บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สายลับ (4)

บทที่ 2

สายลับ (4)

“เดินไปไหนวะ” ศตวรรษพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นว่าคนถูกตามเดินออกไปนอกร้าน

ท่าทางลุกลี้ลุกลนน่าจับผิด หันซ้ายมองขวาก่อนจะเข้าไปในตรอกซอยเล็ก ๆ โดยที่กล่องสี่เหลี่ยมปริศนานั่นยังกอดแนบลำตัวอย่างระมัดระวัง

ร่างสูงรีบก้าวตามอย่างไม่รีรอ เห็นความน่าสงสัยก็คิดว่าอาจจะนำพาไปยังจุดส่งยานรกได้ แต่ยิ่งเร่งฝีเท้ามากเท่าไหร่ก็เหมือนว่าคนเบื้องหน้าจะยิ่งก้าวเดินให้เร็วขึ้น ศตวรรษเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเมื่อแผ่นหลังอีกคนเริ่มไกลออกไป จนกระทั่งเดินออกทะลุซอยก็พบกับความผิดหวังเพราะเขาคลาดกับผู้ต้องสงสัยด้วยระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

“ฉิบ! หายไปไหนวะ!” เสียงเข้มตวาดออกมา เขาเดินไปทางซ้ายทางขวา พยายามมองหาทางที่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินไปได้มากที่สุดแต่ก็พบกับความว่างเปล่า

เพียงไม่กี่วินาทีคนคนหนึ่งจะเดินหายลับไปอย่างไร้ร่องรอยได้ยังไง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำนอกเสียจากจะมีเวทมนตร์บังตาหรือไม่ก็เหาะเหินขึ้นฟากฟ้าเท่านั้น

ศตวรรษหยิบโทรศัพท์ออกมาและต่อสายหาสารวัตรหนุ่มซึ่งควบคุมสถานการณ์อยู่ในรถฝั่งตรงข้าม เขาหลุดจากการแสดงและเดินออกจากร้านมาสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตัวร้านตอนนี้จะเป็นยังไง

“ไอ้เต ในร้านเป็นไงบ้างวะ คนของมึงว่าไงบ้าง” นอกจากตัวเขาก็ยังมีนักแสดงอื่นที่แฝงเป็นลูกค้าเหมือนกัน เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาที่ตัวเองไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้เพราะดันสงสารตัวบาร์เทนเดอร์คนนั้นจนต้องละทิ้งหน้าที่

“ไอ้วรรษมึงอยู่ไหน รีบออกมาเดี๋ยวนี้เลย มันตั้งใจล่อมึงให้เดินตาม มึงรีบออกมาเดี๋ยวนี้!” คนปลายออกคำสั่งร้อนรน และเพียงเท่านั้นคนที่เพิ่งรู้ว่าเผลอไผลหลวมตัวก็รีบหันกลับวิ่งออกไปยังหนทางเดิม

ฟังจากน้ำเสียงของเพื่อนก็รู้แจ้งแล้วว่าทุกอย่างคือกับดัก ที่แท้กิริยาส่อพิรุธและของต้องสงสัยนั่นล้วนเป็นการเล่นละครปั่นหัวให้หลงกล

“มึงรีบออกมาไอ้วรรษ! ลูกน้องกูที่ซุ่มดูอยู่ข้างนอกก็โดนคนของพวกมันหลอกให้เดินตามไปเหมือนกัน กูว่ามันรู้ตัวแล้วว่าพวกเรากำลังดักซุ่มอยู่”

“เหี้ยเอ๊ย! มันรู้ได้ไงวะ” ชายหนุ่มสบถด่าด้วยคำหยาบคาย เสียรู้ให้พวกมันจนได้ทั้งที่มั่นใจว่าวางแผนเตรียมการมาอย่างดี

ขายาวเร่งจังหวะการวิ่งให้เร็วขึ้นเพราะไม่รู้ว่าการถูกล่อให้เดินตามมาจะมีผลอย่างไร อาจจะถูกดักซุ่มทำร้ายจากคนของพวกนั้น หรือไม่ก็อาจถูกปั่นหัวคร่าเวลาเฉย ๆ หาเหตุผลไม่เจอก็รีบสับเท้าวิ่งอย่างเดียว หากแต่ในจังหวะที่อีกไม่กี่เมตรจะถึงทางออกก็เป็นต้องชะงัก เมื่อคนที่เดินตามกลับมาดักรออยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยอาวุธปืนที่จ่อเล็งในจุดสำคัญ

“ไง กูพามึงมาเดินเล่น สนุกไหมวะ!” เสียงเหี้ยมเกรียมเอ่ยกลั้วขำ รอยยิ้มหยันส่งให้กับคนเสียรู้

จากบาร์เทนเดอร์ก็สลัดคราบเป็นคนของผู้ทรงอิทธิพลด้วยระยะเวลาไม่กี่นาที ความต่ำทรามที่ปรากฏออกมากลบเลือนภาพคนหลังบาร์เมื่อกี้นี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ

“มึงไม่รอดหรอก ยังไงมึงกับนายมึงก็ต้องถูกจับ!” ศตวรรษกดสายตามองไปยังกระบอกปืนสีดำอย่างไม่คิดเกรงกลัว เขาเชื่ออยู่เสมอว่าความเลวทรามย่อมต้องพ่ายแพ้ให้กับความถูกต้อง ถึงจะเสียรู้ถูกปั่นหัวแต่กองกำลังตำรวจที่ซุ่มล้อมจับนั้นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ แทบจะไม่มีทางหนีเลยสำหรับคนเลว ๆ ที่จะรอดพ้นค่ำคืนนี้ไปได้

“ฮึ! ก็จับไปดิวะ เพราะมันไม่มีส่งของอะไรทั้งนั้น นี่มันก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่สร้างไว้ปั่นหัวตำรวจน่าโง่อย่างพวกมึงเท่านั้นแหละ”

ดวงตาของศตวรรษวาวโรจน์ เหมือนมีเปลวเพลิงสาดสุมลุกโชนกองใหญ่ หากเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริง ๆ ก็เท่ากับว่าการล้อมจับกุมพ่อค้ายารายใหญ่ในค่ำคืนนี้จะต้องหลุดไปถึงหูพวกมันตั้งแต่ต้น วันนี้เลยเป็นการสร้างสถานการณ์ทำทีเป็นส่งของให้ตายใจเท่านั้น

“ตำรวจไทยแม่งโง่แบบนี้ทุกคนไหมวะ แต่นอกจากจะโง่แล้วแม่งก็อายุสั้นด้วย ขอให้เอ็นจอยในนรกแล้วกัน!”

ปัง!

ทิศทางกระสุนกดลงมายังจุดหัวใจหวังปลิดชีพเพียงนัดเดียว หากแต่ศตวรรษย่อมไหวตัวทันเลยขยับร่างกายเบี่ยงหลบจนถูกยิงที่ต้นแขน

ร่างสูงก้มตัวลงใช้ลังไม้กำบัง คว้ามือไปหยิบกระบอกปืนขึ้นมาเพื่อสวนสู้ แต่มันก็ช้ากว่าฝ่ายตรงข้ามที่วิ่งหลบเอาตัวรอดในช่วงชุลมุน ศตวรรษรีบไล่ตามไป ถึงจะเสียรู้ให้กับคนเลวแต่ถ้าจับตัวมันได้ก็อาจจะสืบสาวไปถึงตัวการในไม่ช้า

ปัง!

ปัง!

ชายหนุ่มเล็งปลายปืนไปที่แผ่นหลังของคนหลบหนี แต่ด้วยทักษะเก่งกาจของอีกฝ่ายทำให้รอดพ้นทิศทางการยิงอย่างน่าอัศจรรย์ เขาสบถคำด่าแต่ก็เร่งจังหวะการวิ่ง ในเมื่อใช้ปืนไม่เป็นผลก็คงต้องใช้กำลังแรงที่มีเพื่อจับกุม

คิดแบบนั้นร่างสูงใหญ่ก็กระโดดตัวและใช้เท้าสองข้างถีบเข้าที่แผ่นหลังจนฝ่ายตรงข้ามเสียหลักล้ม กระบอกปืนของทั้งคู่หลุดลอยไปคนละทิศทาง หลงเหลือเพียงสองมือและสองเท้าที่เป็นอาวุธต่อสู้

“ไอ้เหี้ย มึงมานี่!” เสียงศตวรรษคำรามตวาดลั่นกังวานไปทั่วพื้นที่แคบ วงแขนแกร่งตวัดล็อกคอและกระชากตัวอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด

นอกจากต้องการจับกุมตัวแล้ว เขาก็ตั้งใจจะระบายความโกรธแค้นที่ถูกหลอกปั่นหัวอย่างคนโง่

ไม่ใช่ตำรวจ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสายอาชีพนี้ แต่ที่เข้ามาช่วยเหลือก็เพราะเสนอหน้าเข้ามาเอง และในเมื่อการใช้กระสุนกับการโถมโทสะใส่ร่างคนไม่ต้องถูกรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ก็คงไม่ต้องสนใจอะไรอีก

“เหี้ยเอ๊ย!” ศตวรรษกระหน่ำหมัดมือและหมัดเท้าใส่ร่างกำยำของคนใต้อาณัติด้วยความเดือดดาล

“อึก! ไอ้เหี้ย...อึก!”

นี่คือข้อดีของเขาที่ไม่ได้รับข้าราชการตำรวจ เป็นเพียงพ่อค้าทำไร่ทำสวนที่สาระแนมาช่วยงานเพื่อน ไม่จำเป็นต้องทำรายงานการใช้กระสุนปืนของหลวงหรืออาจถูกตั้งข้อหาทำเกินกว่าเหตุ ทุกความโกรธจึงระบายลงกับคนตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

ศตวรรษลืมเลือนความเจ็บจากการถูกยิงเป็นปลิดทิ้ง แต่กลับไม่ทันสังเกตเลยว่าอีกฝ่ายหยิบมีดแหลมคมซ่อนไว้ตรงข้อเท้ามาต่อสู้

ปลายมีดแหลมถูกแทงสวนขึ้นมาจนมันฝังลึกในเนื้อกาย ชายหนุ่มชะงักไปชั่วขณะ ก้าวถอยหลังเมื่อความเจ็บโลดแล่นไปทั่วทุกอณู ก้มลงมองยังหน้าท้องฝั่งซ้ายก็เห็นกับหยาดเลือดสีแดงสดที่ไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก

“ตายซะมึง!” จากที่พลาดท่าเป็นรองก็ผงาดขึ้นมาเมื่อถึงทีตัวเอง

แขนแกร่งง้างขึ้นหวังกดปลายมีดลงที่จุดสำคัญเพื่อปลิดชีพ เป้าหมายนอกเหนือจากการปั่นหัวหลอกล่อแล้วก็คือการฆ่าทิ้งเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องเก็บไว้

ศตวรรษกดมือที่บาดแผลตัวเองพลางถอยหลังหาที่ทรงตัว เขาพยายามควานหยิบของต่อสู้ ถึงเจ็บสาหัสก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ตัวเองตายด้วยน้ำมือคนชั่ว

แต่ทว่า...

“ไปอยู่ในนรกซะไอ้สัส!”

“พี่รุตอย่า!”

จังหวะง้างมือมาพร้อมกับเสียงแผดลั่นของบุคคลที่สาม สองชีวิตที่กำลังต่อสู้กันหันไปมองยังต้นกำเนิดของเสียงนั้นเป็นจุดเดียว

ร่างเล็กในเสื้อแขนยาวสีดำกางเกงวอร์มและหมวกกันน็อกเต็มใบที่มองไม่เห็นใบหน้า หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิง

“ฉิบ!” คนเหนือกว่าสบถด่าแต่ก็ลดระดับมือลง

“อย่านะ พี่จะทำอะไร! พี่จะฆ่าคนเหรอ!”

“โธ่เว้ย! รีบออกไปจากที่นี่ เร็ว!”

“พี่ทำอะไร บ้าไปแล้วเหรอ”

“พี่บอกให้ออกไปจากที่นี่ไง! มานี่!”

เก็บมีดและเข้าไปกระชากแขนเธอคนนั้นเข้าหาตัว พยายามผลักไสไล่ส่ง แต่กลับเห็นความดื้อดึงไม่ลดละถึงได้ลากตัวและปล่อยให้คนเจ็บนอนหอบหายใจรวยรินอยู่บนพื้น

ดวงตาคมขลับของศตวรรษหรี่ลงแทบไร้การรับรู้ ความเจ็บปวดที่โลดแล่นเข้าสู่ร่างกายเหมือนเป็นคำสั่งบังคับให้หลับตาและปิดดับทุกอย่าง แต่ด้วยหน้าที่ของตัวเองในตอนนี้เขาพยายามเก็บรายละเอียดมองคนสองคนที่กำลังฉุดกระชากออกไป

มองลึกเข้าไปยังกระจกหมวกกันน็อกใบนั้นว่าคนด้านในเป็นใครกันแน่ แต่สิ่งเดียวที่จำฝังลึกเข้าสู่สมองมีเพียงลายสติ๊กเกอร์สีนีออนที่ติดอยู่บนหมวกเท่านั้น

และทุกอย่างก็ดับวูบลงแทนที่ด้วยความดำขลับของรัตติยาในห้วงนิทรา...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel