บทที่ 3 คนเจ็บ (1)
บทที่ 3
คนเจ็บ (1)
ข่าวตำรวจล้อมจับกุมการส่งยานรกพบว่ามีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกลอบทำร้าย สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง แต่ก็ไม่เท่ากับญาติและคนเกี่ยวข้องกับผู้บาดเจ็บ
และหนึ่งในนั้นก็คือคนใกล้ชิดของศตวรรษที่มาที่นี่ตั้งแต่ทราบข่าว ศตวรรษถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากถูกยิงและถูกแทง โชคดีที่บาดแผลไม่ได้อยู่ในจุดอันตราย ผ่าตัดเอากระสุนออกและทำแผลก็สามารถนำตัวไปที่ห้องพักฟื้นได้
หมดฤทธิ์ยาก็คุยปร๋อ ท่าทางร่าเริงเหมือนคนปกติทั่วไปพลอยทำให้คนอื่นโล่งใจ แต่ไม่ใช่กับคนที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่ข้างเตียงมาตั้งแต่ต้น
“ยังจะยิ้มอยู่อีก!แม่ไม่ขำด้วยนะวรรษ ไม่ขำด้วยสักนิด!” เสียงทรงพลังทำให้ภายในห้องเกิดความเงียบสงัดโดยอัตโนมัติ
จากตอนแรกที่คนอื่นพยายามชวนคุยสร้างบรรยากาศและไม่อยากให้คนเจ็บนอนซม แต่พอเจอมนุษย์แม่แผดเสียงก็ถึงกับเย็บปากแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเพราะกลัวโดนลูกหลงไปด้วย
“โธ่...แม่คร้าบ อย่าทำหน้าบึ้งสิครับ เดี๋ยวหน้าเหี่ยว โบท็อกซ์มันเอาไม่อยู่นะครับแม่”
“ตาวรรษ!” ได้ยินคำทะเล้นก็ยิ่งโกรธ ฝ่ามือฟาดหนัก ๆ ที่ต้นแขนฝั่งที่ไม่ได้บาดเจ็บของลูกชาย แล้วก็กระหน่ำด้วยแรงหยิกข่วนไม่ยั้ง
“โอ๊ย ๆ แม่ครับผมเจ็บ โอ๊ย...พ่อช่วยผมด้วยแม่ทำร้ายผม” ศตวรรษร้องโอดครวญได้ปลอมที่สุดในโลก คนเป็นแม่รู้ดีเลยไม่คิดออมมือแถมยังเพิ่มแรงให้หนักขึ้นเข้าไปอีก
มีอย่างที่ไหนเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายแต่ยังยิ้มแป้น คนเป็นแม่อย่างเมษาลมแทบจับตอนได้รับสายจากสารวัตรว่าลูกชายถูกยิงและกำลังนำตัวส่งโรงพยาบาล ร้องไห้แทบท่วมจังหวัด แต่พอฟื้นจากยาก็ยังยียวนไม่รู้ร้อน
“เอาน่าแม่ ใจเย็น ๆ ก่อน ลูกมันเพิ่งผ่าตัดนะ แม่จะไปเพิ่มแผลให้มันอีกทำไม” ณัฐเศรษฐ์ผู้เป็นพ่อที่มักจะเห็นสถานการณ์แบบนี้มาตลอดก็ระบายลมหายใจ เอือมระอาไม่น้อยแต่ทนปล่อยให้ลูกชายร้องเจ็บหลอก ๆ ให้หนวกหูไม่ไหว
“พ่อก็ดูลูกสิ กี่ครั้งแล้วที่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย แม่บอกกี่ครั้งก็ไม่ยอมฟัง อยากให้แม่ตรอมใจตายใช่ไหมวรรษถึงจะพอใจ!” เมษาพูดพร้อมน้ำตาที่รินไหล ยิ่งคิดว่าลูกชายเพียงคนเดียวเกือบตายก็อยากลมจับอีกรอบ
“แม่!แม่ใจเย็น ๆ นะ นั่งก่อนนะแม่” คนเป็นสามีอย่างณัฐเศรษฐ์ลากเก้าอี้มาให้ภรรยานั่ง กอดปลอบโอบกระชับความอบอุ่นเพื่อบรรเทาความเสียใจ และไม่วายตวัดสายตาคาดโทษให้ลูกชายที่เป็นต้นเหตุ
ศตวรรษที่เห็นแบบนั้นหน้าก็จืดเจื่อนทันตา ไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่เสียใจ ที่แสดงออกว่าร่าเริงไม่เป็นอะไรเพราะไม่อยากให้ทุกคนกังวลเท่านั้น
“แต่ครั้งนี้มันก็เกินไปจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งถูกยิงถูกแทง คนเป็นแม่ทำใจยอมรับไม่ได้หรอกนะตาวรรษ” เป็นเสียงของรินลดาหรือที่ใครต่างก็เรียกว่าแม่เลี้ยงคะนิ้งของไร่กมล
เจ้าหล่อนมาดูอาการหลานพร้อมกับสามีและลูกชาย เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดีว่าเจ็บปวดแตกสลายมากแค่ไหน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศตวรรษเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นน้ำตาความเสียใจของเมษา
“นั่นสิวรรษ แม่เราน่ะเขาเป็นห่วง รู้ไหมว่าตอนที่แม่เขาได้รับสายจากสารวัตรแทบเป็นลมเลย” อธิบดินทร์หรือพ่อเลี้ยงอิฐผู้เป็นสามีของรินลดาเอ่ยเสริมอีกเสียง ถึงจะเป็นผู้ชายที่เข้าใจอารมณ์เลือดร้อนของเด็กวัยหนุ่ม แต่พอสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็ไม่คิดเข้าข้าง
“แกทำเมียพ่อเสียใจนะไอ้วรรษ ถึงจะเป็นแม่แกแต่นี่ก็เป็นเมียฉันนะเว้ย คราวนี้พ่อไม่เข้าข้างบอกไว้ด้วย”
ใบหน้าของศตวรรษหมดอาลัยตายอยาก โดนซ้ำเติมสองครั้งแล้วก็ยังถูกพ่อตัวเองเพิ่มเชื้อเพลิงทั้งที่เคยเป็นแบ็กหลังให้ตลอด คราวนี้เขาหันไปหาพี่ชายอย่างนายใหญ่ของไร่กมลซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย
พี่ชายของเขาคนนี้แทบเป็นเหมือนพี่ในไส้ที่คลานตามออกมา เคารพรักใคร่กันมาก มีปัญหาอะไรก็กอดคอช่วยเหลือกันเสมอ
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกะพริบตาปริบเป็นประกายวิบวับ และเขาก็ได้รับรอยยิ้มและแรงลูบเบา ๆ ที่แผ่นหลังกลับมา พลอยให้ใจชื้นที่อย่างน้อยก็ยังมีคนเข้าข้าง
แต่ทว่า...
“ไม่ต้องมามองกูไอ้น้องรัก ครั้งนี้กูไม่เข้าข้างมึงหรอก”
ริมฝีปากหุบฉับเปลี่ยนเป็นบิดคว่ำเมื่อ ‘อัศวิน ’ ลูกชายของพ่อเลี้ยงอิฐและแม่เลี้ยงคะนิ้งไม่เห็นหัว
มิตรภาพของเราสองคนตัดขาดกันอย่างง่ายดาย ตลอดสามสิบปีที่เจอหน้าพี่ชายคนนี้แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยหรือ
“โธ่...พี่ชายของไอ้วรรษ ใช่สิ...คำว่าพี่น้องมันสั้นนี่หว่า ผมมันไม่ใช่น้องพี่อัศแล้วนี่ ผมจะได้จำไว้”
“มึงไม่ต้องมาตัดพ้อ เอาตัวเองให้รอดก่อน” อัศวินซ้ำเติมด้วยการตบที่หัวน้องชายแรง ๆ ไม่ได้เกรงใจพ่อและแม่ของศตวรรษเพราะเขาตั้งใจจะเตือนสติให้รู้ตัวสักที
ทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน พ่อของศตวรรษและอัศวินเป็นเพื่อนที่กอดคอร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่วัยหนุ่ม เป็นตัวตึงของเชียงรายและตัวท็อปของวงการเกษตร ทั้งคู่ช่วยกันบริหารไร่จนยิ่งใหญ่เติบโตอย่างทุกวันนี้ และพอมาถึงรุ่นลูกก็ยังกอดคอปรองดองกันเหมือนเดิม
“ผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วง ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเจ็บตัวเหมือนกัน แต่มันเลือกไม่ได้นี่ครับ” ไม่มีคนเข้าข้างก็ต้องจำนนรับผิด ทำเสียงอ่อนตีหน้าเศร้า แต่คนจับไต๋ได้ย่อมรู้ว่านี่เป็นแค่การเล่นละคร
“แต่วรรษเลือกที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงได้ ลูกไม่ใช่ตำรวจจะเข้าไปยุ่งทำไม” สายตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงหนักแน่นของเมษาไม่หลงเหลือความอ่อนโยนอย่างที่เป็น
ลูกชายเพียงคนเดียวใจกล้าบ้าบิ่น เอาตัวเข้าไปยุ่งในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่ตัวเองก็เกิดและเติบโตในไร่หาใช่สนามแข่งหรือที่ประลองต่อสู้
