บทที่ 1 ใจแตก (2)
บทที่ 1 ใจแตก (2)
นั่งขายผักหน้าแผงได้ไม่นาน เจ๊เจ้าของก็มีงานด่วนให้ทำแต่จ่ายเงินมากถึงสองเท่า พระแพงรีบตอบรับในทันที ยังไม่ทันรู้เนื้อหางานเลยด้วยซ้ำแต่กลิ่นเงินหอมหวนล่อตาล่อใจเหลือเกิน
“เจ๊อยากให้แพงช่วยขับรถไปรับผักที่ไร่กมลให้หน่อย วันนี้คนขับมันขอลา คนอื่น ๆ ก็ไม่ว่างหมดเลย จะให้เด็กในบ้านไปเอามันก็ขับกระบะไม่เป็น เจ๊นึกถึงแพงออกคนแรกก็เลยอยากให้ช่วย”
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ยินดีพรักพร้อมสำหรับการไหว้วานเพราะมันไม่ได้เกินความสามารถของตัวเองเลย ก็แค่ขับรถไปรับผักด้วยตัวเองเรื่องแบบนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย เธอเสียอีกที่ต้องกราบขอบคุณเพราะได้เงินมากถึงสองเท่าแต่ไม่เหนื่อยมากกว่าเดิม
“เรียกใช้แพงได้ตลอดเลยค่ะเจ๊ แพงขับรถกระบะเป็น”
“งั้นเจ๊ฝากด้วยนะ แพงแค่ไปที่ไร่แล้วก็บอกคนงานว่ามาเอารายการสั่งของเจ๊ก็พอ”
“ได้ค่ะเจ๊” เธอรับคำสั่งง่าย ๆ ใช่ว่าจะไม่เคยทำงานนี้แทนคนอื่นสักหน่อย มีบ้างที่เจ๊แผงผักขอให้เธอมาช่วยขับรถรับของแทน แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักเพราะมีคนทำหน้าที่นี้ประจำอยู่แล้ว
“ไปครับพาย ไปขับรถเล่นกัน” หญิงสาวเดินออกมาก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกับเด็กน้อยที่ทำหน้าง่วงซึมจากการถูกปลุก
เธอจำต้องปลุกลูกชายให้ตื่นเพราะต้องพาขึ้นรถไปรับผักด้วยกัน เด็กน้อยทำหน้าง้ำแต่ก็ไม่ได้มีอาการงอแง อาจเพราะเคยชินกับตารางเวลาของแม่ไปแล้ว
รถกระบะสองประตูขับแล่นไปตามทางขึ้นเขามุ่งสู่ไร่กมลซึ่งเป็นไร่มหาอำนาจของภาคเหนือ คำนิยามดังกล่าวไม่เกินจริงเพราะไร่กมลเป็นไร่ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย หากแต่ความใหญ่โตของตัวไร่และอิทธิพลของเจ้าของนั้นเป็นที่เลื่องลือในวงการเกษตรและธุรกิจ
“นอนได้นะครับพาย ถ้าง่วงก็นอนนะลูก” เธอบอกกับเด็กชายที่นั่งคาดเข็มขัดอยู่บนเบาะข้างกัน ยื่นมือไปลูบศีรษะทุยและโน้มใบหน้ากดฝัง ก่อนจะดึงตัวเองกลับมาประจำและจับจ้องยังหนทางเบื้องหน้าดังเดิม
“คับ” เด็กน้อยขานรับด้วยน้ำเสียงเอื่อย คงเหนื่อยล้าพอตัวเพราะต้องตื่นกลางดึกถึงสองครั้ง หนึ่งคือตอนที่แม่ต้องมาขายผัก และสองต้องตื่นตามแม่มาขับรถ
หญิงสาวน้ำตารื้นรู้สึกผิดและเสียใจเต็มอกที่ทำให้ชีวิตลูกตัวน้อยดีกว่านี้ไม่ได้
ระหว่างทางมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเป็นเพื่อนข้างกาย หญิงสาวคิดถึงเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยเพราะกว่าจะขับไปถึงไร่กมลก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว และหนึ่งในหัวข้อที่อยู่ในหัวก็คือชื่อของลูกชายวัยสี่ขวบที่นั่งเคียงข้าง
เด็กคนนี้ชื่อพระพายที่แปลว่าลม ชื่อคล้องจองคำว่าพระแพงซึ่งเป็นชื่อเธอ หากแต่ความหมายเหมือนกันกับผู้เป็นพ่อที่ชื่อว่ามารุต
พ่อของเด็กชายพระพายชื่อมารุต ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธอนั่นเอง
แต่ใช่ว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับคนในสายเลือดจนมีเด็กเกิดออกมา แท้จริงแล้วสถานะของพระแพงเป็นอาของเด็กชายพระพายต่างหาก แต่ด้วยความที่ตัวติดกันและกระเตงไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจึงถูกทักจากคนนอกว่าเป็นสองแม่ลูก เด็กน้อยที่อายุเพียงเท่านี้ไม่ได้รับรู้อะไรเลยเรียกตามคนอื่น ในความคิดของพระพายจดจำฝังลึกไปโดยปริยายว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ของตน
ซึ่งพระแพงเองก็น้อมรับสถานะ ‘แม่จำเป็น’ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ตอนแรกเธอก็บอกให้เรียกพี่แพงนั่นแหละเพราะเธออายุเพียงยี่สิบสองเท่านั้นเลยเขิน ๆ แปลก ๆ กับสรรพนามการเป็นอา แต่สุดท้ายหวยดันมาออกที่เธอได้เป็นแม่เฉยเลย ตอนแรกก็หนักใจอยู่หรอก แต่พอได้ยินชินหูมาเป็นปีก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะเหนื่อยจะอธิบาย
ส่วนสาเหตุที่พ่อของเด็กมาดูแลไม่ได้ก็เพราะต้องทำงาน รับจ็อบวุ่นเป็นสิบอย่างแทบไม่ได้พักผ่อน เธอเลยอาสารับเลี้ยงดูหลานจนตัวติดกันให้คนอื่นนินทาว่าใจแตกตั้งแต่เด็ก
ก็นะ...ปัจจุบันอายุยี่สิบสอง แล้วตอนนี้พระพายอายุสี่ขวบ คนที่เข้าใจผิดก็คำนวณไปนั่นแหละว่าเธอท้องตั้งแต่สิบเจ็ด
หญิงสาวหลุดเสียงหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นคนเดียวในหัว ตอนนี้เธอหน้าหนาพอที่จะไม่สนใจเสียงนกเสียงกา กลับกันยังนึกขำกับจินตนาการล้ำเลิศเป็นตุเป็นตะ แอบคิดเหมือนกันถ้าความจริงเปิดเผยว่าเธอคืออาของเด็กชายพระพายแล้วคนพวกนั้นจะทำหน้ายังไง
รถกระบะขับมาจอดต่อท้ายรถที่รอคิวในแถวรับสินค้า ช่วงเวลานี้มีรถจากหลากหลายที่มาอยู่ในไร่เป็นปกติเนื่องจากไร่กมลเป็นไร่ที่ส่งออกผักขนาดใหญ่เกือบทุกชนิด พอถึงคิวของหญิงสาวก็เปลี่ยนเกียร์และขับไปยังจุดรับของ คนงานในไร่ยืนเรียงตามจุดเรียบร้อย ทำหน้าที่ขนของขึ้นท้ายรถได้อย่างคล่องแคล่วไม่เสียเวลา
หญิงสาวนึกทึ่งกับความสามารถที่เห็น แอบอิจฉาอยู่ลึก ๆ เหมือนกันที่ตัวเองไม่ได้มีพละกำลังเหมือนผู้ชาย ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงสามารถรับจ็อบเสริมเพิ่มอีกได้ ลำพังแค่ขายผัก ทำพาร์ตไทม์ กับรับรีดผ้ามันไม่พอยาไส้สำหรับเธอและเด็กวัยกำลังโต หากเธอมีเรี่ยวแรงแข็งแกร่งก็คงจะขอสมัครมาช่วยแบกผักขนกระสอบด้วยอีกแรงเผื่อจะช่วยเพิ่มเงินในบัญชี
คิดแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็รีบสั่นหัวขับไล่ความคิดนั้นออกไป เธอยิ้มขำให้กับตัวเองที่ชอบเพ้อ นี่เป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของตัวเองเลยก็ว่าได้
“ครบแล้ว ขับไปข้างหน้าได้เลย” เสียงแข็งกร้าวตะโกนบอกจากท้ายกระบะพร้อมกับแรงทุบตัวรถเบา ๆ ส่งสัญญาณว่าฝ่ายเรียบเรียงสินค้าได้เสร็จลุล่วงแล้ว
หญิงสาวเคลื่อนตัวรถไปยังจุดถัดไปซึ่งเป็นจุดจ่ายเงิน ที่นี่ทำงานเป็นระบบระเบียบเรื่องผิดพลาดแทบไม่เคยเกิดขึ้นเพราะเจ้าของวางแผนมาเป็นอย่างดี
พอขับมาถึงจุดนี้ก็ได้เวลาที่จะต้องลงจากรถ เธอพกเงินสดมาเป็นหมื่นเลยอยากรีบจ่ายให้แล้วเสร็จ กลัวจะทำหายและไม่มีชดใช้ แล้วก็ถือโอกาสสำรวจตรวจตราสินค้าไปด้วยว่าครบถ้วนหรือไม่ แม้ว่าในจุดแรกจะเรียกขานบอกสินค้าที่ได้ขึ้นรถแต่ละประเภทแล้วก็ตาม
“อ้าว ไม่ได้เจอกันนานเลยนังหนู รับจ็อบเสริมอีกแล้วล่ะสิ” ผู้จัดการไร่เงยหน้าขึ้นจากใบรายการสั่งซื้อก็ร้องทัก
พระแพงส่งยิ้มกว้าง ดีใจที่คนตรงหน้าจำกันได้เพราะเธอมาที่นี่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
“คนมันขาดอะพี่ เจ๊เลยขอให้หนูมาแทน”
