บทที่ 2
แทนธีราจัดการจ่ายเงินค่าจ้างให้คนงานที่ช่วยขนข้าวของมาให้จนถึงกรุงเทพ แล้วสั่งให้กลับจันทบุรีไปทำหน้าที่ของตัวเองเสีย ซึ่งหนึ่งในคนงานพวกนั้นก็คือลุงเพ่งที่ขอติดตามมารับใช้ด้วย ชายชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่าจ้าง แต่ก็ถูกเจ้านายยัดเยียดให้เหมือนอย่างเคย
“ไปพักเถอะลุงเพ่ง ผมบอกว่าอย่าไปช่วยขนของก็ไม่ยอมฟังกันเลย” ชายหนุ่มบ่นเมื่อเห็นลุงเพ่งเหนื่อยหอบ
“มันเป็นหน้าที่ของลุงนี่ครับ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณแทนมากเลยนะที่ให้ลุงตามมาอยู่ด้วย” ชายวัยเจ็บสิบปีแต่ยังดูแข็งแรงยกมือกระพุ่มขึ้นไหว้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ลุงอยากมาผมก็ให้มา เอาเป็นว่าลุงไปพักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวอีกสักพักผมจะพาน้องอ้อนกับภัทรไปทานข้าวนอกบ้าน ถ้าลุงยังไม่นอนก็ฝากดูแลที่นี่ด้วยนะครับ เรายังไม่รู้จักคุ้นเคยกับพวกแม่บ้านหรือคนสวนดีนัก ช่วงแรกคงต้องระวังกันหน่อย สมัยนี้มิจฉาชีพมันเยอะเหลือเกิน” แทนธีรารอบคอบไว้ก่อน
“ไม่ต้องห่วงครับ ลุงนอนดึก เดี๋ยวลุงจะเป็นหูเป็นตาให้เอง”
“ขอบคุณมากลุง งั้นผมไปอาบน้ำแต่งตัวล่ะนะ” ชายหนุ่มยิ้มกับชายชรา ตั้งท่าจะหมุนตัวเดินขึ้นข้างบนไป
เพล้ง!
เสียงวัตถุบางอย่างที่ร่วงหล่นกระทบพื้นหยุดฝีเท้าของแทนธีราไว้ ชายหนุ่มหันกลับมามองก็พบว่าภาพถ่ายครอบครัวที่มีกันสามพ่อแม่ลูก หล่นลงมาจากโต๊ะมุมห้องรับแขกจนแตกกระจาย ทั้งที่แม่บ้านกับคนอื่นไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณนั้นเลยสักคน หากจะโทษลมก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเวลานี้ภายในบ้านใช้เครื่องปรับอากาศ หน้าต่างทุกบานก็ปิดสนิทเนื่องจากใกล้ค่ำแล้ว
“แบบนี้มันลางไม่ดีนะครับ ลุงว่าคุณแทนอย่าออกไปไหนเลย” ลุงเพ่งเตือนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ก็แค่ความบังเอิญน่ะลุง ไม่มีอะไรหรอก ฝากเรียกแม่บ้านมาเก็บกวาดด้วยนะครับ เดี๋ยวจะบาดโดนน้องอ้อนเอา” ชายหนุ่มปลอบใจตัวเอง ก่อนจะเดินขึ้นข้างบนไปทันที แม้จะแสร้งทำเป็นมองข้ามลางสังหรณ์ที่ลุงเพ่งว่า แต่หัวใจนั้นกระสับกระส่ายอย่างไม่มีเหตุผล ใจหนึ่งก็อยากเปลี่ยนใจรับประทานอาหารค่ำอยู่ที่บ้าน แต่อีกใจก็แย้งขึ้นมาบอกว่าเขาควรพาลูกสาวไปเลี้ยงฉลองวันเกิด เพราะเธอบ่นมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าอยากรับประทานไอศกรีมและเค้กช็อคโกแลต
สุดท้ายแทนธีราก็ทำลายความหวังของลูกสาวไม่ลง และพบว่าตัวเองคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจพาเธอออกมาเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบสี่ขวบ น้องอ้อนหัวเราะร้องเพลงประสานเสียงกับพ่อและแม่ไปตลอดทาง รอยยิ้มของลูกสาวที่หน้าตาถอดแบบคุณแม่คนสวยมาแทบทุกระเบียดนิ้ว ทำให้หัวใจคนเป็นพ่อพองโตคับอก กว่าจะได้ลูกคนนี้มา เขากับภัทรรัตน์ต้องผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน เพราะหญิงสาวไม่ค่อยแข็งแรงนัก เพียงแค่ออกแรงนิดหน่อยก็ตกเลือดจนต้องนำส่งโรงพยาบาลอยู่หลายหน ซึ่งนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่แทนธีราไม่อยากทรมานเธอด้วยการมีลูกคนที่สอง
“ถึงแล้วค่ะคนเก่ง” แทนธีราบอกลูกสาว ขณะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าร้าน
“เย้! น้องอ้อนจะทานเค้กนะคะคุณแม่ ไอศกรีมด้วยนะคะคุณพ่อ!” เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“ได้สิคะ แต่น้องอ้อนต้องทานข้าวก่อนนะ พวกของหวานเอาไว้ทีหลังนะลูก” ภัทรรัตน์บอกลูกสาวเหมือนอย่างที่บอกอยู่เป็นประจำ น้องอ้อนพยักหน้าตอบตกลงตามประสาเด็กว่าง่าย ก่อนจะเดินจูงมือคุณพ่อคุณแม่เข้าไปภายในร้านอาหารค่อนข้างหรูที่มีชื่อว่าร้านอาหารแก้วมุกดา
น่าแปลกที่ร้านอาหารแห่งนี้ร้างลาผู้คนเหมือนไม่ได้เปิดให้บริการ แต่ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้โทรศัพท์มาจองโต๊ะเอาไว้แล้ว พนักงานที่ร้านก็ตอบตกลงเรียบร้อยแล้วด้วย แทนธีราสงสัยได้ไม่นาน บริกรหญิงที่แต่งตัวสุภาพก็วิ่งออกมาต้อนรับเขา
“ขอประทานโทษค่ะ คือวันนี้ร้านอาหารของเราไม่ได้เปิดให้บริการนะคะ” เธอยิ้มแหย
“แต่ผมโทรมาจองไว้ล่วงหน้าแล้วนะครับ ทำไมจู่ๆถึงปิดล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น
“นั่นสิ ถ้าร้านปิดก็ไม่น่าเปิดให้จองโต๊ะนี่นา ทำแบบนี้มันเสียเวลานะคะ” ภัทรรัตน์ไม่เคยต่อว่าใครมาก่อน แต่สำหรับกรณีนี้เธอทนไม่ไหวจริงๆ ยิ่งเห็นน้องอ้อนทำหน้าเบ้คล้ายจะร้องไห้ คนเป็นแม่ก็ย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
“ต้องขอโทษจริงๆค่ะ พอดีว่าลูกสาวเจ้าของร้านเพิ่งมาบอกเมื่อครู่นี้เองว่าจะเหมาทั้งร้าน”
“แย่ชะมัด มีอย่างที่ไหนคิดจะเปิดก็เปิด คิดจะปิดก็ไม่มีการบอกกล่าวลูกค้าล่วงหน้า ปกติผมไม่ใช่คนพูดยากหรอกนะครับ แต่นี่มันก็สองทุ่มแล้ว ร้านอาหารอื่นคงเต็มหมด แล้วผมจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดลูกสาวผม” แทนธีราหัวเสียไม่น้อย
“คุณพ่อขา...น้องอ้อนหิวแล้วค่ะ” เด็กน้อยกระตุกมือคุณพ่อเบาๆ
“หิวแล้วก็เชิญข้างในเลยสิคะหนูน้อย” เจ้าของร่างสะโอดสะองในชุดเดรสสั้นรัดรูปเดินออกมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี แทนธีราเหลือบมองหญิงสาวครู่หนึ่ง แม้เธอจะสวยและหุ่นดีปานดารานางแบบ แต่เขาก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นมากกว่าไปคนแปลกหน้าเลย
