บทที่ 2 สายลับ (2)
บทที่ 2
สายลับ (2)
“ระวังโจรเข้าบ้านนะคับยายนง ตำรวจมาไม่ทันของหายนะ”
“โอ๊ย ยายลืมอีกแล้วเหรอเนี่ย ยายต้องรีบกลับบ้านแล้วลูก ไปก่อนนะแพง ไว้พรุ่งนี้ป้าจะเอาผ้ามาให้รีด”
“จ้ะป้านง โอ๊ย...ป้าอย่าวิ่งเดี๋ยวก็ล้มหรอก” หญิงสาวรับคำและชะเง้อหน้ามองไปตามป้าเจ้าของร้านซักรีดที่ก้าวขาเร็ว ๆ วิ่งออกไป อายุปูนนี้หากได้ล้มทีหนึ่งคงแย่
“แม่ฮะ โทฉับ” มืออ้วนป้อมกระตุกชายเสื้อและชี้ไปยังมือถือที่หน้าจอสว่างวาบจากสายโทรเข้า
“เรียกแม่จนติดปากแล้วเนี่ยพาย อายังเป็นสาว เดี๋ยวไม่มีหนุ่มมาจีบจะทำไงหือ” ยื่นมือไปบีบแก้มหลานชายจนยู่ เวลาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวสองคนก็รู้สึกจั๊กจี้กับสรรพนามนี้ทุกที
“ฮื่อ แม่รับสายจิ โทฉับฉั่น” เด็กชายพระพายไม่เข้าใจสิ่งที่อาสาวพูด ในหัวสมองจดจำฝังลึกไปแล้วว่าต้องเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่
เวลาตามติดไปทำงานก็มักจะมีคนเรียกคนถามว่ามากับแม่หรือ นั่นแม่หรือ เด็กชายพระพายเลยเรียกสรรพนามนั้นตามคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่า ‘แม่’ แท้ ๆ ของตัวเองนั้นคือใคร
“โทรศัพท์สั่น ไม่ใช่โทฉับฉั่น พูดก็ไม่ชัดนะเราอะ” หญิงสาวหัวเราะกับคำพูดไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่สุดท้ายก็เดินไปรับสายและกรอกเสียงกลับไปเมื่อเห็นรายชื่อพี่ชายที่ปรากฏบนหน้าจอ
“ว่าไงพี่รุต”
เด็กสี่ขวบตาโตเมื่อได้ยินชื่อพ่อ รีบกระตุกชายเสื้อยิก ๆ และพยายามปีนป่ายอยากส่งเสียงให้พ่อได้ยิน
“โอ๊ย พระพายอย่าปีนสิ เดี๋ยวโทรศัพท์ร่วง” หญิงสาวยืนทุลักทุเลกับลิงข้างที่พยายามปีนขึ้นมาบนตัว มือข้างที่ว่างก็ช่วยประคองกลัวหลานตก แต่ก็รับน้ำหนักด้วยแขนข้างเดียวไม่ไหวเพราะเด็กน้อยตัวไม่ใช่เบา ๆ
“แพง สักห้าทุ่มแกมารับพี่ที่ร้านหน่อยนะ คืนนี้พี่จะกลับบ้าน”
“หือ พี่รุตจะกลับบ้านเหรอ ดีเลยสิ นี่เจ้าพายก็ถามหาอยู่ พี่อยากคุยไหม”
ถามทั้งที่มือก็เตรียมส่งยื่นโทรศัพท์ให้เด็กน้อยได้พูดสนทนา แต่ดันได้ยินเสียงห้ามจากปลายสายเลยชะงักไว้ทัน
“ไม่ต้องแพง พี่ต้องรีบไปทำงานแล้ว คืนนี้อย่าลืมมารับพี่ด้วยล่ะ อย่าลืมนะ อย่าลืมมารับพี่” คำพูดลนลานที่จับได้จากกระแสน้ำเสียงทำให้คนถือสายมุ่นคิ้วแปลกใจ ปกติแล้วมารุตผู้เป็นพี่ชายมักจะร้องหาลูกชายตลอด สายที่โทรหาส่วนใหญ่ก็คือการถามไถ่ถึงลูกชายทั้งนั้น
ครั้นจะถามสายถูกตัดไปเสียก่อน ถึงกับต้องรีบปรับสีหน้ารัวเร็ว เพราะยังต้องรับมือกับลิงดื้อที่พยายามยื้อแย่งคว้าโทรศัพท์
“พ่อเขาวางไปแล้วพาย ไปยืนดี ๆ ก่อน มันหนักนะตัวแสบ”
“อยากคุยกับพ่อ” ตาแป๋ว ๆ กะพริบอ้อนจนใจเหลว น้ำเสียงดูเศร้าสร้อยมากจริง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อ พระแพงยื่นมือไปลูบเรือนผมสั้นของหลานชายและรั้งเข้ามากอด พี่ชายเธอไม่ได้กลับบ้านหลายวัน ไม่แปลกเลยที่ด็กชายพระพายจะคิดถึงแบบนี้
“พ่อเขาทำงานน่ะ แต่คืนนี้พ่อเขาจะกลับมาแล้วนะ พายจะได้นอนกอดพ่อแล้ว!”
“จริงหยอ!จริงนะ แม่ไม่หลอกพายนะคับ”
“ไม่หลอกครับ ถ้าอยากเจอพ่อก็ต้องรีบไปอาบน้ำให้ตัวหอม ๆ คืนนี้พ่อจะได้มานอนกอด เอ้า...อย่าวิ่งเดี๋ยวลื่น!” ไม่เห็นความเศร้าแล้วเพราะมีแต่ความดีใจตื่นเต้นที่ปรากฏขึ้นแทน เด็กสี่ขวบช่างอ่อนต่อโลกมากนัก เอาอะไรมาหลอกล่อนิดเดียวก็ยิ้มร่าดีใจ นี่ก็รีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องน้ำอย่างไวโดยไม่ลืมกระป๋องแป้งมากอดแนบตัวอีกต่างหาก
“อาบน้ำประแป้งตัวหอม ๆ อาบน้ำประแป้งตัวหอม ๆ”
เสียงเพลงบีตหนักและแสงสปอตไลต์เร้าอารมณ์ให้ใครหลายคนต่างก็ปล่อยใจไปกับความสนุกสนาน หากแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับศตวรรษที่ตอนนี้กำลังหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาโคลงไหวไปมา ทว่าดวงตาคมขลับกลับกวาดมองสอดส่องรอบตัวร้านเพื่อหาเบาะแสความเคลื่อนไหวตามหน้าที่ที่ได้รับ
ศตวรรษนั่งอยู่บนโซฟาหนังในพื้นที่พิเศษสำหรับลูกค้ากระเป๋าหนัก นอกจากภูมิฐานของความร่ำรวยก็มีเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นสร้อยทองและแหวนเพชร ซึ่งบอกชัดเพียงแรกเห็นว่าเป็นลูกค้ามีฐานะ
ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในร้านก็ถูกต้อนรับดิบดี เด็กในร้านเวียนมาบริการ ไม่เว้นแต่ผู้จัดการสาวหรือที่ใครต่อใครก็ต่างเรียกว่าแม่เล้าที่แทบจะคลานเข่ามาหา ในใจนึกสมเพชกับเปลือกนอกที่สามารถใช้เป็นเกราะยกตัวให้อยู่สูงเหนือใคร หากแต่เบื้องหน้ากลับเป็นความชอบใจยินดีเพราะตอนนี้ฉากละครยังถ่ายทำไม่จบ
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ หรือว่ามันไหวตัวทันเลยเลื่อนวันส่งของวะ” เสียงเข้มเอ่ยกับเครื่องดักฟังที่ติดกับรังดุม คำพูดเปล่งออกมาแล้วแต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเพื่อไม่ให้ถูกจับสังเกตได้
ครั้นส่งคำถามไปยังปลายสายที่ก็ได้รับข้อความจากมือถือตอบกลับมา เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างแนบเนียน ทำเป็นกดเล่นและเช็กข่าวสารไปพลาง ๆ ไม่นานก็เก็บมันเข้าที่เดิมเมื่ออ่านตัวอักษรจนได้ใจความครบถ้วนด้วยเวลาเพียงไม่กี่วินาที
เหยี่ยวขาว : ไม่เลื่อนแน่ คนของกูรายงานว่าลูกค้าของมันกำลังเดินทางมา อีกไม่ถึงห้านาทีจะถึงที่หมาย
คนอ่านข้อความถึงกับย่นคิ้ว หากเป็นไปตามรายงานจริง ๆ แล้วทำไมสถานการณ์ภายในร้านถึงยังเป็นปกติ
