแต่ก็กลัวหัวหดให้กับพ่อและแม่ของเพื่อน ยิ่งมีพ่อเลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลของภาคเหนืออยู่ด้วยก็รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองหดลงเหลือเพียงนิ้วเดียว
“ไอ้เต ช่วยกูด้วย แม่จะฆ่ากูแล้ว” คนเจ็บเริ่มเห็นความหวัง แม่ของเขาเกรงใจเตวินทร์ ด้วยอาชีพและตำแหน่งรวมถึงคุณงามความดีที่เพื่อนทำ ย่อมคิดว่าน่าจะพอเป็นโล่กำบังให้ได้บ้าง
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมขอโทษนะครับพ่อ แม่ ทีมของผมสะเพร่าจริง ๆ ครับ” เตวินทร์วางกระเช้าลงบนโต๊ะก่อนจะกระพุ่มมือไหว้ให้กับทุกคนในห้องซึ่งล้วนแต่อายุมากกว่าเขาทั้งนั้น
จากที่เป็นเพื่อนกับศตวรรษมาตั้งแต่สมัยเรียนย่อมคลุกคลีและสนิทสนมกับทุกคนในนี้ พอเกิดเรื่องเขาก็รีบมาที่โรงพยาบาล ตั้งใจจะขอโทษกับความสะเพร่าไม่รัดกุมจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายเกือบถึงชีวิต
“โธ่...ลูกเอ๊ย แล้วเตบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก” แม่ศตวรรษรับไหว้และถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เห็นความสำนึกผิดของเพื่อนลูกแล้วก็ให้อภัยไปโดยปริยาย และไม่วายถามถึงความปลอดภัยจนคนนอนเจ็บอยู่บนเตียงถึงกับเบ้ปาก เพราะรู้ว่านี่มันคือมารยาของไอ้ตำรวจหน้ามน
“ผมไม่บาดเจ็บตรงไหนครับ ผมซุ่มสังเกตการณ์อยู่บนรถ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับแม่ที่ทำให้ไอ้วรรษมันต้องเจ็บตัว”
“ไม่เป็นไรหรอกวรรษ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราเองก็คงทำเต็มที่แล้ว” นี่เป็นเสียงของณัฐเศรษฐ์ที่เอ่ยต่อจากนั้น
ศตวรรษถึงกับดีดตัวนั่งหลังตรง สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาเคลือบแคลงกับความสองมาตรฐานของแม่กับพ่อ เมื่อกี้นี้เขายังโดนด่าโดนตีอยู่เลย แล้วทำไมไอ้ตำรวจนี่ถึงลอยหน้าลอยตาไปเฉย ๆ
“เกินไปเปล่า ผมนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะคร้าบ ผมเป็นลูกพ่อกับแม่นะคร้าบ แถมยังเจ็บตัวอยู่ด้วย ฮัลโหล...เห็นหัวผมบ้างไหมครับเนี่ย”
“ไม่ต้องเลยตาวรรษ นอนไปเลยเราน่ะ รู้ว่าเจ็บก็นอนลงไป”
“ทำไมแม่ไม่ดุไอ้เตมันบ้างอะ มันไม่มาช่วยผมนะ ผมถึงเจ็บตัวแบบนี้” หาเรื่องให้เพื่อนโดนด่าไปด้วยซะเลย ตั้งแต่ประถมจนโตเป็นหนุ่มไอ้เตวินทร์คนนี้มักจะถูกชมเชยจากแม่เขาตลอด ยิ่งได้มาเป็นตำรวจมาดเท่แม่ก็ยิ่งยกยอ ทีลูกบาดเจ็บเพราะมันยังไม่ได้ยินคำตำหนิออกมาสักแอะ
ไอ้วรรษไม่ยอม งอแง ๆ
“จริง ๆ ไอ้วรรษมันไม่ได้ทำตามแผนครับแม่ มันเดินออกไปนอกร้านให้เสี่ยงอันตรายเอง ผมเลยเข้าไปช่วยมันไม่ทันครับ” เตวินทร์หันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อน ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจทำให้เขาถูกด่าก็บอกความจริงไปซะเลย
“นั่นไง แม่ว่าแล้ว วรรษนะวรรษ นี่ถ้าเราทำตามแผนของเตเขาลูกคงไม่เจ็บตัวแบบนี้”
แน่นอนว่าลูกชายตัวดีอย่างศตวรรษย่อมรับจบทุกสถานการณ์ เขาทิ้งตัวนอนราบกับเตียงหมดอาลัยตายอยาก แต่ปากก็ยังขมุบขมิบก่นคำด่าใส่ไอ้หนุ่มสารวัตรไม่พัก
