บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

“ถ้าคืนนั้นผมไม่พาคุณกับลูกออกไปทานอาหารนอกบ้าน วันนี้เราก็คงยังอยู่ด้วยกันใช่ไหม” ชายหนุ่มพร่ำเพ้ออยู่คนเดียวเหมือนที่เป็นมาตลอดสามเดือน

“คุณรู้ไหมว่าผมเหงาแค่ไหน รู้ไหมว่าผมทรมานแค่ไหนที่ไม่มีคุณกับลูก ทำไมคุณถึงไม่เอาผมไปอยู่ด้วยล่ะภัทร คุณอยู่กับลูกแค่สองคน คุณไม่เหงาบ้างเลยเหรอ ผมรู้นะว่าคุณเองก็อยากให้ผมไปอยู่ด้วยเหมือนกัน” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีกเช่นเคย ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยาดน้ำตาที่คลอรื้นขึ้นมา

“ผมขอโทษนะที่อ่อนแอต่อหน้าคุณ...พ่อขอโทษนะคะน้องอ้อน พ่อสัญญาว่าจะเข้มแข็งกว่านี้ พ่อสัญญาว่าจะทวงความยุติธรรมคืนให้ลูกกับคุณแม่เอง ตอนนี้ลูกหลับให้สบายนะ ไม่ต้องห่วงพ่อ...คุณเองก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะภัทร ผมจะสั่งสอนให้คนพวกนั้นรู้ซึ้งถึงความสูญเสียเอง ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ได้” แทนธีราให้คำมั่นสัญญาต่อหน้ารูปภาพของสองดวงใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะข้างเตียง เปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบปืนใส่ส่งไปในกระเป๋าเสื้อผ้า

พรุ่งนี้เขาตั้งใจจะเดินทางไปกรุงเทพอีกครั้งเพื่อตามหาตัวกุลธารินทร์ให้เจอ รวมทั้งสืบค้นประวัติของเธ ออย่างละเอียด ส่วนแผนการนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดหนัก เพราะมันถูกเตรียมพร้อมอยู่ในสมองตั้งแต่ตอนอาบน้ำแล้ว รับรองได้เลยว่าพวกผู้ดีชาวกรุงจะต้องเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเขาแน่ คนพวกนั้นสมควรรับรู้ว่าการที่คนเป็นพ่อแม่หรือเป็นสามี ต้องสูญเสียลูกเมียไปมันทรมานแสนสาหัสแค่ไหน จริงอยู่ที่คนอย่างแทนธีราคงไม่โหดร้ายถึงขั้นลงมือฆ่าใครได้

แต่เขาก็กล้าพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งรู้สึกเหมือนต้องตายทั้งเป็น!

แทนธีรายิ้มให้กับความคิดของตัวเอง หลังจากแต่งตัวด้วยชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดแล็ปท็อปที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงาน เพื่อค้นหาและสั่งสินค้าบางอย่างผ่านการซื้อขายบนโลกออนไลน์ โดยขอนัดรับสินค้าด้วยตัวเอง ตอนแรกอีกฝ่ายก็อิดออดบอกว่าไม่สะดวกนัก แต่เมื่อเขาเสนอว่าจะจ่ายเพิ่มเงินให้อีกเท่าตัวเพื่อเป็นค่าเสียเวลา พ่อค้าหนุ่มหัวใสก็ตอบตกลงทันที

เช้าวันรุ่งขึ้น...

ทิพย์ธารีไม่ได้พบพี่ชายในสวนตามที่กำชับไว้เมื่อคืน แต่ได้รู้จากคนงานว่าแทนธีราขับรถเข้ากรุงเทพไปตั้งแต่เช้าตรู่ มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่องติดตัวไปด้วย คาดว่าไม่น่าจะกลับมาที่จันทบุรีเร็วนัก หญิงสาวเดินกระวนกระวายอยู่นาน เพราะรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะขาดสติขึ้นมาอีก

รชานนท์ ศิวาศักดิ์ หนุ่มหล่อวัยยี่สิบเก้าปีเดินกึ่งวิ่งตรงมาหาทิพย์ธารีที่บ้านสวนด้วยความร้อนใจ เขาเป็นเพื่อนสนิทที่แทนธีราไว้ใจมาก ทำงานอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ตอนที่แทนธีรารับช่วงกิจการต่อจากพ่อแม่ รชานนท์ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยพืชพันธุ์นานาชนิด และควบตำแหน่งผู้จัดการของไร่ไตรชีรารัตน์ไปด้วยในตัว ชายหนุ่มเรียนจบจากคณะเกษตรศาสตร์เช่นเดียวกับแทนธีรา มีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งช่วยการันตีความสามารถ ในขณะที่ทิพย์ธารีเลือกเรียนทางด้านบริหารธุรกิจตามความชอบของตัวเอง และเธอก็เพิ่งเรียนจบก่อนหน้าที่พี่สะใภ้และหลานสาวจะเสียชีวิตได้ไม่นานนี้เอง

“เป็นยังไงบ้างคะพี่นนท์ ตกลงพอรู้ไหมคะว่าพี่แทนไปไหนกันแน่” ทิพย์ธารีรีบถาม

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ พี่พยายามหาเบอร์โทรที่บ้านในกรุงเทพแล้วนะ แต่ไม่มีเลย เพราะไอ้แทนอยู่ที่นั่นได้แค่วันเดียวแล้วก็เกิดอุบัติเหตุแล้ว” รชานนท์ดูเครียดไม่แพ้กัน

“ถ้างั้นเราเข้ากรุงเทพกันดีไหมคะ ทิพย์จำได้ค่ะว่าบ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหน”

“พี่ว่าไม่ดีหรอก อย่าลืมสิว่าวันนี้เราต้องให้ความสะดวกกับกลุ่มนักวิจัย อีกอย่างเราก็ไม่ควรไปตามหาไอ้แทนแบบไม่มีจุดหมายนะ เรารออยู่ที่นี่ดีกว่าทิพย์ บางทีไอ้แทนอาจจะไปหาที่พักผ่อนสงบๆก็ได้ อยู่ที่นี่คงคิดถึงภัทรกับน้องอ้อนจนทำใจไม่ได้เสียที” ชายหนุ่มว่าไปตามน้ำ หลังจากทิพย์ธารีเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ว่าแทนธีรากำลังคิดจะฮึดสู้อีกครั้ง เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลไหนที่น่าคิดเท่านี้มาก่อน

“ขอให้เป็นอย่างที่พี่นนท์ว่าล่ะกันค่ะ เดี๋ยวทิพย์จะสั่งให้ป้าลิ้มช่วยโทรหาพี่แทนเป็นระยะด้วย” ทิพย์ธารีดูกังวลใจ

“อย่าคิดมากเลยนะ ถ้าไอ้แทนไม่ติดต่อมาภายในสามวัน พี่จะพาทิพย์ไปตามหามันที่กรุงเทพเอง” รชานนท์แตะไหล่หญิงสาวอย่างให้กำลังใจ

“ขอบคุณนะคะ” แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มน่ารัก เขาก็รีบชักมือกลับทันที

“เอ่อ...งั้นพี่ว่าทิพย์ไปเตรียมตัวเถอะ อีกไม่นานพวกนักวิจัยก็คงเดินทางมาถึงแล้ว”

“อ้าว แล้ววันนี้พี่นนท์ไม่ทานมื้อเช้าด้วยกันเหรอคะ” หญิงสาวถาม

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ดื่มแค่กาแฟก็พอ”

“ดื่มกาแฟแทนอาหารมันไม่ดีนะคะ รู้ไหมว่าคนที่ไม่ทานมื้อเช้าจะทำให้สมองฝ่อ แล้วก็แก่เร็วด้วยนะคะ”

“แต่ว่าพี่...” รชานนท์อึดอัดใจที่ต้องอยู่กับเธอตามลำพัง แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา

“มาค่ะ มาทานข้าวด้วยกันดีกว่า วันนี้ป้าลิ้มทำโจ๊กไข่ลวกของโปรดของพี่นนท์กับพี่แทนด้วยนะคะ” ทิพย์ธารีคว้าแขนกำยำไว้มั่น แล้วดึงให้เดินตามเข้ามาในบ้าน

สีหน้าที่ดูคล้ายกระอักกระอ่วนใจของรชานนท์ทำให้เธอนิ่วหน้า แอบสงสัยอยู่ในใจว่าข่าวลือที่บอกกันว่าเขาเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันนั้นอาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าไม่จริงเขาคงไม่ทำเหมือนอึดอัดเวลาอยู่กับเธอตามลำพังหรอก นี่ถ้ารชานนท์เป็นเกย์จริงๆก็น่าเสียดายไม่น้อยเลย ทิพย์ธารีคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดแล้วในสายตาเธอ รูปร่างท่าทางก็บึกบึนสมชายชาตรีทุกประการ หากวันหนึ่งเปลี่ยนมาเดินอ่อนแอ้นกรีดนิ้วขึ้นมาเธอคงทำใจยอมรับลำบากเหมือนกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel